บทนำ พ่ายรัก บ่วงพันธนาการ
บทนำ
พ่ายรัก บ่วงพันธนาการ
พ้นจากผับชื่อดังมาได้ ปฐมพฤกษ์ก็สัมผัสได้ถึงความสงบและสบายหูมากขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกวาดมองบรรยากาศรอบข้างซึ่งเต็มไปด้วยเหยี่ยวราตรีทั้งหญิงชาย ชายหนุ่มส่ายหน้ากับสิ่งที่เห็นพลางซุกมือในกระเป๋าเสื้อเพื่อหาความอบอุ่นจากกระไอตัว
อากาศยามค่ำคืนในช่วงฤดูหนาวปลายปีค่อนข้างเย็นสบาย เหมาะสำหรับนอนซุกตัวใต้ผ้าห่มมากกว่าการ แต่ค่ำคืนนี้เขากลับมีเหตุต้องออกมาตะลอนอยู่ในสถานบันเทิงเพื่อตามดูพฤติกรรมของอารดาแฟนสาวซึ่งส่อเค้าว่ากำลัง นอกใจ!!
เขาแอบสะกดรอยตามอารดามาเป็นสัปดาห์เพื่อดูความเคลื่อนไหวของเธอ แล้วเขาก็ได้เห็นพฤติกรรมหลาย ๆ อย่างที่รับไม่ได้ ไม่อยากเชื่อสายตาของตนเองด้วยซ้ำว่าภาพที่เห็นคือ คุณหนูอารดา ผู้หญิงที่เรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้...
อารดาฉีกภาพลักษณ์เดิมจนหมดสิ้น!
คืนนี้อีกเช่นกันที่ปฐมพฤกษ์ออกมาตามหาแฟนสาว น่าเสียดายที่เขาคลาดสายตาไปจากอารดา แม้ชายหนุ่มจะพยายามติดตามอารดาอยู่ห่าง ๆ แต่ผู้คนที่มาเที่ยวมากมายก็ทำให้อารดาคลาดสายตาไปได้
การหาตัวอารดาไม่พบยิ่งสร้างความว้าวุ่นใจให้กับเขา ไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ที่จะปล่อยอารดาไปกับผู้ชายอื่นสองต่อสอง อีกทั้งอารดายังดื่มเข้าไปมากขนาดนั้น ทั้งที่อารดาไม่เคยดื่มมาก่อน!
ปฐมพฤกษ์เดินเตร็ดเตร่ไปตามทางเดินซึ่งปูด้วยอิฐตัวหนอนเรียงเป็นลวดลาย กระนั้นชายหนุ่มยังกวาดสายตามองหาแฟนสาวผ่านผู้คนซึ่งเดินสวนไปสวนมา เผื่อว่าอารดาอาจจะยังอยู่ในละแวกนี้บ้าง แต่เขาก็คว้าน้ำเหลว
“เฮ้อ...” ลมหายใจถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากสีชมพูที่ผู้หญิงบางคนต้องอาย พอถูกความอ่อนล้าเล่นงาน ปฐมพฤกษ์ก็เดินไปนั่งบนเก้าอี้เหล็กฉลุลายใต้โคมไฟริมทางเดินอย่างสิ้นหวัง...
ท้องถนนที่เคยเต็มไปด้วยยวดยานพาหนะตอนนี้มีรถยนต์แล่นผ่านไม่กี่คัน ตึกรามบ้านช่องส่วนใหญ่ปิดเงียบ หากจะมีตึกของสถานบันเทิงเท่านั้นที่ยังเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวราตรี อีกทั้งยังประดับหลอดไฟหลากสี และดวงไฟกะพริบ มีเสียงเพลงจากเครื่องเสียงดังมาบ้าง แต่ก็ฟังไม่รู้เรื่องว่าเป็นเพลงอะไร
ปฐมพฤกษ์ทอดสายตามองสิ่งแวดล้อมรอบกายอย่างเหม่อลอย ก่อนหยุดสายตาไว้ที่สาวกลุ่มใหญ่ซึ่งแต่งกายล่อแหลมชนิดเปรี้ยวจี๊ดจนเข็ดฟัน หญิงสาวเหล่านั้นส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวหัวเราะเสียงดัง และใครบางคนในกลุ่มก็ปรายตามามองเขาอย่างสนอกสนใจ
ชายหนุ่มรีบเบือนหน้าหนีเพื่อหลบสายตาเชิญชวนไปทางอื่นทันที
ไม่ชอบ... เขารู้สึกไม่ถูกจริตกับสาวพวกนี้สักเท่าไหร่ เห็นแล้วขัดหูขัดตา ยิ่งได้พบแม่สาวพวกนี้ในสถานที่อโคจร กลไกป้องกันตัวทำให้ต้องหลีกห่าง ทว่าลุกขึ้นเท่านั้น
“อะแฮ่ม ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ?”
ปฐมพฤกษ์หันมามองด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ทว่าชายหนุ่มถึงกับชะงักงันราวกับถูกสะกดเมื่อได้สบตากับสาวสวยซึ่งแต่งกายอยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดงสด ตัวกระโปรงสั้นเหนือหัวเข่าเป็นคืบ อีกทั้งยังผ่าสูงจนดูน่าหวาดเสียว
ร่างบางสมส่วนดูเย้ายวนก้าวผมมวยถักเปียล้อมมวยผมไว้ทั้งสองข้าง แต่งหน้าเข้มจัด สายตาคมเฉี่ยวและมีเสน่ห์ ชนิดสามารถสะกดใครต่อใครให้ตะลึงงันได้จับจ้องมาที่เขา อีกทั้งยังส่งรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร
รอยยิ้มเปิดโลกนี้เองที่ทำให้ปฐมพฤกษ์ค้าง...
ค้างไปนานเป็นอึดใจ!
แต่เหนืออื่นใดก็คือ หัวใจเหี่ยวแฟบกลับกระตุกวูบขึ้นมา ทั้งยังเต้นผิดจังหวะ
“เชิญ ตามสบาย”
สาวสวยที่มาพร้อมช่อดอกไม้ยิ้มยั่วทิ้งตัวนั่งไขว่ห้างจนเห็นเรียวขาขาว พลางชม้ายชายตามองเขาอย่างพิจารณาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า อีกทั้งสายตาของคุณเธอยังเป็นประกายวาววับ แล้วหญิงสาวแปลกหน้าจึงยื่นกุหลาบช่อน้อยมาให้
“ฉันให้”
“ห๊ะ?” ปฐมพฤกษ์ยกคิ้วขึ้นสูงด้วยความแปลกใจ
“ฉันให้คุณค่ะ” หญิงสาวยืนยันคำเดิมพร้อมรอยยิ้มยั่วยวน สายตาคมเฉี่ยวนั้นแฝงฝังความขี้เล่น แต่ถ้อยคำยืนยันนั่นกลับทำให้ชายหนุ่มทำคิ้วผูกโบกว่าเดิม
เขาถูกผู้หญิงแปลกหน้าจีบงั้นรึ?
“ไม่ล่ะ ผมไม่รู้ว่าจะเอาดอกไม้ไปทำอะไร คุณเก็บเอาไว้เถอะ” ปฐมพฤกษ์ปฏิเสธหน้านิ่งโดยไม่มองหน้าสาวสวยที่ทำให้หัวใจสั่นไหวด้วยซ้ำ
“เอาไปให้แฟนคุณก็ได้”
“ผมไม่ชอบดอกไม้มือสอง”
“ถ้างั้นเอาไปทิ้งถังขยะก็ได้ แต่คุณต้องรับดอกไม้ช่อนี้”
พอถูกบังคับกลาย ๆ ปฐมพฤกษ์จึงเลื่อนสายตาจากดอกไม้มายังคนให้ แต่หญิงสาวกลับจ้องหน้าเขาไม่ลดละ แล้วสายตาของเจ้าหล่อนใช่ธรรมดาซะที่ไหน คราเธอมองมามันทำให้เขาหายใจไม่สะดวกทุกที ปฐมพฤกษ์ทายว่าผู้หญิงคนนี้อาจเมา
หรือไม่ก็อาจกำลังหาเหยื่อสักรายเพื่อให้คุณเธอขบเคี้ยวในราตรีนี้...
“ถังขยะอยู่ตรงนั้น” ชายหนุ่มชี้นิ้วไป “เดินอีกไม่กี่ก้าวก็ถึง”
หญิงสาวสวยจัดไหวไหล่ไม่ยี่หระ “ประเด็นอยู่ที่คุณต้องรับดอกไม้นี้ไว้ต่างหาก”
“จำเป็นด้วยเหรอที่ผมต้องทำตามแบบนั้น?”
คราวนี้ดวงตาพราวเสน่ห์ของหญิงสาวซึ่งตกแต่งไว้อย่างประณีตหรี่ลง ก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วขยับตัวเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นหอมหวานเหมือนกลิ่นของลูกอม แต่เย้ายวนใจอย่างประหลาด
“จำเป็นสิคะ ถ้าคุณรับดอกไม้ไว้ ฉันจะได้ทำงานที่นี่ต่อ”
ปฐมพฤกษ์ยกคิ้วขึ้นสูงกับเงื่อนไขบ้า ๆ ที่ผู้สาวแปลกหน้าหยิบยกขึ้นมาอ้าง
“ทำไมต้องเป็นผม?”
หญิงสาวสบตากับสายหนุ่ม ยิ้มตาพราวจนเห็นรอยบุ๋มข้างแก้มเนียน “เพราะคุณคือผู้ที่ถูกเลือก”
คำตอบจากน้ำเสียงใสราวระฆัง และสายตาเจ้าชู้ส่งผลให้ชายหนุ่มรู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาว เขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย พับผ่าสิ!
“คุณกำลังจีบผมเหรอ?”
หลุดปากออกมาไม่เต็มเสียงปฐมพฤกษ์ก็เม้มปากเป็นเส้นตรง เขาเห็นหญิงสาวยิ้มมุมปาก ทว่าสายตากลับไม่ยิ้มไปด้วย
“แล้วแต่คิด... คุณไม่เคยรับดอกไม้จากคนแปลกหน้าบ้างเหรอคะ?” หญิงสาวเอียงศีรษะมองเขาอย่างมีจริต ริมฝีปากจิ้มลิ้มเคลือบลิปสติกสีแดงสดเป็นประกายวาววับคล้ายมีหยดน้ำเคลือบอยู่
ปฐมพฤกษ์สบตากับหญิงสาว อะไรบางอย่างจากดวงตาคู่งามกำลังทำให้เขาใจอ่อน อีกทั้งรู้สึกหงุดหงิดอารมณ์ไม่น้อย
“เลือกคนใหม่เถอะคุณผู้หญิง ผมไม่มีเวลามาเล่นสนุกกับคุณหรอก” บอกจบปฐมพฤกษ์ก็หันหลังให้ทันที
เขาควรไปจากที่นี่ตั้งแต่ทีแรก! ทว่าก้าวได้เพียงก้าวเดียวเท่านั้น มือนุ่มซึ่งเคลือบสียาทาเล็บสีเดียวกับตัวชุดได้คว้ามือเขาเอาไว้ก่อน
ชายหนุ่มถอนหายใจหนัก ๆ เพื่อแสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่สบอารมณ์ แต่ก็หันมามองแม่สาวคนงามอีกครั้ง แล้วก็พบว่าสายตาคู่คมงามจ้องหน้าเขาอย่างจริงจัง ดูเอาเรื่องกว่าเมื่อครู่มาก
“ถ้าคุณไม่รับดอกไม้ ฉันจะเปลื้องผ้าตรงนี้”
เจอคำขู่เข้าไปปฐมพฤกษ์ถึงกับหน้าเหวอ
“อะไรนะ?!”
“ฉันพูดจริง”
น้ำเสียงนั้นหนักแน่นจนน่าใจหาย...
นั่นไงล่ะ! เขาเจอเรื่องปวดหัวให้แล้ว
ปฐมพฤกษ์ดุนลิ้นข้างกระพุ้งแก้ม เอามือลูบท้ายทอยตัวเองกับเรื่องงี่เง่าไร้สาระ ดัชนีความเครียดกำลังทะยานขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเห็นสายตาของผู้หญิงกลุ่มใหญ่มองมาด้วยแล้ว เขายิ่งรู้สึกไม่ชอบใจกับการถูกกดดัน
ให้ตายเถอะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?!
“คุณไม่กล้าทำหรอก...”
ปฐมพฤกษ์ไม่เข้าใจตนเองว่าทำไมถึงหลุดปากต่อปากต่อคำกับแม่สาวใจกล้ารายนี้ ทั้งที่ควรไปจากตรงนี้แต่แรก และเขาอยากกัดลิ้นตัวเองนักเมื่อแม่สาวรายนี้มองด้วยสายตาเป็นประกายวาววับคล้ายเชิญชวน ก่อนเริ่มต้นปลดกระดุมคอเสื้อเม็ดแรกให้แยกออกจากกัน
“ฉันไม่ชอบคำท้า” ริมฝีปากเคลือบสีแดงสดวาววับชวนให้จุมพิตนั้นยกขึ้นเป็นเหยียดยิ้ม
ปฐมพฤกษ์จ้องมือเรียวขาวนวลซึ่งกำลังปลดลูกกระดุมออก พลางกลอกตาไปมาเมื่อเห็นท่าทางเอาจริงของหญิงสาว
“ผมไม่คิดว่าตัวเองจะซวย มาเจอผู้หญิงบ้าระห่ำอย่างคุณ!”
น้ำเสียงนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยคำตำหนิและความหงุดหงิด ก่อนที่แม่สาวใจถึงจะเปลื้องผ้าออกจากร่างกายตามที่บอก ชายหนุ่มก็คว้าดอกกุหลาบนั้นมาจากมือเจ้าหล่อนแล้วรีบจากไปอย่างหัวเสียทันที
พอทีสำหรับเรื่องหัวเสียในค่ำคืนนี้!
พอก้าวยาว ๆ ห่างออกมา หูกลับแว่วได้ยินเสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจตามหลังมา อีกทั้งยังมีเสียงใครบางคนตะโกนมา
“ทำไมไม่ขอเบอร์ไว้วะ”
“บ้าชะมัด!” ชายหนุ่มสบถหัวเสีย ก่อนโบกรถแท็กซี่กลับบ้านโดยไม่หันไปมองบรรดาเหยี่ยวราตรีอีก
