CHAPTER 3
“ถ้างั้นฉันก็เข้าไปได้!”
“คุณคะไม่ได้นะคะ คุณคะ คุณ!”
ร่างเล็กเดินตรงเข้าไปโดนไม่รับฟังเสียงคัดค้านของพนักงานเคาน์เตอร์เลยเธอกระชับกระเป๋าสะพายใบใหญ่เข้าหาตัวเองพร้อมทั้งเชิดใบหน้าตรงไปห้องที่ต้องการไม่นานนักเท้าสวยก็หยุดลง
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
แอ๊ด...
“อาหมอคะ...”
เสียงของฉันหยุดลงเพียงแค่นั้นเมื่อได้เห็นบุคคลที่เป็นคู่สนทนาของอาไชยยัน นัยน์ตาสีเทาเปล่งประกายเด่นออกมาชัดเจนใบหน้าได้รูปทั้งสันกรามเรียวมีเสน่ห์เบี่ยงข้างมองมาทางฉันทำเอาเสียวสันหลังวาบ ไรผมสีน้ำตาลเหลือบดำนั้นเข้ากับชุดกาวน์สีขาวบนตัวเขามาก
นั่นสินานแล้วสินะที่เราไม่ได้เจอกันเลย
“ยัยซี”
แต่แล้วเสียงแหบของอาหมอก็ทำให้ฉันหลุดออกจากความคิดไร้สาระพวกนั้น อาหมอมองฉันอย่างตำหนินิดๆ คงเป็นเรื่องการเข้ามาโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาต
“ก็ซีนึกว่าว่างนิคะอาหมอ”
“อย่าแถ”
เห็นไหมว่าอาฉันฉลาดเหมือนกรดจับการโกหกฉันได้ทุกครั้งและครั้งนี้ก็เช่นกันพอฉันเคลือบสายตาไปมองเขาผู้ชายคนนั้นก็ยกริมฝีปากยิ้มเหยียดนิดๆ
“โอเคค่ะ พูดตรงได้เลยใช่ไหมคะ?”
ในเมื่ออยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ฉันจึงสูดยาดมเข้าปอดอีกครั้งต่อหน้าผู้ชายทั้งสองคน ไม่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์อะไรแล้ว
“แล้วนี่เป็นอะไรหลานอาจำเป็นต้องสูดยาขนาดนั้นเชียว?” อาหมอมองฉันแบบล้อเลียนแกมห่วงใย “หน้าซีดมากนะซีหรือว่า...ท้อง”
กรี๊ดทันไหม?
กรี๊ดให้กับคนที่ร่ำเรียนหมอมากแบบอาของฉันถึงจะแรดแบบโจ่งแจ้งก็ไม่ใช่ว่าจะยอมผู้ชายง่ายๆ นะ
“โอ้ย! ไปกันใหญ่แล้วค่ะถ้าซีท้องคงไปแผนกสูตินรีเวชแล้วไม่จำเป็นต้องมาแผนกนี้มั้งคะ”
“เอ่อ...ขอโทษด้วยนะหมอคิน หลานมันนิสัยเป็นแบบนี้แหละ”
ทันทีที่ฉันพูดจบอาหมอกับเบี่ยงใบหน้าไปขอโทษผู้ชายคนนั้น คนที่อาควรขอโทษควรเป็นซีไหมคะฉันอยากจะพูดแบบนี้ออกไปให้รู้แล้วรู้รอด
“ไม่เป็นไรครับ”
“คุณอา!” ฉันใส่อารมณ์มากขึ้น “ไม่ต้องห่วงว่าซีจะขัดการพูดจานานหรอกคะ พอดีคุณแม่ให้มาเอาเอกสารจากคุณอาก็เท่านั้นอีกอย่างซีไม่ถือว่าเป็นการเสียมารยาทนะคะเพราะคุณแม่ให้มาท่านก็ต้องรู้แล้วว่าอาหมอว่าง....”
“ยัยซี”
“มันจริงค่ะ” ฉันย้ำอีกครั้งพร้อมเดินเข้าไปรับเอกสารจากมืออาหมดใส่ในกระเป๋าสะพายของตัวเองด้วยความเรียบร้อยยังไงฉันก็ไม่ผิดและก็ไม่ได้ว่าเขาเป็นคนขี้เสือกแค่เพียงพูดแบบอ้อมๆ “งั้นซี...”
“เดี๋ยวยัยซี”
ฉันหยุดชะงักทั้งที่กำลังจะขยับเท้าหันหลังไม่รู้ว่าอาหมอมีอะไรอีกจึงเรียกฉันไว้อีกอย่าบอกให้สวัสดีผู้ชายคนนั้น ไม่เด็ดขาดแค่แนะนำก็ไม่อยากรู้แล้ว
“อะไรคะ?”
“แล้วหน้าซีดขนาดนี้เอาแอมโมเนียนไหม?”
“อาหมออยากให้ซีตายหรอคะ เหม็นจะตายชัก” ยาบ้าอะไรแบบนี้จะทำให้คนเป็นลมตื่นหรือตายกันแน่ “ซีไม่เป็นอะไรหรอกค่ะแค่เหม็นกลิ่นโรงพยาบาลงั้นซีไปก่อนนะคะ สวัสดีคะ”
เขาคงตำหนิฉันอยู่ในใจว่าไร้มารยาทเป็นแน่แต่ก็ช่างเถอะในเมื่อทั้งฉันและเขาก็เป็นแค่เพียงคนรู้จักกันเท่านั้นจึงไม่จำเป็นต้องทักทายอะไรให้มันมากความ
คิน ครั้งแรกที่เห็นหน้าในรอบสามปีกว่าแบบนี้แสดงว่าจบเฉพาะทางมาเรียบร้อยแล้วสินะถ้าทุกคนจำได้ตอนนั้นระหว่างฉันกับเขาเรารู้จักกันตอนอยู่ปีสอง [เรื่องแสนรักสุดสวาท] แต่ก็ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นักฉันจึงเลือกถอยออกมาดีกว่าเพราะไม่อยากให้ความรู้สึกมันไปไกลมากกว่า
แล้วทำไมโลกถึงเหวี่ยงให้เราเจอกันอีกฉันไม่เข้าใจ
เสียงถอนหายใจของฉันดังขึ้นเมื่อมาถึงรถแล้วบรรยากาศโล่งปอดสบายกว่าด้านในเยอะเลยจึงไม่จำเป็นใช้ยาดมอีกต่อไปทว่าทันทีที่จะเปิดประตูรถก็มีมือใหญ่เข้ามาดึงต้นแขนฉันไว้
“ยังเหมือนเดิมเลยนะ”
“นาย!” คินมาปรากฏตรงหน้าของฉันทั้งที่มันไม่น่าจะเป็น
“เจอหน้าไม่คิดจะทักทายกันเลยหรือไง?”
“ไม่จำเป็นอะไรกับชีวิตขนาดนั้น” ฉันจำวันนั้นได้ดีจำความเจ็บปวดพวกนั้นได้อย่างไม่เคยลืมสักวินาทีแม้มันจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม “เพราะนายมันไม่ได้สำคัญ...”
