บทที่ 1 สาวบีเอ (2)
เห็นอีกฝ่ายสนใจแต่เครื่องสำอาง ไอริญก็อดตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าผู้ชายคนนี้ซื้อเครื่องสำอางให้ใครใช้ ระหว่างเพื่อนสาว ญาติพี่น้อง หรือว่าใช้เอง
“ผมอยากได้แป้งทาหน้า”
“รุ่นไหนดีคะ?”
ปฐมพฤกษ์กวาดสายตามองสินค้า ก่อนชี้นิ้วไปยังตลับแป้งสีชมพูดีไซน์สวยหรู
“ตัวนี้นะคะ รับเป็นแบบรีฟิวหรือว่าตลับดีคะ?”
ชายหนุ่มย่นคิ้วเข้าหากัน เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาเดินเข้าร้านขายเครื่องสำอาง
“แบบไหนก็ได้ครับ” เจ้าของร่างสูงตอบโดยไม่มองหน้าคนขาย
“แป้งเบอร์อะไรคะ?” ไอริญหยิบตัวเทสเตอร์มาให้ลูกค้าเลือก
ดวงตาคมของชายหนุ่มหลุบมองสินค้าทดลอง มีตลับแป้งสามเฉดสีเรียงจากสีเนื้ออ่อนไปหาสีเนื้อเข้ม
เอาล่ะหว่า อารดาใช้แป้งเบอร์อะไร?
“เออ... ผมไม่ทราบ”
ไอริญจิกสายตามองลูกค้าหนุ่ม “ขอโทษนะคะ ลูกค้าใช้เอง หรือว่าซื้อฝากคนอื่นคะ?”
ลูกค้าที่ไม่มองหน้าเธอก็เงยหน้าขึ้นทันที!
“ซื้อฝากแฟนครับ”
คำตอบนั้นเหมือนจงใจ ‘กระแทก’ ใส่หน้าไอริญ อีกทั้งชายหนุ่มยังวางหน้านิ่งเฉย
“ช่วยเลือกให้ผมหน่อยสิ”
“คุณผู้หญิงผิวสีอะไรคะ? เดี๋ยวดิฉันช่วยเลือกให้”
คราวนี้ปฐมพฤกษ์หลุบเปลือกตามองผิวขาวนวลเนียนอย่างสุขภาพดีของบีเอสาว เขาย้ายสายตามาหยุดที่แก้มเนียนซึ่งแต่งหน้าไว้อย่างประณีตงดงาม
ทันทีที่สบสายตาคมเฉี่ยวแฝงความเย้ายวน หัวใจก็กระตุกวูบ ชายหนุ่มย่นคิ้วเข้าหากัน เพราะจำได้ว่าบีเอสาวคนนี้ คือผู้หญิงก๋ากั่นที่เจอเมื่อคืนก่อน!!
“ผิวของแฟนผม คล้ำกว่าคุณ”
ไอริญพยักหน้า หยิบแคตตาล็อกมาเปิดให้ลูกค้าดูอีก “สีผิวของเธอ ประมาณนี้มั้ยคะ?”
“น่าจะใช่”
“เป็นเบอร์สามนะคะ เนื้อแป้งผสมซิมเมอร์ เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย ควบคุมความมัน และป้องกันแสงแดด”
ปฐมพฤกษ์ไม่ได้สนใจคุณสมบัติมากมายที่อัดอยู่ในตลับแป้งแม้แต่น้อย สิ่งที่ดึงดูดความสนใจ คือสาวบีเอ
ต้องยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่สวยจัด มีเสน่ห์ หาตัวจับได้ยาก ผิวของหญิงสาวขาวใสเรียบเนียนเหมือนผิวเด็ก ด้วยชุดแบบฟอร์มที่สวมเป็นเสื้อสูทสีครีม มีผ้าพันคอสีชมพูผูกอยู่ สวมกระโปรงพอดีตัวผ่าข้างเล็กน้อย และรองเท้าส้นสูง อีกทั้งเธอยังมวยผมไว้ที่ท้ายทอยกลับเสริมบุคลิกให้ดูดี
ปฐมพฤกษ์ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองมองพนักงานขายเครื่องสำอางนานแค่ไหน พอบีเอสาวหันกลับมาสบสายตา เธอก็ส่งรอยยิ้มสวย ๆ ให้ พอชำระค่าสินค้าเรียบร้อยแล้วปฐมพฤกษ์ก็รีบจากมา เขาไม่ชอบใจตัวเองเลยที่ปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่อารดาเข้ามามีอิทธิพลในหัวใจ
สำหรับไอริญนั้นได้แต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีให้กับลูกค้ารายแรกของวัน หญิงสาวคิดว่าผู้ชายที่ซื้อเครื่องสำอางให้แฟนตัวเอง เป็นผู้ชายที่น่ารัก โดยเฉพาะผู้ชายคนนี้เพราะช่วยอุดหนุนสินค้าที่เธอขาย
เลิกงานตอนสามทุ่ม ไอริญก็กลับบ้านทันที คืนนี้เธอไม่ต้องทำงานพาร์ทไทม์ เธอจึงรีบกลับบ้านเพื่อจัดการเรื่องเงินเดือนของแม่บ้าน พอกลับถึงบ้านตึกหลังงามไอริญก็เดินเลี่ยงมายังสนามหญ้า ตรงมายังเรือนไม้หลังเล็กซึ่งเป็นที่พักของลูกจ้างที่ดูแลเรื่องงานบ้าน
ตอนนี้ลูกจ้างประจำลาออกหมดแล้ว เนื่องจากสถานะการเงินฝืดเคืองของเจ้าของบ้าน หากจะเหลือก็แต่คนเก่าคนแก่เท่านั้นที่ยังขออาศัยอยู่ที่บ้านเพราะไม่มีที่ไป ไอริญรู้ดีว่าคงอีกไม่นาน ทุกคนก็จะแยกย้ายสลายตัวเมื่อรู้ว่าเจ้าของบ้านซึ่งเป็นลุงแท้ ๆ กำลังถังแตก และกำลังถูกฟ้องล้มละลาย...
“ยังไม่นอนอีกเหรอป้าชื่น?”
“อ้าว คุณไอ วันนี้กลับบ้านเร็วจัง” ป้าชื่นซึ่งติดละครหลังข่าวงอมแงมหันมาสนใจหลานสาวเจ้าของบ้านคนงามที่มาพร้อมกับรอยยิ้มสวย ๆ ทุกครั้ง
“วันนี้เงินเดือนออก ไอต้องรีบกลับมาจัดการเรื่องนี้ก่อนค่ะ” ว่าแล้วหญิงสาวก็ส่งซองเงินเดือนที่เตรียมไว้ให้กับป้าชื่นซึ่งเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อยของบ้าน
“ขอบคุณค่ะคุณไอ” ป้าชื่นรับมาอย่างดีอกดีใจ รีบเก็บซองเงินเดือนในกระเป๋าเสื้อทันที “แล้วทานข้าวทานปลามาหรือยังคะ?”
“อิ่มแล้วค่ะ ว่าแต่คุณลุงกลับมาหรือยังคะ?”
“กลับมาตั้งแต่บ่ายแล้วค่ะ รู้สึกว่าคุณท่านจะมีแขกด้วยนะคะ”
ไอริญพยักหน้า ปรายตาไปยังบ้านตึกหลังงามที่เปิดไฟหน้าบ้านทิ้งไว้
“คุณไอ ป้าได้ยินคุณท่านพูดเรื่องขายบ้านหลังนี้ เป็นเรื่องจริงเหรอคะ?” น้ำเสียงของป้าชื่นเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
ไอริญนิ่งไปอึดใจ พลางกลืนบางสิ่งลงคอ
“ไอก็ไม่ทราบเหมือนกัน ถ้างั้น ไอขอตัวก่อนนะคะ”
เดินมาถึงบริเวณหน้าตัวตึก ไอริญก็ได้พบแขกของคุณลุงซึ่งกำลังเดินทางกลับพอดี บังเอิญว่าเธอได้สบตากับชายผู้นั้นอย่างไม่ตั้งใจ ซึ่งคนผู้นั้นก็ถึงกับชะงัก
ชายคนนี้ดูอ่อนวัยกว่าคุณลิขิต แต่ดูภูมิฐานกว่าและดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า หน้าตาของชายผู้นี้ไม่ได้หล่อเหลาชนิดเห็นแล้วรู้สึกสะดุดตา แต่บางสิ่งในตัวของผู้ชายคนนี้สามารถดึงดูดสายตาได้ อาจเพราะเขาแต่งกายดูดีมีระดับ อีกทั้งบุคลิกที่มั่นใจด้วยกระมัง จึงสะกดสายตาเธอได้
“อ้าว ยัยไอ กลับมาพอดีเลย”
ไอริญหันไปมองคนที่ทักทาย “จะออกไปข้างนอกเหรอคะ?”
“เปล่า มานี่สิ ฉันจะแนะนำให้เธอรู้จักคุณศิลป์ศรุต เพื่อนของฉันเอง”
ไอริญทำหน้าแปลกใจ ปกติคุณลุงลิขิตไม่เคยลากเธอเข้าไปสุงสิงกับเพื่อน ๆ นักธุรกิจเลยสักครั้ง อีกทั้งไม่เคยเปิดเผยให้ใครได้รู้ว่าเธอคือหนึ่งใน ‘ภัทรนันทร์’ ยกเว้นครั้งนี้
แต่เธอก็ทำความรู้จักกับแขกของผู้เป็นลุงอย่างว่าง่าย
“คุณศิลป์ศรุต นี่ไอริญ หลานสาวของผมเอง” ลิขิตแนะนำ
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวประนมมือไหว้อย่างนอบน้อม ซึ่งศิลป์ศรุตเพียงพยักหน้าให้เท่านั้น
“ไม่ยักรู้ว่าคุณลิขิตมีหลานสาวสวยขนาดนี้” ขณะเอ่ยปากชม ศิลป์ศรุตก็มองไอริญอีกครั้ง พร้อมทั้งส่งรอยยิ้มเป็นมิตรมาให้
