บทที่ 1 สาวบีเอ (3)
“หลานสาวของผมชอบเก็บตัวไม่ยุ่งกับใครน่ะครับ นี่ยี่สิบกว่าแล้วนะ ยังไม่มีแฟนเลย ผมล่ะหวั่นใจเหลือเกินว่ายัยไอจะขึ้นคาน ไม่มีใครดูแลตอนแก่ตัว”
ไอริญนิ่วหน้าทันทีเมื่อได้ยินคำพูดทอดสะพานจากผู้เป็นลุง แต่หญิงสาวก็พูดอะไรไม่ออกนอกจากนิ่งเฉย เพราะการทำให้ลุงลิขิตโกรธ ย่อมไม่ใช่ผลดีต่อตัวเธอแน่นอน
“น่ารักอย่างหนูไอไม่น่าจะขึ้นคานนะคุณลิขิต เอาล่ะ ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า แล้ววันหน้าผมจะแวะมาใหม่”
“ภัทรนันท์ยินดีต้อนรับเสมอครับ”
พอรถเมอร์เซเดสสีดำพ้นจากประตูรั้วอัลลอยด์ไป ไอริญก็หันมาสนใจเจ้าของบ้านซึ่งยิ้มแย้มแจ่มใส และดูอารมณ์ดีกว่าทุกวัน
“คนเมื่อครู่เป็นใครคะ?”
“คุณศิลป์ศรุต เหมวัต นักธุรกิจใหญ่เจ้าของโชว์รูม รวมถึงทำธุรกิจส่งออกและนำเข้าอะไหล่รถยนต์”
“ท่าทางรวยใช่ย่อย” ไอริญเปรยเสียงแผ่ว
“เขารวยมาก” พอลิขิตย้ำคำนี้ ไอริญก็ย่นคิ้วเข้าหากัน
“เขามาที่นี่ทำไมคะ?”
“คุณศิลป์ศรุตสนใจที่ดินผืนนี้ของเราน่ะ ฉันก็เลยพามาดู”
“อะไรนะคะ?!” ไอริญทำหน้ายุ่ง รู้สึกบางสิ่งตีตื้นขึ้นมาจุกคอ “ก็ไหนคุณลุงบอกว่าจะให้ไอช่วยไถ่จำนองออกจากธนาคาร แล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจขายล่ะ?”
“กว่าเธอจะหาเงินได้ครบยี่สิบล้าน ถึงเวลานั้นฉันไม่ถูกเจ้าหนี้รุมทึ้งตายไปแล้วเหรอ”
“ยี่สิบล้านเลยเหรอคะ!” คราวนี้วงหน้าหวานซีดเผือด ริมฝีปากบางซึ่งเคลือบลิปสติกสีชมพูกลีบกุหลาบสั่นน้อย ๆ “ทำไมถึงมากมายขนาดนี้ ก็ไหนคุณลุงบอกไอว่าห้าล้าน”
ไอริญขบฟันกระต่ายซี่หน้าลงบนริมฝีปากล่าง เงินตั้งยี่สิบล้านจะหาได้จากที่ไหนล่ะ ขนาดเธอทำงานมานานหลายปียังมีเงินเก็บแค่หลักแสนเอง...
“ฉันโกหก ไม่อยากให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ”
ไอริญกลืนน้ำลายอย่างฝืนคอเต็มทน มือบางชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อ “คุณลุงขายที่ดินผืนนี้ไม่ได้นะคะ”
“ทำไมถึงไม่ได้?”
“ที่ดินผืนนี้เป็นสมบัติของคุณปู่ อีกอย่างคุณลุงเคยบอกไอว่าคุณพ่อของไอรักบ้านหลังนี้มาก”
ลิขิตหัวเราะในลำคอ เสียงนั้นเหมือนเย้ยหยันความซื่อบื้อของหลานสาวมากกว่า “ฉันก็พูดไปอย่างนั้น คนตายไปแล้วจะมารู้เรื่องอะไร อย่าห่วงไปเลยไอริญ ถ้าฉันขายบ้านหลังนี้ได้ราคางาม ๆ ฉันจะแบ่งส่วนแบ่งให้เธอห้าเปอร์เซ็นต์”
ไอริญถอนหายใจออกมาหนัก ๆ กับข้อเสนอ พ่อของเธอได้รับมรดกจากคุณปู่จึงเป็นเจ้าของบ้านตึกหลังนี้ร่วมด้วยครึ่งหนึ่ง เธอซึ่งเป็นลูกย่อมมีสิทธิ์ได้อยู่บ้านหลังนี้ แล้วดูการกระทำของผู้เป็นลุงเถอะ
“ไออยากให้คุณลุงคิดทบทวนใหม่ ที่ดินผืนนี้เป็นสมบัติตกทอดจากคุณปู่ ไอคิดว่าไม่ควรขาย เราอยู่ที่นี่มา...”
“หยุด ๆ” ลิขิตรีบยกมือขึ้นเบรกหลานสาว “ไม่ต้องยกแม่น้ำทั้งห้ามาอ้าง ฉันคิดดีแล้ว เธอไม่รู้หรอกว่าการถูกเจ้าหนี้เร่งรัดหนี้สิน ทั้งถูกทวงหนี้ทุกวันมันน่ารำคาญขนาดไหน เราต้องรักษาชื่อเสียงของภัทรนันท์เอาไว้”
“ด้วยการขายทุกอย่างของตระกูลภัทรนันท์เพื่อใช้หนี้เหรอคะ?”
“ไม่ต้องมาย้อนฉัน จะเร็ว จะช้า ยังไงซะฉันก็ต้องขายอยู่ดี ไม่งั้นฉันอาจถูกฟ้องเป็นบุคคลล้มละลายไม่เหลืออะไรติดตัวเลย ทางที่ดีเธอควรคิดหาที่อยู่ใหม่ซะ อยู่รวมกันแบบนี้มีแต่จะกอดคอกันตาย”
ลิขิตกลับเข้าบ้านไปแล้ว แต่ไอริญยังยืนนิ่งงันราวกับรูปปั้นแกะสลัก...
ลมหนาวที่พัดกระหน่ำได้หอบพาใบไม้แห้งร่วงกราวเต็มพื้นหินอ่อนมิได้ทำให้ไอริญรู้สึกเหน็บหนาวแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามหญิงสาวกลับรู้สึกร้อนใจกับการตัดสินใจของผู้เป็นลุง
เธอจะหาเงินจากที่ไหนตั้งยี่สิบล้าน!
หยดน้ำตาไหลลงมาโดยไม่ต้องเค้น จากนั้นหญิงสาวจึงเดินไหล่ตกกลับขึ้นบ้านอย่างหมดอาลัยตายอยาก...
##### บทที่ 2
ฝันร้ายของปฐมพฤกษ์
รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยไอริญที่นอนไม่ค่อยจะหลับตลอดทั้งคืนก็โทรหาชิดชนกเพื่อนสนิททันที หญิงสาวรอสายอยู่นานกว่าปลายทางจะกดรับสาย
“โทรมาทำไมแต่เช้าวะ คนจะหลับจะนอน”
ไอริญเลื่อนโทรศัพท์ห่างออกจากหู รอให้อีกฝ่ายบ่นจบถึงเอาโทรศัพท์แนบหูไว้ตามเดิม
“เช้าที่ไหน จะเพลแล้วแม่คุณ”
“เพลแล้วเหรอ เมื่อคืนกลับมาถึงเกือบตีสาม กว่าจะได้นอนก็ตีห้ากว่า” ปลายทางบ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้ง
“ไม่ต้องบ่น เดี๋ยวฉันไปหานะ พอดีมีเรื่องอยากปรึกษา”
“ปรึกษาได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเงิน” ชิดชนกรีบดักคอ
“รู้น่า เดี๋ยวเจอกันนะ”
