บทที่ 3 อย่าดักดาน
หลังจากวันนั้นชีวิตแมทธิวก็เปลี่ยนไป จากคนที่ไม่เอาจริงเอาจังกับเรื่องอะไร เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ชอบประชดประชันและทำให้คนอื่นมองตัวเองในแง่ลบ ชายหนุ่มอดทนและเรียนรู้งานจากวรรษได้อย่างรวดเร็ว
เริ่มจากการนอนหลับเป็นอันดับแรก และเลิกดื่มเป็นอันดับสอง...จากที่ไม่เคยมีใครยกมือไหว้ตอนนี้พนักงานหลายคนยกมือไหว้กันแล้ว...
“วันนี้มีประชุมกับคณะกรรมการ...คุณธิวพร้อมนะครับ” แมทธิวพยักหน้าและทิ้งศีรษะพิงพนักเก้าอี้ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากดหัวตาไว้
“เลิกกี่โมง” ชายหนุ่มถามวรรษทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“เลิกไม่น่าจะเกินสี่โมงเย็น แต่อาจจะมีไปกินเลี้ยงต่อ...ผมเตรียมสูทไว้ให้แล้ว” แมทธิวพยักหน้ารับอีกครั้ง ถ้าเตรียมสูทไว้นั่นคือต้องไป ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นมานั่งอ่านเอกสารต่อ
“วรรษ...ฉันทำงานมาเดือนหนึ่งแล้ว นายไว้ใจฉันไหม?” วรรษยกยิ้ม ก่อนจะหยิบแฟ้มที่เจ้านายหนุ่มลงลายเซ็นเรียบร้อย และสลับอันใหม่เข้าไปแทน
“คุณธิวทำให้ผมภูมิใจมากครับ คุณทัชก็ฝากชมมา และผมเตรียมเลขาไว้ให้คุณธิวแล้ว เป็นลูกน้องหน้าห้องของคุณทัช...ถึงจะดูเนิร์ดไปบ้าง แต่ฉลาดไว้ใจได้ครับ” แมทธิวไพร่คิดไปถึงชายหนุ่มรุ่นเดียวกันกับเขาที่ใส่แว่นหนาเป็นนิ้ว ใบหน้าบึ้งตึงแทบจะตลอดเวลา
“แว่นน่ะเหรอ?”
“ครับ คนของคุณทัชถ้าไม่เก่งจริงกระเด็นหมดแล้วคุณก็รู้...”
“วรรษ...นายชมตัวเองก็เป็นด้วยหรือ?” และคนทั้งคู่ก็หัวเราะใส่กัน
ก่อนที่วรรษจะซักซ้อมคำพูดโต้ตอบกับเจ้านายหนุ่มอีกครั้ง แมทธิวซาบซึ้งใจในความซื่อสัตย์ของวรรษมาก วรรษเป็นเลขาและเพื่อนสนิทของพี่ชายเขา ซึ่งต้องยอมรับตรง ๆ หากไม่มีเลขาคนนี้คอยสอนงานเขา แมทธิวคงจะไม่มีวันนี้...
#ห้องประชุม
“ไม่เจอกันนานเลยนะหลานธิว เดี๋ยวนี้ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมากเลยนะ ถ้าพ่อเราเห็นคงจะดีใจมาก ที่ลูกชายคนเล็กเอาถ่านกับเขาเสียที” แมทธิวนั่งอยู่ที่เก้าอี้ประธานกรรมการด้านหน้าสุด เขารับฟังและไม่ได้ลุกขึ้นมาโวยวายเหมือนอย่างเคย และครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองที่ผู้ชายคนนี้ที่เป็นหุ้นส่วนเพียงน้อยนิดพูดจาไม่ให้เกียรติเขา
หากเป็นแต่ก่อนแมทธิวคงจะหยิบแก้วกาแฟตรงหน้าสาดเข้าใบหน้าของคนที่พูดแบบนี้กับเขา และตวาดด่ากราดอย่างไม่สนใจใคร แต่ตอนนี้ชายหนุ่มเพียงยกยิ้มมุมปาก และเลิกคิ้วมองหน้าคนพูดเพียงเท่านั้น...
“คุณไม่ใช่ญาติผม...เพราะฉะนั้นอย่างมาพูดทำนองว่าผมเป็นหลานคุณ ใครมาได้ยินจะเอาไปพูดต่อซึ่งผมไม่ชอบ” น้ำเสียงราบเรียบของรักษาการตำแหน่งประธานบริษัททำให้ห้องประชุมทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
“หนึ่งเดือนที่ผ่านมา...ผมทำงานจริงจังเช้ายันค่ำ ในขณะที่หลายคนในที่นี้ให้ลูกน้องทำแทน” แมทธิวหัวเราะในลำคอและตวัดสายตามองไปรอบห้องประชุม
“..........”
“ผมไม่สนใจว่าพวกคุณจะคิดกับผมยังไง แต่ลายเซ็นผมสำคัญที่สุด! เพราะฉะนั้นการให้เกียรติกันเป็นสิ่งสำคัญ คุณให้เกียรติผม ผมให้เกียรติคุณ อะไรมันก็จะง่าย ๆ หน่อยนะครับ” แมทธิวหมุนปากกาในมือเล่นเพื่อฆ่าเวลา
“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกธิว...ไม่มีอะไรหรอกนะอย่าไปถือพวกลุง ๆ เขาเลย” แมทธิวยิ้มเยาะให้คนพูด ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการฮุบ ‘อัศวกรุ๊ป’ ในครั้งนี้
แฟ้มรายงานผลงานถูกแจกจ่ายรายคนให้กับผู้เข้าประชุมที่มีอำนาจในห้องนี้...ทุกคนเปิดดูและต่างก็หันไปซุบซิบคุยกันอย่างไม่เชื่อ
“นี่เป็นลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรีส์และภาพยนตร์ จากบรรดาซูเปอร์แบรนด์ที่ทางคุณธิวได้ตกลงทำสัญญากันที่ประเทศเกาหลีเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา” เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้ง เพราะไม่มีใครคาดคิดว่ารักษาการประธานหนุ่มจะมีความคิดแหวกแนวเช่นนี้ และเขาก็เอาลิขสิทธิ์มาได้!!
“เราทำธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และออแกไนต์อยู่แล้ว...ก็ลองมาเปิดตลาดทำหนังทำละครกันบ้างนะครับ จะได้ไม่ดักดานอยู่แค่นี้!” มีบางคนลุกขึ้นอย่างหงุดหงิดเมื่อได้ยินในสิ่งที่รักษาการประธานหนุ่มพูด
“ถ้าคุณกังขาในตำแหน่งที่ผมได้รับ...ก็ไปหาคนที่ทำได้ดีกว่าผมมา! และเรามาลงมติกันอีกทีว่าผมสมควรที่จะได้รับตำแหน่งนี้ไหม!!”
