บทที่ 3 แกงจืด ๆ แบบป้าหรือจะมาสู้แกงมัสมั่นอย่างหนู [2/2]
“อ้าวนั่นพี่ทศนี่ จะไปไหนหรือจ๊ะ”
ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะก้าวเดินไปให้พ้น ๆ อีกฝ่าย จู่ ๆ รำภาพลันกล่าวขึ้นด้วยเสียงหวานพร้อมริ้วแดงบนใบหน้า กริยาท่าทางแปรเปลี่ยนอย่างฉับพลันราวกับคนล่ะคนที่คุยกับเธอเมื่อครู่ ไหนจะท่าทีเขินอายพลางไล้เส้นผมสีดำขลับทัดหลังกกหูแดงคล้ายหญิงสาววัยแรกแย้มพานพบคนที่แอบชอบ
ไม่ต้องเดาก็พอจะดูออกว่ายัยป้าตรงหน้ากำลังหมายตาอีตาลุงข้างบ้านของเธอ
เดี๋ยวสิป้า มีสามีแล้วไม่ใช่หรือไง!
“ไหนบอกจะรีบมาไงนังหนู”
“หนูก็กำลังเดินไปนี่ไง”
เธอตอบด้วยนํ้าเสียงอู้อี้หลังโดนมือหนาเพียงข้างเดียวบีบแก้มนุ่มจวนริมฝีปากอวบอิ่มยู่ลง นัยน์ตาคู่สวยคล้ายลูกแก้วจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาที่ยกยิ้มอย่างอารมณ์ดี เส้นผมดำขลับยามนี้ถูกเซ็ทขึ้นต่างจากครั้งก่อนทำให้เสริมความน่าหลงใหลเพิ่มขึ้นจนเธอลอบกลืนนํ้าลายลงคอดังอึก
โคตรจะฮอต...
“คิดอะไรลามกอยู่ล่ะ หน้าเหน่อมึงออกหมดแล้ว”
ทศค่อย ๆ โน้มตัวลงยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้หมวยลี่ ก่อนเสียงทุ้มแฝงมนต์สะกดล่อลวงจะกล่าวกระซิบข้างใบหูขาวสร้างความวาบหวามให้คนตัวเล็กจนสะดุ้งเฮือก
“เอ่อ พี่ทศจ๊ะ...”
รำภากล่าวขึ้นอีกคราหลังคล้ายเป็นกลายธาตุอากาศอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าของเธอเจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อโดนชายที่หมายตาเมินเฉยราวกับไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเธอ ซํ้ายังเทความสนใจไปให้เด็กมะวานซืนอย่างหมวยลี่เต็มเปาทำเอาเธอรู้สึกไม่ชอบใจ
“มึงอยู่ด้วยเหรอนังรำภา”
ทศว่าพลางชำเหลืองมองใบหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งแลดูประหลาดชอบกล ก่อนเหลือบกลับมามองสาวสวยข้างกายที่หลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ
“แหมพี่ทศล่ะก็...ชอบหยอกฉันอยู่เรื่อยเลย”
ในขณะที่ร่างสูงกำลังจะเอ่ยตอบรำภาอาศัยจังหวะนี้เข้าไปควงแขนแกร่งบดเบียดหน้าอกจนแนบชิดไม่เหลือแม้แต่ช่องว่าง พลางค่อย ๆ ไล้มือลูบมัดกล้ามแน่นที่โผล่พ้นจากแขนเสื้ออย่างถือวิสาสะ
“น้อย ๆ หน่อยค่ะป้า เดี๋ยวลุงพลมาเห็นเข้าจะเข้าใจผิดเอานะคะ”
หมวยลี่หางคิ้วกระตุกครั้นเห็นอีกฝ่ายพยายามเบียดเนินอกบนท่อนแขนของร่างสูงอย่างยั่วยวน ฉับพลันความรู้สึกไม่ชอบใจตีตื้นขึ้นภายในอกจนน่าประหลาดใจเหมือนกับเธอไม่เป็นตัวของตัวเอง
หากเธอไม่ถือนํ้าแกงในมือคงเข้าไปแกะยัยป้ามหาภัยนี่ออกแล้ว
หงุดหงิด หงุดหงิดมาก ไม่รู้ว่าเป็นอะไรแต่หงุดหงิด โอ๊ย!
ใบหน้าหล่อเหลายังคงยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นใบหน้าสวยขมวดคิ้วราวกับลูกแมวน้อยโดนแย่งเจ้าของ ไหนจะริมฝีปากนุ่มนิ่มที่ยู่อยู่อย่างน่าเอ็นดู หากอยู่เพียงลำพังคงไม่พ้นโดนเขาจับจูบจนตาลาย
“ปล่อยกูได้แล้วนังรำภา มีผัวเป็นตัวเป็นอยู่แล้วยังเที่ยวเกาะแกะชายอื่นไม่เกรงใจไอ้พลมันเลยหรือ”
เวลานี้รำภาคล้ายถูกเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงไปทั่วร่าง คำติเตือนที่เอ่ยจากปากของทศยังไม่เจ็บปวดเท่านัยน์ตาคมฉายแววเย็นเฉียบของอีกฝ่ายที่มอบให้
“โหแรงมาก เป็นหนูหนูไม่อยู่แล้วนะคะป้าภา”
น้ำเสียงเจือแววร้อนใจหากแฝงความซุกซนอยู่ในทีเอ่ยขึ้น ไม่วายยกมือป้องปากแสดงสีหน้า (แสร้ง) ลำบากใจ
เสียงของหมวยลี่เหมือนดั่งอากาศไม่ได้เข้าหูของรำภาแม้แต่น้อย มีหรือคนอย่างเธอจะไม่รู้เชียวว่าเจตนาของหญิงสาวตรงหน้าเป็นอย่างไร แต่แล้วยังไงล่ะ นอกจากเสียดสีเธอแล้วอีกฝ่ายจะทำอะไรได้
“พี่ทศจ๊ะ วันนี้ฉันทำแกงเรียงของโปรดพี่ ---”
“พี่ทศขา”
สุดท้ายแล้วเป็นหมวยลี่เองที่ทนไม่ไหว เธอยัดถ้วยแกงใส่มือหนาพลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานล้ำพร้อมควงแขนแกร่งอย่างออดอ้อน นัยน์ตากลมสวยช้อนสบเข้ากับดวงตาคู่คมอย่างตั้งใจ
“พี่ทศ? ...”
สาวใหญ่อย่างรำภาเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดที่หลุดออกมาจากปากร่างบาง เคลือบแคลงไม่น้อยว่าทำไมถึงกล้าเรียกชายรุ่นพ่อด้วยสรรพนามแสนใกล้ชิด
“ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้พี่เบื่อแกงเรียงจืด ๆ แล้วใช่ไหม วันนี้หนูเลยเอาแกงมัสมั่นมาให้”
หมวยลี่ว่าพลางไล้มือบางบนแผ่นอกกว้าง ก่อนจะหันไปมองรำภาที่ยืนด้านหน้า “ส่วนแกงแก่ ๆ อ๊ะ! หนูหมายถึงแกงเรียงน่ะ เก็บไว้ให้ลุงพลกินเถอะค่ะป้าภา พี่ทศเขาชอบอะไรแซ่บ ๆ ไม่ใช่จืดจวนจะลงโลง แฮะ”
เธอยกมือเคาะกลุ่มผมนุ่มสีพีชของตัวเองเบา ๆ พลางขยิบตาและแลบลิ้นด้วยท่าทีสดใสสวนกลับคำพูดเสียดแทงที่พึ่งเอ่ยออกไปเมื่อครู่
“ไปกันดีกว่าพี่ทศ เดี๋ยวหนูอุ่นแกงให้กินพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ”
สุ้มเสียงกังวานใสดุจธารน้ำไหลดังขึ้น พร้อมใบหน้างามล้ำเต็มไปด้วยรอยยิ้มอวดดีปรายตามองไปยังรำภาที่ยืนหน้าดำหน้าแดงด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ลาก่อนะคะป้ารำภา”
หมวยลี่ทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มแสนใสซื่อประดับบนใบหน้า ก่อนจะลากร่างสูงเดินจากไปโดยไม่ฟังคำทักท้วงไร้สาระของสาวใหญ่อย่างรำภา
ใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาหยุดอยู่หน้าประตูบานสวยแสนคุ้นเคย หมวยลี่สะบัดศีรษะไล่ภาพแสนลามกเมื่อกลางวันออกจากหัว เธอหน้าแดงเพียงชั่วครู่ก่อนจะพยายามเก็บสีหน้าเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ใจจนเกินไป
“หนูกลับแล้ว”
“ไม่อุ่นแกงให้กินหน่อยเหรอ”
“มีมือก็อุ่นเองสิลุง”
“พอหมดประโยชน์ก็เขี่ยกูทิ้งเลยนะนังหนู เมื่อครู่ยังพี่ทศคะพี่ทศขา ออดอ้อนแทบอมจู๋กูเชียว”
“อี๋สัปดนอะลุง ใครอยากอมกัน หนูแค่ใช้ลุงเป็นเครื่องมือแก้แค้นเฉย ๆ เหอะ” ใบหน้าของเธอแดงก่ำ แดงยิ่งกว่าลูกพลับสุกเสียอีก
“หึงกูเหรอนังหนู”
ทศดันหมวยลี่จนแผ่นหลังแนบชิดบานประตู พลางเชยปลายคางมนบังคับให้สายตาจับจ้องมายังตัวเอง ก่อนจะโน้มตัวเล็กน้อยทำให้ใบหน้าของทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบ จวนสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากลมหายใจอุ่นที่พ่นออกมา
“หนูจะหึงลุงทำไม ไม่ได้ชอบเสียหน่อย”
หญิงสาวว่าพลางเบือนหน้าหนีแววตาเจ้าเล่ห์แสนอันตรายต่อหัวใจไม่รักดี ที่ชอบใจเต้นระรัวยามอีกฝ่ายทำอะไรชวนวาบหวาม
เธอไม่ได้ชอบเขาเสียหน่อย หยุดตื่นตระหนกได้แล้วหัวใจบ้า!
“อ๋อ...แล้วจูบได้ไหม”
“ไม่ได้ฟังที่พูดเลยใช่ไหม”
“อยากจูบมึงตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
เสียงของทศเต็มไปด้วยความขบขันหากแฝงไปด้วยจริงจังอยู่ในที นัยน์ตาคมวาววับจับจ้องริมฝีปากอวบอิ่มสีเชอร์รี่ก่อนจะลอบเลียริมฝีปากอย่างกระหาย
“ไม่รู้ด้วยแล้ว กลับบ้านดีกว่า”
ราวกับอ่านใจได้หมวยลี่รีบแทรกตัวออกมาก่อนจะถอยห่างพร้อมหนีกลับทันที หลังจาดสัญชาตญาณภายในกายกำลังกู่ร้องว่าหากเธอไม่ออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้มีหวังโดนร่างสูงรังแกจนตัวช้ำอีกแน่
จากตอนแรกที่จะมาแก้แค้นก็ต้องรีบพับโปรเจคลงกะทันหัน เมื่อสบเข้ากับแววตาลุกวาวดุจหมาป่าตัวใหญ่ที่พร้อมไล่ต้อนเหยื่ออย่างเธอจนมุม
“แสบนักนะนังหนู” เขาแค่นเสียงหัวเราะเมื่อเหยื่อของตัวเองเกิดไหวตัวทันเสียก่อน ทำเอาตื่นเต้นจวนแก่นกายปวดหนึบคับแน่นกางเกง “ยั่วเก่งเสียจริง”
ในขณะที่ทศเอ่ยพึมพำเพียงลำพังหลังหมวยลี่รีบหนีกลับไปยังบ้านของเธอ นัยน์ตาคมดุจเหยี่ยวจับจ้องร่างสะโอดสะองที่เดินทิ้งสะโพกส่ายไปมาคล้ายจงใจยั่วยวน เอาทำเสียววูบช่วงล่างอย่างช่วยไม่ได้หลังโดนมารยาสาวข้างบ้านเล่นงานเข้าให้แล้ว
เพียงชั่วพริบตาความประหลาดใจแฝงไปด้วยความตื่นเต้นพลันปรากฏขึ้น เมื่อจู่ ๆ หมวยลี่หันกลับมาพร้อมใบหน้าซุกซนก่อนจะกล่าวประโยคที่ทำให้หนุ่มใหญ่อย่างทศใจเต้นรัว
“คืนนี้หนูไม่ได้ล็อคประตูระเบียงนะ บอกไว้เฉย ๆ”
“เวรฉิบ พ่ายเด็กอีกแล้วมึงไอ้ทศ”
