CHAPTER 5
“ไม่จำเป็นอะไรกับชีวิตขนาดนั้น” การเชือดแบบนิ่มๆ มันเหมือนจะเจ็บปวดมากแต่อีกทางหนึ่งก็สมกับผมดีทว่าประโยคนี้มันกับมีต่อ “เพราะนายมันไม่ได้สำคัญ...”
เพราะนายมันไม่ได้สำคัญ...
นาทีนี้ทุกอย่างมันดูมืดมนไปหมดเสมือนว่าผมตกอยู่ในห้องมืดตามลำพังมองไปทางทิศไหนมันก็ไม่เห็นแสงสว่างครานั้นก็มีเสียงบ้าๆ ของประโยคนี้ดังขึ้นมาแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่าซึ่งผมไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้นไม่อยากได้ยินไอ้ประโยคบ้าๆ นี้
หมับ
คราวนี้มันไม่ใช่แค่คว้าต้นแขนเล็กไว้เหมือนตอนแรกแล้วมีอีกอย่างเพิ่มขึ้นนั่นก็คือวงนิ้วใหญ่บีบลงไปจนเป็นรอยมือแดงแต่ผมก็ไม่สนใจและก็ไม่ผ่อนแรงบีบแน่ถึงแม้นาซีจะพยายามแกะมือออกก็ตาม
“อย่างงั้นเหรอ?” สายตาสีเทามองก้มลงมาหาคนด้านหน้าด้วยความโกรธเกรี้ยวหลุดคราบคุณหมอผู้แสนดีในสายตาคนอื่นๆ ไปเรียบร้อยแล้ว “แล้วทำไมต้องหลบสายตาเวลาพูด”
“ไม่ได้หลบ”
บอกเลยว่ามันไม่สามารถปฏิเสธหรือว่าแก้ตัวขึ้นแล้ว นาซีกล้าพูดโผงผางไปแบบนั้นมันก็บอกอยู่แล้วว่าเธอยังไม่กล้าแม้แต่สบตาเวลาพูดแบบนี้มันเรียกว่าอะไรถ้าไม่ใช่การพูดไปงั้นๆ
“กลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกแล้วละสิ” สายตาสีเทาจ้องไปอย่างตรงๆ ไม่มีกัก “กับการตัดใจ...”
ใช่ครับผมกำลังสมน้ำหน้าหญิงสาวตรงหน้าอยู่จริงๆ ก็ผมไม่ใช่สภาพบุรุษที่ต้องให้ความเกรงใจผู้หญิงอีกอย่างก็ไม่ได้สรรเสริญตัวเองว่าดีเริดถึงแม้จะเป็นหมอก็ตาม ผมรู้จักนิสัยของนาซีดีว่าเธอเป็นแบบไหนถึงจะรู้จักกันเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ แต่มันก็สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากเธอมามากมาย ดวงตาสีน้ำตาลแดงชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่มันจะแข็งกร้าวเหมือนเดิมเหมือนในตอนแรก
“…”
โกรธมากเลยสินะ... หึ
“ถึงกับพูดไม่ออกเลยหรือไง?”
“นายเคยได้ยินไหมว่าการที่เคยรักไม่ใช่แปลว่ายังรักแล้วฉันก็เป็นแบบนั้นเสียด้วยสิ”
“แล้วเคยรู้ไหมว่ารักแรกมันตัดยากแล้วเธอก็เป็นแบบนั้นเสียด้วยสินาซี” คำพูดเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแบบช้าๆ ใจเย็นเพื่อมีจุดมุ่งหมายเล่นกับประสาทคนตรงหน้า “จริงไหม?”
“หลีก!”
“…”
“บอกให้หลีกไงคิน!” นาซีตะหวาดใส่ผมด้วยอารมณ์เต็มๆ มาแบบสุดๆ ไม่มีทีท่าหยุดยั้งด้วยสิ “ถ้าเป็นหมอมันว่างนักฉันแนะนำให้เข้าห้องผ่าตัดแล้วจัดการผ่าหมาออกจากปากนายซะ!”
ผลัก!
“จะทำอะไร?”
สุดท้ายผมก็มีไม้ตายเหมือนกันนั้นก็คือเปิดประตูรถทางฝากคนขับแล้วยัดร่างเล็กของเธอเข้าไปจากนั้นก็ตามด้วยร่างของตัวเองนี้แหละเข้าทางเดียวกันผลสรุปนาซีก็แค่ขยับไปอีกฝากหนึ่งที่นั่งข้างคนขับด้วยใบหน้าอันแสนไม่พอใจ
“…”
“คิน! ลงออกไป!” เกิดการต่อสู้ย่อมๆ กับสนามรบที่ดูคับแคบมือเล็กทุกตีไปยังร่างใหญ่โดยไม่สนว่าจะตีทุบถูกส่วนไหนบ้าง “ออกไปไง!”
“เอากุญแจมา”
สี่พยางค์ดังขึ้นด้วยความเรียบเฉยแบบไม่สนใจคู่กรณีตรงข้ามว่าเธออารมณ์โกรธทะลุไปเหมือนภูเขาไฟที่กำลังปะทุเอาลาวาอันร้อนแรงออกมา ผมคว้าเอาได้ในตอนปลดล็อครถแล้วนาซีก็แย่งเอามาได้ในขณะที่ผมเผลอยัดเธอใส่ในรถเนี้ยแหละ
“คิดว่าฉันจะให้ไหม?”
ถึงเธอจะหยุดทุบผมแล้วเสียงที่เปล่งออกมานั้นยังมีอาการหอบเหนื่อยเหงื่อไหลซึมทั่วหน้าผากแล้วอีกอย่างตัวเล็กแค่นี้คิดจะทำอะไรได้ล่ะ
“เอามา”
มันจะเป็นครั้งสุดท้ายในการพูดแบบนี้เพราะต่อไปต่อให้ขออ้อนวอนขอพร้อมกับน้ำตามันก็จะไม่มีให้กับเธออีกแล้ว
“ไม่!” เสียงแหลมเล็กคัดค้าน
“อย่าหาว่าถ่อยก็แล้วกัน”
จบบรรยายพิเศษ: คิน
เป็นเทวดาเจ้าของชีวิตมาเกิดหรือไงถึงได้ไล่แต่สั่งคนโน้นทีคนนี้ทีให้ทำตามตัวเองบอกฉันคนหนึ่งที่ไม่มีวันทำอย่างแน่นอนเพราะมันเป็นการกระทำที่มากเกินไปอีกทั้งยังขึ้นรถฉันมาแบบหน้าด้านๆ ทั้งที่ไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกันอีก
“อย่างงั้นเหรอ?”
คำนี้ก่อนหน้าคินเป็นคนพูดขึ้นแล้วนาทีนี้ฉันก็พูดขึ้นบ้างมาจะไม่ได้เกิดการเสียเปรียบอะไรให้เกิดการคัดค้าน
“…”
หมับ!
