บทที่ 3 แกงจืด ๆ แบบป้าหรือจะมาสู้แกงมัสมั่นอย่างหนู [1/2]
“หมวยลี่! เอาแกงมัสมั่นไปให้ข้างบ้านหน่อยลูก”
เสียงของมารดาดังขึ้นประจวบเหมาะกับหมวยลี่ที่กำลังเดินลงบันไดลงมาพอดี ร่างสะโอดสะองสวมเดรสลูกไม้สีขาวชายพริ้วกับคอเซ็ทสีดำอวดเอวคอด เรือนผมสีพีชที่เคยปล่อยยาวสลวยตอนนี้ถูกรวบขึ้นเผยลำคอระหงส์ขาวเนียนไร้มลทิน พร้อมทั้งใบหน้าสวยยังถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา
“รับเรื่องค่ะมาดาม”
เสียงหวานเอ่ยติดเล่นขณะเดินเข้าไปโอบกอดมารดาจากด้านหลังเช่นเคย
“แต่งสวยจะไปไหนล่ะ”
“หนูก็สวยทุกวันแหละแม่ คิดมากไปแล้ว”
“ไม่ใช่ว่าไปหาไอ้เติ้ลหรอกนะ”
ไม้หอมหันมาหาลูกสาวที่รักครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ก่อนจะบีบจมูกรั้นด้วยความหมั่นเขี้ยวแม้ภายในใจจะเกิดความว้าวุ่นอยู่ไม่น้อย
“โถ่แม่ไม่ใช่เสียหน่อย หนูจะไปหาพี่เติ้ลทำไมล่ะ”
“ไม่ใช่ก็ดีแล้ว แม่ไม่อยากให้หนูไปยุ่งกับมัน เห็นปกติชอบไปวอแวมันบ่อย ๆ ”
หลังได้เห็นสีหน้าลำบากใจของมารดาหมวยลี่ก็พอจะเข้าใจ
“ตอนนั้นหนูไม่รู้ว่าพี่เขามีแฟนนี่…”
“มันเจ้าชู้จะตาย เรื่องอะไรจะบอกหนูล่ะว่ามีแฟน โชคดีที่ยังไม่ถลำลึกนะหมวยลี่”
“…”
“ใช่ไหมหมวยลี่…”
“แฮะ…”
ทันทีที่เห็นปฏิกิริยาของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนไหนจะรอยยิ้มเจื้อน ๆ ที่ประดับบนใบหน้าสวยทำเอาไม้หอมแทบลมจับ
ไม่คิดว่าหมวยลี่จะโตถึงเพียงนี้ปกติในสายตาของเธออีกฝ่ายยังคงสามขวบเสมอมา
ทว่าตอนนี้…
“แม่ หนูโตแล้วนะ…” เธอเอ่ยเสียงแผ่วเบาคล้ายกระซิบ
“แม่รู้ลูกหนูโตแล้ว ลูกสาวคนสวยของแม่เติบโตมาอย่างดี แม่เพียงแค่…” ไม้หอมถอนหายใจพลางลูบศีรษะเบา ๆ “แค่ใจหาย ไม่คิดว่าคนสวยของแม่จะโตขนาดนี้”
ไม้หอมยกยิ้มอย่างอ่อนโยน เธอต้องยอมรับว่าหมวยลี่โตแล้วจริง ๆ เธอไม่มีสิทธิ์ไปห้ามนู้นห้ามนี่หรือถือโทษโกรธลูก ชีวิตและร่างกายล้วนเป็นของลูกไม่ใช่เธอ ไม้หอมคงทำได้เพียงคอยติเตือนยามเดินทางผิดเท่านั้น
“สัญญากับแม่นะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นสิ่งแรกที่หนูต้องรักคือตัวเอง อย่าให้ใครมาเหยียบยํ่าศักดิ์ศรีเด็ดขาด หนูมีคนเดียวบนโลกนะหมวยลี่”
“เข้าใจแล้วค่ะ แก้มคุณนายไม้หอมนี่หอมสมชื่อจริง ๆ ” ว่าพลางหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่ด้วยความรักใคร่
“ปากหวานเหมือนพ่อจริง ๆ เชียว”
“ป๊าอดแล้วค่ะ เพราะตอนนี้แก้มแม่เป็นของหมวยลี่คนเดียว”
“นั่นสิเนอะ รีบไปก่อนแท้ ๆ ”
เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วของสองแม่ลูกดังขึ้นท่ามกลางความอบอุ่นที่โอบล้อมรอบกาย แม้จะเหลือเพียงสองคนก็ไม่อาจทำลายบรรยากาศครึกครื้นภายในครอบครัวได้ หมวยลี่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของไม้หอมและสามี โชคร้ายที่เขาดันประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปหลายปีก่อน เลยไม่ได้เฝ้ามองลูกสาวคนสวยเติบโตมาอย่างงดงาม จากต้นกล้ากลายเป็นกลายเป็นดอกไม้แสนลํ้าค่าหาที่เปรียบไม่ได้
“ถือดี ๆ ล่ะ อย่าทำหกเชียว”
“รับทราบค่ะมาดาม”
ไม้หอมยกยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะมองแผ่นหลังเล็กที่ค่อย ๆ เดินห่างออกไป หวนนึกถึงอดีตที่เธอปล่อยมือจากเบาะหลังของจักรยานคันเล็ก แล้วยืนมองหมวยลี่ที่สามารถขี่จักรยานได้เป็นครั้งแรก ความภูมิใจพลันตีตื้นขึ้นมาจนเธอเผลอร้องไห้ด้วยความตื้นตัน
“ลูกสาวของเราโตขึ้นมาอย่างดีเลยนะ เฟยเทียน”
เธอเอ่ยเสียงสั่นเครือพลางยกมือปาดนํ้าสีใสบริเวณหางตา ก่อนจะหันมองกรอบรูปขนาดใหญ่ที่ถูกแขวนบนฝาผนัง ชายหนุ่มในชุดเจ้าบ่าวและหญิงสาวในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดยืนคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข ราวกับบทสุดท้ายในเทพนิยาย
แม้จะพลาดท้องจนเกือบสูญเสียทุกสิ่งในชีวิต แต่ไม้หอมไม่เคยเสียใจแม้แต่น้อยที่เลือกเก็บหมวยลี่เอาไว้ ซํ้ายังได้แต่ขอบคุณและอธิฐานให้ผู้เป็นดั่งดวงใจพานพบแต่สิ่งดี ๆ ไม่ให้อันตรายใด ๆ มาแผ้วพาน
ในเวลาเดียวกันทางด้านหมวยลี่ที่กำลังมองถ้วยแกงมัสมั่นในมือพลางขบคิดวิธีเอาคืนคนแก่กว่าที่บังอาจมารังแกเธอจนตัวช้ำ
คอยดูเถอะครั้งนี้เธอจะเอาคืนให้สาสมเลย ตาแก่หื่นกามเอ๊ย
“อ้าวหมวยลี่ จะไปไหนเหรอ”
“สวัสดีค่ะป้ารำภา”
หมวยลี่ลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะหันไปคลี่ยิ้มหวานให้หญิงวัยสามสิบปลาย ๆ แม้รอยยิ้มจะประดับบนใบหน้าสวยแต่ทว่าภายในใจกลับขุ่นมัว
“ไม่ไปเรียนเหรอจ๊ะ”
“หนูซิ่วอยู่ค่ะ แต่กำลังจะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่”
“โอ๊ยขอโทษที ป้าลืมไปเลย” เธอเอ่ยอย่างจีบปากจีบคอพลันยกมือป้องปาก “พอดีน้องหยกลูกป้ามันพึ่งกลับมาพักที่บ้าน ปกติอยู่หอน่ะ”
“อ๋อค่ะ”
“น้องหยกน่ะเก่งมากเลย เทอมที่แล้วก็ได้ A ทุกวิชาเชียว ป้าเองก็ภูมิใจที่ได้เห็นลูกสาวใส่ชุดนักศึกษาสวย ๆ เรียนมหาวิทยาลัยดี ๆ ”
เมื่อเห็นสายตาดูแคลนเหลือบมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก็ทำเอาหางคิ้วเรียวกระตุก ทำไมหมวยลี่จะไม่รู้ว่าเธอกำลังถูกเปรียบเทียบกับลูกสาวอีกฝ่าย
“ดีใจด้วยนะคะป้าภา”
ริมฝีปากอวบอิ่มยังคงคลี่ยิ้มจนดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท ทว่าปลายเล็บกลับจิกลงบนจานรองถ้วยแกงมัสมั่นอย่างอดกลั้น
อย่าลืมเก็บความภูมิใจใส่กรอบแล้วฝังลงโลงตอนตายไปด้วยนะอีแก่บ้านํ้าลาย
เธออยากจะเอ่ยออกไปใจแทบขาดแต่ทว่ามีหวังโดนคุณนายไม้หอมตีตายแน่ ฝากไปก่อนเถอะ!
“ได้ข่าวว่าหนูไปคบกับไอ้เติ้ลมันเหรอ ไม่รู้เหรอว่ามันมีเมียแล้ว”
“ไม่ได้คบค่ะ”
“ดีแล้วจ้ะ เดี๋ยวจะเป็นเมียน้อยไม่รู้ตัวเอานะ ถ้าพลาดมีลูกขึ้นมาเด็กมันจะโดนด่าว่าอีลูกเมียน้อย”
รำภาว่าพลางป้องปากแค่นหัวเราะเย้ยหยัน ทุกถอยคำที่เอ่ยล้วนแฝงไปด้วยการเสียดสีอย่างไร้ยางอาย เพียงเพราะตัวเองอายุมากกว่าเลยคิดว่าตัวเองนั้นเหนือกว่าหมวยลี่จะกล่าวสิ่งใดก็ไม่ผิด
แต่มีหรือที่หญิงสาวจะนิ่งเฉย...
“หนูว่าอันนี้ต้องฝากป้าภาไปเตือนน้องหยกดีกว่านะคะ เมื่อวานเห็นไปหาพี่เติ้ลถึงบ้านเชียว อ๊ะ ๆ แต่อย่าถามว่ารู้ได้ยังไง อย่าลืมนะคะว่าหนูอยู่ข้างบ้านพี่เติ้ล”
หมวยลี่เอ่ยด้วยนํ้าเสียงหวานปานนํ้าผึ้งเดือนห้าแต่หากเคลือบไปด้วยยาพิษ พลันยกมือป้องปากคล้ายเลียนแบบรำภาในตอนแรก นัยน์ตากลมสวยปรายมองพลางยกยิ้มมุมปากราวกับประกาศชัยชนะ ทำเอาอีกฝ่ายตกตะลึงเมื่อโดนตอกกลับจนหน้าชา
“เตือน ๆ หน่อยนะคะ หนูเองก็เอ็นดูน้องหยกเหมือนน้องสาวแท้ ๆ คนหนึ่ง เดี๋ยวจะโดนชาวบ้านนินทาว่าไม่มีปัญญาหาผัวเองจนต้องมาคอยลักขโมยกินของชาวบ้าน อุตส่าห์กดคนอื่นจนได้ดีแต่สุดท้ายมาตกตายกลายเป็นเมียน้อยอันนี้ค่อนข้างขำอะค่ะ”
“เอ่อ...”
“ส่วนเรื่องเรียนของหนูไม่ต้องเป็นห่วงไปค่ะ หนูกำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบชีวิตไปได้ดีกว่าลูกสาวป้าแน่นอนอันนี้รับรองได้”
หญิงสาวไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้หรือแม้กระทั่งอ้าปากหมายจะกล่าวสิ่งใด เพราะเธอไม่อยากเสวนากับคนปากพล่อย ๆ แบบรำภา เลยจบลงด้วยการเอ่ยตัดบทสนทนาทันทีโดยไม่สนว่าจะเสียมารยาทหรือไม่
ในเมื่ออีกฝ่ายไร้มารยาททั้งยังไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอโดนเอ่ยแซะ แล้วมีประโยชน์อะไรที่หมวยลี่ต้องเคารพหล่อนด้วยล่ะ?
“ดูเหมือนไม่มีอะไรข้องใจแล้วนะคะ งั้นหนูขอตัว”
นํ้าเสียงแฝงความเย่อหยิ่งเอ่ยขึ้นจากริมฝีปากอวบอิ่มสีเชอร์รี่ ดวงตาคู่กลมแฝงรอยยิ้มเย้ยหยันสะท้อนภาพหญิงวัยสามสิบตอนปลายหน้าซีดเผือด เหงื่อกาฬผุดขึ้นบนดวงหน้าคล้ายเถียงไม่ออก อีกทั้งคงไม่คิดว่าครานี้จะโดนเธอตอกกลับอย่างเจ็บแสบและไม่ได้นิ่งเฉยปล่อยผ่านเหมือนเช่นทุกครั้ง
คิดจะเล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับนังหมวยลี่
ไม่โดนเธอสาดนํ้าแกงร้อน ๆ ในมือใส่ก็ถือว่าโชคดีเสียเท่าไร่แล้วยัยป้ามหาภัย!
“อ้าวนั่นพี่ทศนี่ จะไปไหนหรือจ๊ะ”
