Ep.5
เรื่อง พ่ายรักตำรวจร้าย Ep.5
นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหา ความรุนแรง คำหยาบคาย ท่านใดไม่ชอบผ่านได้เลยนะคะ
ทุกตัวละครและเหตุการณ์เป็นเพียงการแต่งขึ้นมาเท่านั้นไม่มีตัวตนอยู่จริง
สายเรียกเข้าจากอเดล
ผม : ว่าไง พายุอะไรหอบแกโทรหาฉัน
อเดล : แหม่พี่ก็ วันนี้เรามีนัดทานข้าวประจำเดือนกัน พี่จำได้ใช่ไหม
ผมเงียบไปแปปนึง เพราะวันนี้ผมมีนัดทานข้าวกับครอบครัวจริงๆผมลืมไปเลยว่าทุกเดือนเราจะนัดทานข้าวแล้วคุยเรื่องต่างๆสู่กันฟัง แล้วนอนค้างที่บ้าน แล้ววันนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายห้ามขาดการกินข้าวเด็ดขาด ที่พ่อกับคุณน้าแม่ไอ้เดลตั้งกฎนี้ก็เพราะไม่อยากให้คนในบ้านห่างกันเกินไปแต่ผมต้องไปหาเหมยที่โรงบาลนี่
ผม : จำได้สิวะ ใครจะไปกล้าลืม เจอกันตอนเย็น
อเดล : ครับผม แค่นี้นะครับ
เวรกรรมของผม คนที่โรงบาลก็อยากไปหา คนที่บ้านไม่ไปก็ไม่ได้ เอาไว้ค่อยหาวิธีไปทานข้าวที่บ้านก่อนแล้วกัน ผมเคลียงานเสร็จเกือบ 6 โมงเย็น โทรบอกกับไอ้ต้าแล้วเรื่องที่ไม่ได้ไปโรงบาล ไอ้ต้าก็คือไอ้ต้าครับก็ล้อเลียนผมเหมือนเดิม
ต้า : ว๊ายยย อดไปเลยครับผู้กอง เหมยอุส่าห์ชวนแล้ว ทานข้าวให้อร่อยนะครับ ไม่ใช่แหกกฎหนีมาหาน้องกูนะครับ
ผม : กูไม่ใช่มึงนะแค่นี้แหละ ปากดีชิบแดกลูกปืนน่าจะดีขึ้นนะมึงอะ
มันยังไม่ทันได้ตอบอะไร ผมวางสายก่อน อาการกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเป็นแบบนี้สินะ
บ้านวรลภย์
ผมขับรถมาจอดโดยที่มีการ์ดคนสนิทพ่อมารอรับเหมือนทุกครั้ง ที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นไอของบ้านมาเฟีย นับเป็นที่ๆปลอดภัยที่สุดตั้งแต่รั้วบ้านเลยก็ว่าไว้ ประตูเป็นระบบเซนเซอร์มันจะจับคนในรถที่มองไปยังเซนเซอร์ของประตูบ้าน มีเพียงคนในบ้านที่สำคัญเท่านั้นที่จะรู้ว่าควรมองตรงไหน หรือต่อให้ปีนรั้วเข้ามาแน่นอนว่าล่วงลงไปตั้งแต่เหยียบสันรั้วละ จะตกฝั่งไหนนั่นก็อีกเรื่อง ถ้าตกฝั่งในบ้านความซวยมาเยือนแน่เพราะกระแสไฟฟ้าทำให้อ่อนแรงจนไปไหนไม่ได้แน่นอน ตกนอกบ้านก็ความหมายเท่ากันเพราะสัญญาณดังแจ้งในบ้านตั้งแต่พยายามปีนแล้ว บ้านผมอยู่ห่างจากบ้านคนอื่น เรียกได้ว่าไกลออกมามากแล้วตั้งอยู่หลังเดียวเลยก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่ถนนด้านนอกเข้ามาคือพื้นที่ส่วนบุคคลที่คนแถวนี้ต่างรู้กันทั่วและไม่เคยพากันเข้ามา
ผม : คนอื่นละ แล้วไอ้เดลมาหรือยัง
พิชิต : ทุกคนมาครบแล้วครับรออยู่ด้านใน เหลือแค่นายนี่แหละ เอ๊ะ!!นายติดสาวหรือป่าวครับทำไมมาช้า
ผม : ไม่เจอกันเป็นเดือนยังปากดีเหมือนเดิม อะเอาไป!!
ผมโยนเสื้อให้วิชิตรับ ที่มันกล้าหยอกเพราะมันเป็นการ์ดที่โตมากับผม บ้านมันอยู่กับบ้านผมมาตั้งแต่รุ่นปู่ของมัน แล้วตัวมันก็โตมาพร้อมๆกับผมโดนฝึกมาด้วยกัน ผมเดินเข้ามาข้างในตอนนี้ พ่อ คุณน้า ไอ้เดล มองผมกันเป็นตาเดียวแล้ว
ผม : มองเหมือนผมทำไรผิดงั้นแหละ
พ่อ : ทำไมมาช้าปกติเห็นแกไม่เคยสาย แล้วนี่รีบถึงขั้นชุดไม่ถอดเลยหรอ ฉันต้องตกใจไหมเนี่ยตำรวจเข้าบ้าน
ผม : โถ่คุณน้าครับ ดูพ่อสิ
คุณน้า : ก็เรามาสายจริงๆนี่ ปกตินัดกันทุก 6 โมงเย็น
ผม : รถติดครับ แล้วผมก็เคลียงานเพิ่งเสร็จด้วย แต่ผมหิวแล้วครับ เราไปทานข้าวกันดีกว่า ไปครับคุณน้า ทิ้งพ่อกับไอ้เดลไว้นี่แหละ
พ่อ : แกคิดว่าคุณน้าแกช่วยแกจากฉันได้สิ บทลงโทษของคนมาช้าคือล้างกรงไอ้แม้ว อย่าลืม!!
ผม : คุณน้าครับ ช่วยด้วยครับ ผมมีเหตุผลแต่พ่อไม่ฟังเลยครับ
คุณน้า : เอาหน่ะคุณคินก็บอกแล้วนี่ว่างานเยอะ แล้วนี่ก็ครั้งแรกด้วยที่มีคนมาช้า ถือว่าให้โอ กาสแล้วกัน
พ่อ : ตำรวจน้ำดีแบบมันมีหรอเคยค้างงาน เคลียงานเสร็จช้า มีแต่ไปนอกลู่นอกทางไหนมาเท่านั้นแหละงานเลยเสร็จช้า คุณพูดเหมือนไม่รู้จักมัน
คุณน้า : นี่คุณคะ ถ้าไม่หยุดคนที่จะไปล้างกรงแม้วคือคุณ
ผม : ว้ายยๆคุณพ่อแพ้ผมแล้ว ไอ้เดลเลือกข้างผิดชีวิตเปลี่ยนนะมึง
พ่อ : เอ๊ะไอ้ลูกหมานี่ เดี๋ยวเถอะ
ผม : ก็ลูกพ่อไงครับ ไปดีกว่า
ผมวิ่งหนีมาที่โต๊ะกินข้าวโดยที่พ่อผมขว้างหมอนที่โซฟาเฉี่ยวหัวผมไปนิดนึง เรื่องปกติครับผมชอบแกล้งพ่อแบบนี้ประจำ จนบางครั้งท่านหมั่นใส้ไล่ไปล้างกรงไอ้แม้วมันคือเสือที่ดุไม่เอาใครเลยนอกจากลุงสมคนที่เลี้ยงมันมา กับคุณพ่อ คุณน้า ดุจะตายห่าผมไม่เอาด้วยหรอกไปล้างแต่ละทีขนาดเอาตะกร้อคลอบปากมันยังวิ่งชน วิ่งตะป่มเลย กว่าจะล้างเสร็จหลายแผลอยู่ หลังทานข้าวเสร็จก็นั่งคุยกันจนเกือบ 3 ทุ่มแล้วก็แยกย้ายไปนอนครับ…
Talk : ดอกเหมย
ตอนนี้ 3 ทุ่มแล้ว เรา ณิชา พี่ต้าพากันนอนดูหนังผี เรียกว่าเป็นอะไรที่ทำร่วมกันบ่อยเลยล่ะ ไม่ว่าจะเล่านิทาน ดูหนัง ไปเที่ยว เพราะพี่ต้าเป็นคนที่ดูแลเรามาแทบจะมากกว่าพ่อกับแม่เราซะอีก พี่ต้าก็จะคอยแจ้งทุกอย่างกับท่านแต่ต้องเป็นเรื่องใหญ่จริงๆนะท่านถึงจะมา เรื่องที่เราเจออยู่ตอนนี้ท่านไม่มาหรอก แถมจะโดนบ่นด้วยล่ะ แต่เราชินแล้วเป็นเรื่องปกติสำหรับเราไปแล้ว แต่วันนี้กลับเป็นการดูหนังกัน 3 คนแบบที่เราไม่ค่อยจะเอ็นจอยเลยทั้งๆที่นี่เคยเป็นสิ่งที่ทำแล้วเรามีความสุข วันนี้เราเหมือนขาดอะไรไปสักอย่างตั้งแต่ตอนที่พี่ต้ามาคนเดียวแล้ว แล้วนี่เราคาดหวังให้พี่ต้ามากับใครล่ะบ้าชะมัด เรานั่งดูหนังไปนานแค่ไหนไม่รู้จนได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา เป็นผู้กองภาคิน แล้วทำไมเราต้องดีใจที่เค้ามาเนี่ย
ผู้กอง : ผม ร.ต.อ วรลภย์ โรจนภูรินทร์ หรือ ผู้กองภาคิน รายงานตัวครับ สวัสดีสาวๆและคุณผู้ชายหน้าหมาท่านที่ใส่ชุดนอนคิตตี้ไม่ดูหนังหน้าตัวเองด้วยครับ
พี่ต้า: ไอ้ผู้กอง ไอ้เชี่ย อารมณ์ดีแบบนี้มึงหนีมาใช่ไหม
ผู้กอง: คุณต้าพูดแบบนี้ผมเสียหายนะครับ ผมไม่ได้หนีแค่คุณพ่อ คุณน้า และน้องชายหลับแล้วครับ
ต้า: กวนส้นตีน มานั่งเลยมึงอะเค้าดูหนังกันอยู่ มึงจะนั่งไหน
ผู้กอง: เท่าที่เห็นก็มีที่ว่างที่เดียวนะครับ ขออนุญาตนะครับคุณผู้หญิงขอนั่งดูหนังด้วยคนนะครับ คุณเหมย
ต้า:ถ้ามึงไม่พูดดีๆกูจะไล่มึงกลับเดี๋ยวนี้
ผู้กอง: สลัด!!มึงจะสต๊อบหนังไว้อีกนานไหม แล้วดูหนังผีทั้งๆที่น้องมึงขี้ตกใจเนี่ยนะ
ณิชา : ถ้าดูหนังผีมันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ไม่เชื่อดูแขนพี่ต้าสิพี่คิน กฎของการดูหนังผีคือห้ามนั่งข้างเหมย55555
ผู้กอง : เห้ยย อื้อหือแขนกูจะรอดไหมเนี่ย
ผู้กองพูดพร้อมหันมามองหน้าเราหน้านิ่งๆ
เรา : ไม่รับปากนะคะ ทางที่ดีเปลี่ยนที่ดีกว่าค่ะ
ผู้กอง : ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวมองไม่เห็น
จากนั้นทุกคนก็พากันดูหนังต่อ อันที่จริงเราก็ไม่ได้ตกใจขนาดนั้นหรอกถ้าไม่มีฉากที่ผีโผล่ออกมาเราไม่ได้ข่วนนะแต่เรากอดแขนพี่ต้าแล้วเล็บเรามันยาวบอกกับกอดแรงไปหน่อย พี่ต้าเค้าชินแล้ว ดูจบไปกี่เรื่องไม่รู้แต่ที่รู้ตอนนี้เราแทบจะสิงผู้กองแล้ว รู้ตัวอีกทีเราก็เขยิบออกห่าง
พี่ต้า : จบแล้วแยกย้ายไปนอนได้ ไอ้ผู้กองปากหมานอนนี่ไหมกูเห็นหาวหลายรอบแล้ว
ผู้กอง : ได้นะค่อยตื่นไปนอนบ้านตอนตี 3 ปลุกกูด้วย
จากนั้นทุกคนก็แยกกันนอนโดยที่เรากับณิชานอนในห้อง พี่ต้ากับผู้กองนอนที่ห้องนั่งเล่น
ณิชา : ตั้งแต่ผู้กองมาดูหนังด้วย ดอกเหมยหน้าบูดคนนั้นเค้าก็หายไป
เรา : พูดอะไรเนี่ย มั่วแล้วณิชา กูอารมณ์ดีอยู่แล้วต่างหาก ต่อให้หน้าบูดก็ไม่เกี่ยวอะไรเลยกับผู้กองเลยนอนดีกว่าง่วงแล้ว ฝันดีนะ
ณิชา : รักก็คือรัก หลงก็คือหลง ให้ถามชาวประมงก็คงไม่เข้าใจ
เรา : ไอ้!! ณิ!! ชา!!!
ณิชา : แค่ร้องเพลงเอง ร้อนตัวอะมึง นอนดีกว่า
เราไม่ได้ตอบอะไรมันได้แต่นอนคุมโปงต่อไปเราเป็นคนที่เสพติดการนอนคุมโปงมากๆ เพราะรู้สึกว่ามันอุ่นดี หลังจากที่ทุกอย่างเงียบลงเราก็หลับไปเลย….
