บทที่ 2 ฝันร้ายของปฐมพฤกษ์ (1)
“เดี๋ยวก่อนยัยไอ ซื้อของกินมาด้วยนะ”
“ได้” รับคำเสร็จไอริญก็ตัดสายทิ้ง
ลุกขึ้นมาแต่งตัวเป็นเสื้อยืนลายทางตัวโตยาวคลุมสะโพก กางเกงยีนขาสั้น รองเท้าผ้าใบ ปล่อยเส้นผมให้สยายเต็มแผ่นหลังและติดกิ๊บสีหวาน ไอริญก็คว้าแว่นตาแฟชั่นมาสวม
ออกจากห้องร่างบางก็ชะงักเท้าอยู่แค่นั้นเมื่อพบกว่ากิติพงษ์ ลูกชายคนโตของคุณลิขิต ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเธอได้ ‘หิ้วสาว’ มาบ้าน พอกิติพงษ์หันมาก็ยกมือขึ้นแนบริมฝีปากสีเข้มที่สูบบุหรี่จัดจนริมฝีปากหมองคล้ำ แล้วกำชับว่า
“อย่าบอกพ่อนะ ว่าฉันกลับมาแล้ว”
ไอริญพยักหน้าไม่พูดอะไร สิ่งที่ทำได้คือปิดหู ปิดตา และปิดปากเท่านั้น พอประตูห้องปิดลงไอริญได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยอกเหนื่อยใจ เพราะไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่กิติพงษ์หิ้วผู้หญิงแปลกหน้ามาบ้าน ซ้ำยังทำหน้าระรื่นให้อีก
เฮ้อ.. ดูเหมือนสมาชิกทุกในในบ้านหลังนี้จะมีความสุขกับการใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีเหลือเกิน ไม่มีใครเป็นทุกข์เป็นร้อนกับหนี้สินก้อนโตแม้แต่น้อย หากจะหัวหมุนอยู่คนเดียวก็มีแต่เธอเท่านั้น
คุณลุงลิขิตในฐานะเจ้าของบ้านได้ประกาศตัวปาว ๆ ว่าไม่อยากเป็นหนี้เป็นสิน แต่เขาก็เข้าสนามม้าได้ไม่เว้นแต่ละวัน พอเล่นเสียเข้าหน่อยก็พาเพื่อนนักสะสมของเก่าเข้ามาดูเครื่องลายครามที่คุณปู่คุณย่าสะสมไว้
เพราะอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของบ้านลิขิตจึงใช้ข้าวของพวกนั้นปลดหนี้ หรือไม่ก็นำไปขายแบบเปิดประมูล พอได้เงินมาก็ไม่ได้นำเงินมาใช้ในธุรกิจอย่างที่อ้างให้ลูกชายคนเล็กฟัง แต่ลิขิตนำเงินที่ได้ไปละลายในสนามม้าจนหมด
ถัดมาที่กิติพงษ์ ภัทรนันท์คนโต ซึ่งเป็นลูกชายของคุณลุงลิขิต ลูกพี่ลูกน้องของเธอรายนี้มีสาว ๆ เป็นของสะสม กิติพงษ์มักจะหิ้วสาวกลับมากกนอนอยู่ที่บ้านเป็นประจำ ซ้ำหน้าบ้าง และแปลกหน้าบ้าง อาชีพหลักไม่มี แต่อาชีพรองคือขลุกตัวอยู่ในบ่อนการพนัน หรือหากไม่อยู่ที่บ่อนการพนันก็จะซิ่งรถอยู่ตามสนามแข่ง
ส่วนเกียรติพัฒน์ ภัทรนันท์คนเล็ก ดูว่าเป็นผู้นำได้ดีที่สุด เกียรติพัฒน์เข้ามาดูแลรับผิดชอบกิจการอาหารแปรรูปแทนคุณลุงลิขิตตั้งแต่เรียนจบมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ
แต่ด้วยปัญหาทางธุรกิจที่ประสบกับปัญหาขาดทุนมาหลายไตรมาสติดต่อกัน อีกทั้งมีการยักยอกทรัพย์สินภายในบริษัท นั่นจึงทำให้เกียรติพัฒน์ต้องตามสะสางปัญหาเก่า ควบคู่กับการแก้ปัญหาใหม่ที่ตามมาเป็นหางว่าว
ไอริญรู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอรายนี้เหนื่อยมาก แต่เธอก็ไม่เคยพาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ทั้งนี้เป็นเพราะประกาศิตจากผู้เป็นลุงที่สั่งห้ามไว้นั่นเอง อีกอย่างเธอก็ไม่สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
หญิงสาวเดินลงมายังชั้นล่างโดยไม่ลืมแวะไปเรือนหลังเล็กเพื่อบอกกับป้าชื่นว่าเธอไม่อยู่บ้าน เพื่อที่ว่าอีกฝ่ายไม่ต้องทำอาหารเผื่อ จังหวะที่ก้าวออกจากรั้วอัลลอยด์ รถเมอร์เซเดสสีดำมันวาวได้แล่นมาจอดหน้ารั้ว อีกทั้งคนขับยังบีบแตรให้เปิดประตูรั้วให้
พอเธอยืนเฉย กระจกไฟฟ้าจึงเลื่อนลง ไอริญจึงได้เห็นชายหนุ่มสวมเสื้อโปโลสวมแว่นตาดำเข้า
“น้อง ๆ นี่บ้านคุณลิขิตหรือเปล่า?”
“ใช่ค่ะ”
“เปิดประตูรั้วให้หน่อยสิ”
“อะไรนะ?” ไอริญยกคิ้วขึ้นสูง
“เปิดประตูรั้วให้หน่อย ไม่ได้ยินหรือไง?!” น้ำเสียงนั้นแทบเป็นตะคอกใส่ หญิงสาวกลอกตาไปมากับคำสั่งนั้น ก่อนเดินหนีดื้อ ๆ ทว่าชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ในรถกลับบีบแตรเรียกอีก
ใครจะไปสนใจเล่า!
ถ้าเขามีมารยาทกว่านี้ มีหรือเรื่องแค่นี้จะทำให้ไม่ได้ แต่เพราะคนสั่งพูดจาไม่เข้าหูนี่สิ ไอริญจึงรีบเดินหนีโดยไม่สนใจเสียงบีบแตรยาว ๆ
ปฐมพฤกษ์เปิดประตูบานเหล็กขึ้นเพื่อรอลูกค้าตามปกติ พอทำความสะอาดพื้นเรียบร้อยเขาก็หันมาให้อาหารเจ้าปุ๊กลุก เม่นแคระที่ อารดาบ่นนักบ่นหนาว่าอยากได้
พอเขาซื้อมาให้เป็นของขวัญวันเกิด อารดากลับไม่สนใจไยดี ซ้ำยังปล่อยให้มันป่วย จนเขาต้องนำเม่นแคระตัวนี้กลับมารักษาและเลี้ยงเอาไว้เอง
“หิวหรือยังเจ้าปุ๊กลุก?” สัตวแพทย์หนุ่มยื่นนิ้วไปเขี่ยจมูกเล็กแหลมของเม่นแคระซึ่งเดินต้วมเตี้ยมหาของกินอยู่ในลังไม้ใส่ขี้เลื่อย เขาก็เทอาหารแมวใส่ในถาดอาหาร
แล้วเสียงติ๊งต่องก็ดังขึ้น ชายหนุ่มหันไปใบหน้าก็ระบายด้วยรอยยิ้ม “หนูนา”
ทว่ารอยยิ้มดีใจนั้นก็ค่อย ๆ จางหายเมื่อเห็นสีหน้าของแฟนสาว
ปฐมพฤกษ์รีบล้างมือฟอกสบู่แล้วเดินมาหาอารดา แต่เห็นสีหน้าของหญิงสาวเขาก็รู้สึกอึดอัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“พี่มิ่งว่างหรือเปล่าคะ นามีเรื่องสำคัญอยากพูดด้วย”
“ว่างสิ หนูนาทานข้าวมาหรือยัง เดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าว” ชายหนุ่มทำทุกอย่างให้เป็นปกติมากที่สุด ขณะเดียวกันเขาก็สำรวจแฟนสาวซึ่งแต่งกายเรียบร้อย ผิดกับผู้หญิงอีกคนที่เจอเห็นในผับเมื่อคืนก่อนอย่างสิ้นเชิง
“ไม่ต้องหรอกค่ะ นามาที่นี่เพื่อจะบอกกับพี่มิ่งว่า...”
“เดี๋ยวก่อนนะหนูนา ขอพี่รับลูกค้าก่อน” สัตวแพทย์หนุ่มขัดขึ้นเมื่อลูกค้ารายแรกของวันพาเจ้าแมวเหมียวสีขาวขนปุยใส่ตะกร้าเข้ามาในคลินิก
อารดากลอกตาอย่างเซ็งอารมณ์ แต่หญิงสาวก็นั่งรอแฟนหนุ่มอยู่พักใหญ่ พอลูกค้าที่พาแมวมาฉีดยาคุมกำเนิดออกจากร้าน อารดาก็ล็อกประตูหน้าร้าน แล้วนำป้ายปิดมาแขวนเอาไว้ จากนั้นหญิงสาวก็จูงมือชายหนุ่มเข้ามาในห้องตรวจรักษา
“นามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยค่ะ”
“เปิดร้านไว้ก็ได้นี่”
“นาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวน ระหว่างที่เราคุยกัน” คนเอาแต่ใจตัวบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
คิ้วหนาของชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นสูง “หนูนามีเรื่องอะไรเหรอ?”
“นารู้สึกว่าพี่มิ่งไม่มีเวลาให้นาเลย”
“พี่ยุ่งทุกวัน หนูนาก็เห็น”
“นาไม่ติดต่อพี่มิ่งมาหนึ่งสัปดาห์ พี่มิ่งก็ไม่เคยติดต่อนาเลย ยุ่งขนาดไหนคะ ถึงไม่มีเวลาโทรหากัน” อารดาทำหน้ายุ่งขณะจ้องมองหน้าแฟนหนุ่ม
ปฐมพฤกษ์เงียบไป คร้านจะบอกว่าเคยโทรหาแล้ว แต่มีผู้ชายรับสาย อีกทั้งผู้ชายคนนั้นยังบอกกับว่า ‘นาอาบน้ำอยู่’ หลังจากนั้นอารดาก็ไม่โทรกลับมาหาเขาเลย
