บทที่ 1 สาวบีเอ (1)
บทที่ 1
สาวบีเอ
ลมหนาวที่ลูบไล้ผิวกาย อีกทั้งแสงแดดเจิดจ้าในช่วงเก้าโมงเช้าทำให้ไอริญต้องรีบเร่งทำเวลา พอถึงห้างสรรพสินค้าไอริญก็แวะกินกาแฟรองท้อง เรียบร้อยแล้วหญิงสาวถึงแวะแต่งหน้าก่อนเข้าทำงาน
นี่คือวงจรชีวิตที่ทำซ้ำ ๆ มาหลายปี จากเด็กสาวมอปลายที่แต่งหน้าไม่เป็น แต่มีใจรักทางด้านนี้ ไอริญจึงถีบตัวหันมาทำในสิ่งที่ชอบ หญิงสาวเรียนรู้งานได้รวดเร็วอาจเพราะได้พี่เลี้ยงฝีมือดีช่วยสอนเทคนิคการขาย ประจวบเหมาะกับเธอมีบุคลิกที่เหมาะกับงานด้านนี้
อีกทั้งรักการขายและชอบพูดคุยกับลูกค้าในเรื่องความสวยความงาม เวลาเพียงครึ่งปีหญิงสาวจึงคว้าตำแหน่งพนักงานขายดีเด่นนำหน้าเพื่อนร่วมงานไป
แต่ด้วยการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น เครื่องสำอางในท้องตลาดมีมากมายหลายยี่ห้อเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หญิงสาวต้องคอยถีบตัวอยู่ตลอดเวลา เธอต้องเร่งทำยอดขายให้เข้าเป้าทุกเดือน โดยห้ามยัดเยียดสินค้าให้ลูกค้าอย่างเด็ดขาด
แน่นอนว่าหากเดือนไหนขายไม่ได้ตามเป้าที่วางเอาไว้ นั่นย่อมหมายความว่า ‘หายนะ’ เรื่องปากท้อง
“อรุณสวัสดิ์ยัยไอริญ”
“อรุณสวัสดิ์เจ๊วุ้นเส้น” หญิงสาวทักทายเสียงเหนื่อยจนอีกฝ่ายสังเกตเห็นได้
“เป็นอะไรหรือเปล่าวันนี้ดูเหนื่อย ๆ แต่เช้า” ปัทมาผละจากตู้กระจกใสซึ่งใส่นาฬิกาเรือนหรูมายังเคาน์เตอร์เครื่องสำอางในฝั่งตรงข้าม “เมื่อคืนเจองานหนักเหรอ?”
“ไม่หนักหรอกเจ๊ แต่เครียดน่ะ พอดีงานพาร์ทไทม์มีปัญหา ไอเลยกลับดึก”
“โดนแขกขอออฟหรือไงยะ?” ปัทมากระเซ้าเย้าแหย่อย่างอยากรู้อยากเห็น
“ไม่ใช่เรื่องนั้น”
“ถ้างั้นก็โดนโห่ไล่ลงจากเวที”
“ระดับไอริญ ยอมเสียฟอร์มแค่คืนเดียวเท่านั้น คืนอื่นไม่ได้แอ้มหรอก” ไอริญคุยฟุ้งเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องไม่สบายใจ แต่หญิงสาวก็ไม่สามารถปกปิดเพื่อนสาวต่างวัยที่รู้จักมานานได้
“เหรอยะ” สาวขายนาฬิกาค้อนคมใส่อย่างไม่เชื่อ “ไม่ต้องปิดบังหรอก สีหน้าฟ้องอยู่ว่าเธอกำลังไม่สบายใจ”
ไอริญถอนหายใจยาว ๆ “พอดีมีปัญหานิดหน่อยน่ะเจ๊”
“ไม่สบายใจก็ระบายออกมาให้ฟังได้เลยนะ”
ไอริญสบตากับปัทมา “นักร้องตัวจริงกลับมา ไอเลยตกงาน”
ปัทมาเอามือทาบอก “เธอจะทำยังไงต่อไปล่ะ?”
“ยังไม่รู้เลย” ไอริญทำหน้าเซ็งสุดชีวิต
เท่าที่จำได้ชีวิตของเธอโดดเดี่ยวมาตลอด หลังจากพ่อแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เธอก็อยู่กับลุง แต่ลุงก็สร้างปัญหาหนี้สินไว้มากมาย นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เธอต้องหางานพาร์ทไทม์ทำควบคู่กับงานประจำ เพื่อให้รายได้พอจุนเจือครอบครัว!
ความลำบากมาเยือน ชีวิตของคุณหนูผู้เคยสุขสบายเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไอริญทำงานหาเลี้ยงตัวเองควบคู่กับเรียนหนังสือ เรียกได้ว่าหาเงินจนตัวเป็นเกลียวหัวเป็นนอตเพื่อส่งตัวเองเรียน
ถึงจะเรียนหนังสือจบช้ากว่าเพื่อนร่วมรุ่นที่อายุเท่ากัน แต่หญิงสาวก็เรียนจบอย่างที่ตั้งใจไว้ ไอริญรู้สึกภาคภูมิใจกับความสำเร็จของตัวเองมาก เพราะสามารถลบคำสบประมาทของผู้เป็นลุงมาได้
เธอตั้งความหวังเอาไว้ว่าหลังจากเรียนจบแล้วชีวิตจะดีขึ้น แต่ก็เปล่าเลย! เธอต้องประสบกับปัญหาทางด้านการเงินซึ่งตนเองไม่ได้ก่อขึ้นมา
“ไอหนักใจกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน”
“อ้าว แล้วคุณอิทธิพัทธ์ไม่ช่วยเหลือเธอแล้วเหรอ?”
“ช่วยอยู่ค่ะ แต่ไอเซ็งตรงที่ถูกพัทธ์แกล้งนี่ล่ะ”
“แกล้งยังไงยะ?” พอพูดถึงอิทธิพัทธ์ ลูกชายเจ้าของสถานบันเทิงชื่อดังซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของไอริญ ปัทมาจึงหูตาวาวขึ้นมา
“เช็กเรตติ้งเสน่ห์ของไอไง”
“คุณอิทธิพัทธ์ก็ทำอะไรแปลก ๆ”
“ไอไม่โทษพัทธ์หรอกเจ๊ ที่จริงพัทธ์ไม่สนับสนุนให้ไอทำงานในที่แบบนั้นแต่แรก แต่ทนลูกอ้อนไม่ไหว พัทธ์เลยพูดไม่ออกรับไอเป็นนักร้องชั่วคราว พอนักร้องตัวจริงกลับมา ไอเลยถูกปลดออกจากตำแหน่ง” ไอริญเล่าด้วยน้ำเสียงเซ็ง ๆ เพราะสิ่งที่ทำกำลังไปได้สวย แต่มันก็จบลงก่อน
“แบบนี้เธอต้องหางานใหม่ทำเหรอ?”
“ยังไม่รู้เลยเจ๊ ถ้าเรื่องมากนัก ไอว่าจะไปเต้นรูดเสา”
“เฮ้อ... ไอเอ๊ย”
เห็นสีหน้าของปัทมา ไอริญก็อมยิ้ม “ล้อเล่น”
“แล้วไป ตกใจหมด ฉันนึกว่าเธอเครียดเรื่องหาเงินจนเพี้ยนหนัก”
“ก็ไม่แน่นะ ถ้าเจอทางตันจริงไออาจทำอย่างนั้นก็ได้”
ที่พูดออกมาก็เพื่อประชดตัวเองเท่านั้น อย่างเธอน่ะเหรอจะไปทำงานอย่างนั้นได้ มีหวังได้ถูกลุงแท้ ๆ ดูถูกเหยียดหยามและขุดคุ้ยประวัติลามไปถึงมารดาผู้ให้กำเนิดอีก ขนาดทำงานพาร์ทไทม์เป็นนักร้องไม่มีอะไรเสียหาย เธอยังต้องปิดข่าวไม่ให้คนในครอบครัวรู้เลย
คนฟังอย่างปัทมาทำหน้าละเหี่ยใจ “ไอเอ๊ย ใคร ๆ ก็ต้องการเงินทั้งนั้น สมัยนี้หยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด ยิ่งค่าครองชีพสูงแบบนี้เงินแทบจะกลายเป็นพระเจ้า แต่เธอควรสร้างข้อจำกัดให้ตัวเองบ้างนะ ไม่ใช่งานดี เงินดี เอาหมดไม่ห่วงภาพพจน์ของตัวเองบ้าง”
“รู้น่าเจ๊วุ้นเส้น ถ้าไอช่วยลุงไถ่บ้านจากการจำนองธนาคารได้ ไอคงหยุดพักแล้วล่ะ”
ปัทมาได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจกับภาระมากมายที่ไอริญแบกไว้เพียงลำพัง “เอาใจช่วยก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันไปดูลูกค้าก่อนนะ”
“ค่ะ” ไอริญยิ้มหวานจนเห็นรอยบุ๋มข้างแก้ม เธอหันมาสนใจลูกค้าของตนเองบ้าง
ลูกค้ารายแรกวันนี้เป็นหนุ่มตี๋ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดคอกลมแขนยาวสีเทา พับแขนเสื้อขึ้นไปถึงข้อศอก สวมกางเกงยีนสีกรมท่า รองเท้าผ้าใบ กำลังเดินตรงดิ่งมาหยุดหน้าเคาน์เตอร์เครื่องสำอาง พอเห็นหน้าอีกฝ่ายไอริญก็ชะงัก
โลกกลมโดยแท้ ไม่คิดว่าเธอจะได้พบเขาอีก!!
“สนใจเครื่องสำอางชิ้นไหนสอบถามได้นะคะ” หญิงสาวยิ้มหวานตามหน้าที่ แต่ชายหนุ่มกลับไม่มองหน้าเธอสักนิด ซ้ำยังก้มหน้าก้มตามองหาเครื่องสำอางที่จัดโชว์หน้าร้านเพียงอย่างเดียว
