เป็นห่วงเหรอ?
ก็อกๆๆ
“เข้ามา” เมื่อมีคนเคาะประตูห้อง ผมจึงกล่าวให้เข้ามาได้ ซึ่งคนที่จะขึ้นมาบนนี้ได้ก็มีเพียงหมอส่วนตัวกับพวกเลขาของผมเท่านั้นแหละ
“พะ…พี่เอ็กเซล…” และเมื่อเจดี้ได้เห็นใบหน้าของเอ็กเซล เธอก็ตกใจมากทันที รวมถึงจีอาเองก็เช่นกัน หรือว่ามันจะเป็นแบบที่เจดี้บอก คืออีกฝ่ายนั้นทรงอิทธิพลมากถึงขนาดที่ทำให้เอ็กเซลมีรอยฟกช้ำบนใบหน้าได้
“เจดี้บอกพี่แล้วว่า..พวกมันอันตราย…” เจดี้กล่าวด้วยความเป็นห่วง
“ใครอันตรายเหรอครับคุณหนู?” เอ็กเซลกล่าวถาม
“พวกที่ลักพาตัวเจดี้ไปไงคะ” เจดี้กล่าวและทำให้เอ็กเซลยิ้มเล็กน้อย
“พวกมันถูกถอนรากถอนโคนไปหมดแล้วครับ” เอ็กเซลกล่าวก่อนจะหันมาหาผมและก้มหัวเคารพผม
“แต่ว่าในนั้นมีลูกของสส.ด้วยนะคะ” เจดี้กล่าว ซึ่งเรื่องนี้แหละดูเหมือนเธอจะเป็นกังวลมาก
“เรื่องของสส. จิมมี่กำลังไปจัดการครับ”
“ส่วนใบหน้าของผมไม่ได้โดนพวกมันทำร้ายครับ…” เอ็กเซลกล่าวก่อนจะหันมามองผม
“พี่ทำเหรอ?” เจดี้กล่าวถามผม
“ใช่” ผมตอบกลับด้วยหน้านิ่งๆ
“พี่จะไปทำร้ายพี่เอ็กเซลทำไม”
“ไอพี่เวร” และในที่สุด เจดี้ก็เริ่มด่าผมอีกครั้ง
“คุณหนูอย่าด่านายท่านเลยครับ”
“ผมทำงานผิดพลาด..ผมก็ต้องรับผิดชอบเป็นเรื่องปกติครับ” เอ็กเซลกล่าวและมันทำให้เจดี้โมโหหนักกว่าเดิม
“ถ้าพี่เจเค…ทำร้ายพวกพี่ๆ”
“งั้นเจดี้จะทำคืนให้เองค่ะ” เจดี้กล่าวก่อนจะพยายามลุกจากเตียง และทำให้จีอาต้องห้ามเอาไว้
“ใจเย็นๆก่อนนะเจดี้ บางครั้งอาจจะมีเหตุผลก็ได้” จีอากล่าวและจับแขนของเจดี้เอาไว้ ส่วนผมก็ยืนนิ่งรอน้องมาทุบตีเหมือนเดิม
“หึ ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้นแหละพี่เจเคอ่ะ”
“อยู่กินข้าวกับน้องสักมื้อยังไม่เคย” เจดี้กล่าวก่อนจะกำหมัดด้วยความโกรธและเบือนหน้าหนี
“ทำไมล่ะ?” จีอาหันมากล่าวถามผม
“ฉันเองก็สงสัยเหมือนกัน ว่าทำไมนายไม่ค่อยอยู่กับน้องๆ…” จีอากล่าวก่อนที่สีหน้าของเธอจะบ่งบอกว่าเพิ่งจะนึกอะไรได้
“มัน…อันตรายใช่ไหม?” จีอากล่าวออกมาและทำให้เอ็กเซลถึงกับสะดุ้ง
“ก็อย่างที่เราเคยเจอมาไง” ผมกล่าวเพื่อให้จีอาเข้าใจสิ่งที่ผมทำ
“เคยเจอ? เคยเจออะไร?” และคำกล่าวของผมมันทำให้เจดี้สับสนมาก
“เข้าใจล่ะ ไม่มีอะไรหรอกเจดี้”
“เจเคเขาเป็นห่วงเรามากแค่นั้นเอง” จีอากล่าว ซึ่งมันก็ทำให้เจดี้สับสนมากกว่าเดิม
“เป็นห่วงเหรอ?” เจดี้กล่าว แต่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่คำถาม มันเป็นคำแย้งซะมากกว่า
“ไม่ใช่เลย พี่เจเคไม่เคยเป็นห่วงเจดี้กับเจบีสักนิด” เจดี้กล่าวและมันทำให้ผมเม้มปากเล็กน้อย
“เขาไม่เคย…มาเจอหน้าเราสักครัง”
“ไม่เคยพาเราไปเที่ยวเหมือนพี่น้องคนอื่นๆ”
“ไม่เคยนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับเรา”
“ทำเหมือนกับเราเป็นคนที่ไม่รู้จักกัน” เจดี้กล่าวด้วยสีหน้าเศร้า
“เจเคเขาทำถูกแล้วล่ะ แต่..อาจจะทำเกินไปหน่อย” จีอากล่าวและเหลือบมามองผม
“พี่จีอาบอกเหตุผลนั้นมาได้ไหม”
“ว่าทำไมพี่เจเคถึงต้องทำแบบนั้น?” เจดี้กล่าวถาม เพราะในเมื่อจีอายังเห็นด้วย แสดงว่าเรื่องนี้มันใหญ่มากจริงๆ
“เอ่อ…” จีอาหันมามองผม
“มองตาพี่นะเจดี้” ผมกล่าวและเดินไปใกล้ๆเตียง
“อยากรู้จริงๆใช่ไหม?” ผมกล่าวถามเมื่อเธอจ้องมองตาของผมอย่างที่ผมบอก
“คะ…ค่ะ” เธอตอบอย่างกล้าๆกลัวๆเมื่อผมแสดงสีหน้าจริงจัง
“นายท่านครับ…” เอ็กเซลเรียกผม แต่ผมส่ายหน้าเบาๆตอบกลับไป
“พี่อาจจะผิดสัญญากับพ่อ” ผมกล่าวก่อนจะถอดสูทออกและเริ่มปลดกระดุมเสื้อ ทำให้สองสาวสงสัย
“แต่ว่า…มาถึงขั้นนี้แล้วพี่ก็อยากจะให้เจดี้รับรู้เอาไว้” ผมกล่าวจบเสื้อเชิ้ตของผมก็ถูกถอดออกพอดี และมันทำให้จีอาถึงกับยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยความตกใจ รวมถึงเจดี้ที่ชะงักค้างไปเลย เพราะรอยแผลเป็นบนตัวของผมมันร้ายแรงทั้งนั้น
“รอบตัวพี่ มันมีแต่อันตราย”
“และพี่ไม่อยากให้น้องทั้งสองคนของพี่ต้องมายุ่งเกี่ยวเรื่องพวกนี้ด้วย”
“รวมถึงเป็นคำขอจากพ่อว่าไม่ให้เจดี้และเจบีรับรู้เรื่องนี้” ผมกล่าวก่อนจะสวมเสื้อกลับเหมือนเดิม นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าผมได้ผ่านการต่อสู้ที่หนักมามากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งบางครั้งมันอาจจะถึงตายได้เลย
“เรา เป็นใครกันแน่?” เจดี้กล่าวถาม
“เป็นเงาของประเทศนี้”
“เราขับเคลื่อนธุรกิจทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง”
“ทั้งถูกกฏหมายและไม่ถูกกฏหมาย”
“มีหลายคน…ต่อต้านพวกเรา”
“และพวกมันก็ตาย”
“หน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติจับตาดูพี่อยู่ตลอดเวลา”
“ซึ่งตอนนี้ก็เชื่อว่าพวกเขาอยู่รอบๆโรงพยาบาล” ผมกล่าวอธิบาย และมันทำให้จีอากับเจดี้ได้รับรู้เรื่องราวของผมที่ไม่เคยรู้มาก่อน
“ถือว่าพี่ขอนะ อย่าบอกเจบีเด็ดขาด”
“และพี่ก็ไม่อยากให้เจดี้มาพัวพันกับเรื่องแบบนี้ด้วย”
“แค่พี่คนเดียวก็พอแล้ว” ผมกล่าวอธิบายอีกครั้ง
“พี่จะแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวทำไม”
“เราเป็นพี่น้องกันนะ เจดี้ก็สู้เป็น” เจดี้กล่าว และมันก็เป็นไปตามที่ผมคิด เธอจะเข้าร่วมกับผมจริงๆนั่นแหละ
“คุณหนูครับ มันอันตรายกว่าที่คุณหนูคิดนะครับ”
“ถึงแม้เราจะเป็นเงาก็ตาม แต่ก็ยังมีคนรู้ถึงตัวตนของเรา”
“และพยายามจะเอาชีวิตเราอยู่ตลอด” เอ็กเซลกล่าวด้วยความเป็นห่วง
“พี่เห็นด้วย มันอันตรายมากจริงๆ” จีอากล่าว ซึ่งเธอน่าจะนึกถึงวันแรกที่เราเจอกัน อยู่ดีๆก็มีนักฆ่าไล่ล่าซะแล้ว
“แต่ถึงยังไงมันก็คืองานของตระกูลเราไม่ใช่เหรอ?”
“สุดท้าย-”
“ไม่ พี่วางทุกอย่างไว้ให้แล้ว เลือกทางที่ชอบได้เลย”
“จะเป็น CEO บริษัทไหนพี่ก็จะไปเทคโอเวอร์ให้”
“อยากเป็นนักมวย พี่ก็จะสนับสนุน”
“แต่พี่ขออย่างเดียว อย่าให้มือเปื้อนเลือดเลยนะ” ผมกล่าวขัดก่อนที่เจดี้จะพูดจบ
“พี่เจเค…” เจดี้กล่าวชื่อผมก่อนจะลงมาจากเตียงและเดินมาหาผม พร้อมกับกอดผมไว้แน่น
“เจดี้ขอโทษที่เข้าใจผิดมาตลอด”
“แต่เจดี้ก็อยากขอให้เจดี้ได้ช่วยพี่บ้าง” เจดี้กล่าว และมันเป็นครั้งแรกที่เจดี้กอดผมจากที่เราห่างเหินกันมาเป็นสิบปี
“การช่วยพี่คือการที่ได้เห็นน้องทั้งสองคนประสบความสำเร็จในสิ่งที่อยากทำ” ผมกล่าวก่อนจะโอบกอดน้องสาวไว้เช่นกัน
“สิ่งที่อยากทำคือช่วยพี่เจเคค่ะ” เจดี้กล่าวและเงยหน้าขึ้นมามองผม และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอพูดสุภาพกับผม
“คนช่วยพี่ทำทุกอย่างมีครบหมดแล้ว”
“เลขาทั้งเจ็ดคนของพี่ไง เพราะฉะนั้นพี่ไม่ต้องทำอะไร” ผมกล่าว ซึ่งผมรู้ว่าการช่วยของเจดี้นั้นหมายถึงอะไร
“พี่แค่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดให้คนอื่นปีนขึ้นมาเท่านั้น”
“เพราะแบบนี้ถึงมีคนจ้องจะเล่นพี่ตลอดเวลา” ผมกล่าวก่อนจะยกมือขึ้นมาสัมผัสแก้มนุ่มๆของเจดี้ทั้งสองข้าง
ก็อกๆ
“ท่านเจเคครับ นายกมาครับ” เสียงจิมมี่ดังขึ้นหน้าห้องและมันทำให้สองสาวตกใจมาก นายกจะมาทำไม?
“เข้ามา” ผมกล่าวพร้อมกับจิมมี่ที่เปิดประตูเข้ามาในห้องและก็มีนายกของประเทศเราเดินตามเข้ามาพร้อมกับของเยี่ยมและช่อดอกไม้เป็นการขอโทษ
“นายกจริงด้วย!?” เจดี้กล่าวด้วยความตกใจก่อนจะยกมือไหว้เขา
“คุณเจเค ผมขออภัยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดครับ” เต้กล่าว ซึ่งนายกคนนี้ผมก็เป็นคนเลือกให้ขึ้นรับตำแหน่งเองแหละ
“ผมได้ยินว่าลูกของลูกน้องคุณมีปัญหากับน้องสาวของผม”
“แต่ไม่คิดว่ามันจะหนักถึงขนาดนี้นะ” ผมเดินไปเผชิญหน้ากับเต้โดยไม่มีการเคารพใดๆ แต่เป็นเต้ต่างหากที่ก้มๆให้ผม
“ผมได้จัดการเรื่องนั้นเรียบร้อยแล้วครับ”
“จะไม่มีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นอีกแน่นอน” เต้กล่าวอย่างสุภาพก่อนจะเดินไปมอบช่อดอกไม้ให้กับเจดี้
“มอบดอกไม้ให้น้องผมทำไม?” ผมกล่าวถามกลับไปและทำให้เต้ถึงกับสะดุ้ง
“พี่!” ส่วนเจดี้ก็ตกใจมากที่ผมพูดไม่ให้เกียรติท่านนายก
“เอารังนกที่ถือมาให้จะดีกว่านะ” ผมกล่าวอีกครั้งและมันทำให้เต้ถึงกับต้องเดินกลับไปหยิบรังนกมามอบกับเจดี้
“น้องผมยังไม่แข็งแรง วางไว้ตรงนั้นแหละ” ผมกล่าวก่อนที่นายกจะเดินมาถึงตัวเจดี้ และการกระทำของผมมันทำให้ทั้งสองสาวกลัวมาก เพราะนายกคือคนที่มีอิทธิพลสุดๆในประเทศ แสดงว่าจุดสูงสุดที่ผมพูดนั้นมันเป็นเรื่องจริง
“จัดการเรื่องเรียบร้อยแล้วก็ดี”
“กลับไปทำงานของคุณต่อได้แล้ว” ผมกล่าวและทำให้นายกรีบเดินออกไปจากห้องพร้อมกับจิมมี่ทันที
“พี่พูดกับนายกแบบนั้นได้เลยเหรอ?” เจดี้กล่าวถามด้วยสีหน้าหวาดระแวง เพราะเธอกลัวว่าจะมีปัญหาตามมาทีหลัง
“ถูกต้อง”
“และเพราะอำนาจที่พี่มี”
“มันถึงทำให้มีหลายองค์กรณ์ หลายกลุ่ม มาเฟีย อาชญากรไล่ล่าพี่”
“เพราะต้องการแย่งชิงอำนาจนั้นไป”
“และพี่ถึงบอกไง ว่าแค่พี่ก็พอแล้ว” ผมกล่าว ซึ่งสิ่งที่ผมกล่าวไปมันทำให้เจดี้แสดงสีหน้าหนักใจออกมาพอสมควรเลย
“แล้วทำไมพี่ถึงไปเรียนมหาลัยล่ะ?” เจดี้กล่าวถาม ถึงแม้จะพอได้ยินมาบ้างว่าเป็นคำขอจากพ่อ แต่ถ้าผมไม่ทำ ก็ไม่มีใครว่าทั้งนั้น
“พ่อบอกว่าให้ไปใช้ชีวิตบ้าง” ผมกล่าวไปตรงๆ
“แล้วพี่ไม่คิดเหรอว่าถ้าพี่มีเพื่อน เพื่อนของพี่เจเคก็จะเป็นอันตราย” เจดี้กล่าวและหันไปมองจีอา
“นั่นแหละคือสิ่งที่พี่ขอจากเจดี้และคนรอบตัวพี่”
“เวลา”
“พี่ตัดสินใจแล้วว่าจะออกมาจากเงา” ผมกล่าวและทำให้เอ็กเซลตกใจมาก
“มึงจะบ้าเหรอเจเค” เอ็กเซลด่าผม เพราะการเป็นเงามันดีที่สุดแล้ว ไม่มีใครรู้จัก จะทำอะไรก็ได้ในเงา
“อย่าเสือก” ผมหันไปกล่าวกับเอก็เซลและมันทำให้จีอาเริ่มสับสน สรุปสองคนนี้เป็นหัวหน้ากับลูกน้องหรือเพื่อนกัน กันแน่?
“ฉะนั้น พี่จะขอเจดี้ นอกจากฝึกฝนกับเอ็กเซลตัวต่อตัวแล้ว”
“พี่ขอใบปริญญาหนึ่งใบ” ผมกล่าว
“ไม่มีปัญหา” เจดี้กล่าว ดูเหมือนเธอจะมีความมั่นใจมากเลยด้วย
“เมื่อฝึกฝนกับเอ็กเซลจนพี่ยอมรับแล้ว”
“พี่จะออกจากเงา” ผมกล่าวอีกครั้ง แต่เอ็กเซลไม่พอใจมากกับการกล่าวของผม
“งั้นหลังจากนี้เอ็กเซลก็ไปดูแลเจดี้แทนอุ้มนะ”
“เจดี้ไปเลือกมหาลัยมาสักที่นึง แล้วทั้งคู่ก็ไปเข้ามหาลัยนั้นซะ”
“กูอยากจะให้มึงรู้ว่าใช้ชีวิตแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน” ผมกล่าวก่อนจะหันไปวางมือบนไหล่ของเอ็กเซล
“เดี๋ยวก่อน พี่จะให้เจดี้ข้ามไปเรียนมหาลัยเลยเหรอ?” เจดี้กล่าวถาม เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้
“ใช่ เรียนมัธยมมันไร้สาระ ไปเข้ามหาลัยแล้วเรียนสาขาที่อยากเรียนได้เลย”
“ส่วนเรื่องอื่นๆเดี๋ยวจัดการให้เอง” ผมกล่าว เพราะเดี๋ยวผมจะให้จิมมี่ไปคุยกับผู้อำนวยการมหาลัยนั้นด้วยตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าจิมมี่ก็เป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลระดับต้นๆของประเทศ การเคลื่อนไหวของเขาทางด้านธุรกิจเพียงเล็กน้อยอาจจะเปลี่ยนชีวิตของใครหลายคนได้เลยทีเดียว
“ป่ะ ไปกันเถอะจีอา”
“เรายังมีงานรับน้องกันที่โรงแรมนั่นอีก” ผมกล่าวเมื่อใกล้ถึงเวลารับน้องสาขาที่โรงแรม 4 ดาวแถวๆห้วยขวาง ซึ่งที่เราสามารถไปที่นั่นได้เพราะว่าลูกชายของเจ้าของโรงแรมนั้นเรียนอยู่ชั้นปีที่สามของสาขาเรา
“ว่างๆ ค่อยหาเวลาไปกินข้าวกันนะ” ผมกล่าวก่อนจะเดินออกไปจากประตู ซึ่งคนที่ผมกล่าวด้วยก็คือเจดี้ และมันทำให้ทั้งเจดี้และเอ็กเซลตกใจมาก
