พวกมันยิ่งใหญ่มากเลยนะ...
“ท่านครับ ผมไม่เคยคิดเป็นศัตรูกับท่านเลย”
“ได้โปรด” พ่อของมันกล่าวขอร้องอ้อนวอนผม แน่นอนว่าเรารู้จักกัน ชายคนนี้มีชื่อเสียงอยู่ในโลกมืดพอสมควร แต่ถ้าเทียบกับเอ็กเซลแล้วก็คงจะเป็นได้แค่พนักงานคนหนึ่งเพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงผม มันไม่ได้อยู่ในสายตาของผมด้วยซ้ำ แต่นี่ลูกชายมันกลับจับน้องสาวของผมมาชกมวยบ้าอะไรไม่รู้ แถมยังใช้ชื่อเอ็กเซลมั่วซั่วอีก
“ไอกลุ่มนักเลงที่นี่สลายตัวไปให้หมดซะนะ” ผมกล่าวออกไป แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับพวกนักเลงที่จับอาวุธกันไว้พร้อมและจะมาล้อมผม
“ไอเหี้ยนี่ทำเหมือนตัวเองมีอำนาจมากนะมึงอะ!” ชายคนหนึ่งตะโกนด่าผมและจะใช้มีดเข้ามาแทงผม
ฟึบ ฉึบ
“อ๊ากกก” ผมหักข้อมือของมันและแย่งมีดมาแทงมือข้างนั้นของมันซ้ำทำให้มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ตาข้างนึง..แล้วไปให้พ้น” ผมยื่นมีดให้กับพ่อของมัน และพ่อของมันก็ไม่ลังเลที่จะกรีดตาข้างซ้ายของตัวเอง แต่ผมได้หยุดมือเขาไว้ก่อน
“ตาลูกของมึงไม่ใช่มึง” ผมกล่าวเพราะคนทำต้องรับผิดชอบ
“พ่อ…" มันเรียกพ่อของตัวเองหวังจะขอความช่วยเหลือ แต่พ่อของมันกลับร้องไห้ออกมาและเม้มปากแน่นก่อนจะใช้มีดกรีดตาข้างซ้ายลูกของตัวเอง
“อึกอ๊ากกก!” ลูกของมันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“พ่อครับ มันเกินไป ไหม?" มันกล่าวถามพ่อตัวเองและใช้มือที่หักปิดตาของตัวเองเอาไว้
“ดีกว่าโดนเอาชีวิตไปนะลูก” พ่อของมันกล่าวก่อนจะยื่นมีดคืนให้ผม
“มือไหนที่มึงใช้สอนลูก แทงมือมึงซะ” ผมกล่าวซึ่งพ่อของมันก็ยอมทำตามแต่โดยดี พ่อของมันอดกั้นเสียงไว้สุดๆก่อนจะวางมีดลงบนพื้นและพยุงลูกของตัวเองขึ้นพร้อมกับจะเดินออกไปจากที่แห่งนี้ ส่วนเด็กคนอื่นที่คิดจะต่อต้านผมคงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว เอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อน
“คุณเจเคพอได้แล้วครับ!” ชายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในห้องและกล่าว ซึ่งพวกเขาถือปืนกันมาครบทุกคน แต่ผมไม่ได้แสดงท่าทางหวาดกลัวแม้แต่น้อย และผมก็เดินขึ้นไปเผชิญหน้ากับพวกเขา ส่วนพวกวัยรุ่นพากันทิ้งอาวุธกันหมด เพราะมันไม่มีทางหนีแล้ว ทางเดียวที่จะออกได้ก็คือทางเข้านี่แหละ
“…” ผมยินเผชิญหน้ากับหน่วยความมั่นคงแห่งชาติสักพัก จ้องหน้าของหัวหน้าพวกเขา ซึ่งพวกเขาทุกคนล้วนหลบสายตาผมกันหมดและไปจับกลุ่มนักเลงที่มีอาวุธซะแทนเหลือเพียงผมกับคนที่เป็นหัวหน้า
“พวกตำรวจทำอะไรกันอยู่?” ผมกล่าวถามออกไป เพราะที่นี่มันเป็นแหล่งรวมยาเสพติดชัดๆ ทั้งขายทั้งเสพแต่ไม่มีใครมาสนใจสักคน
“ต้องขออภัยจริงๆครับคุณเจเค”
“แต่เราได้ประสานงานทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ”
“มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” เขากล่าวออกมาก่อนที่ผมจะเดินผ่านเขาไป
ณ โรงพยาบาล
“ขออภัยด้วยค่ะ/ครับ!” เหล่าเลขาและหัวหน้าหน่วยต่างๆของผมก้มหัวเคารพในระหว่างที่ผมกำลังเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยที่มีเพียงห้องเดียวในชั้นนี้ของโรงพยาบาลที่หรูที่สุด ซึ่งมันก็คือโรงพยาบาลที่ผมลงทุนไปนั่นเอง และห้องนี้จะมีไว้สำหรับตระกูลผมโดยเฉพาะเท่านั้น
“นายท่านครับ…” ฮิวเดินมาคุกเข่าต่อหน้าผมและก้มหัวขอโทษผม ทำให้ผมหยุดเดินและยืนนิ่ง
“ถอยออกไป” ผมกล่าวเสียงเย็นชา
“ได้โปรดลงโทษผมด้วยครับ” ฮิวกล่าว ผมเข้าใจ เขาจะยอมรับผิดและให้ผมลงโทษเขาแต่เพียงผู้เดียว
“ที่ผ่านมา ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ติดต่อกันสักครั้ง”
“หรือว่าเราหละหลวมกันเกินไป?” ผมกล่าว ซึ่งถ้าจะให้ผมลงโทษ ผมต้องลงโทษทั้งหมด เพราะทุกคนผิด ไม่ใช่ลงโทษแค่ใครคนใดคนหนึ่งและผมอาจจะต้องต่อว่าบ้างแล้ว เพราะช่วงนี้มันเกิดเหตุการณ์แปลกๆขึ้นบ่อยจริงๆ
ฟุบๆๆๆๆ
“เราจะเข้มงวดกันให้มากกว่านี้ค่ะ/ครับ!” ทุกคนได้นั่งคุกเข่าลงบนพื้นและกล่าวขอโทษผมอีกครั้ง
“ฮิว นายไม่ได้ผิด นายมีหน้าที่แค่คุ้มกันฉัน” ผมกล่าว ในเมื่อพวกเขาต้องการบทลงโทษ ผมก็จะมอบให้
“เพราะฉะนั้น…” ผมกล่าวก่อนจะนั่งยองๆลงไป
ผลั่ก ฟุบ
“หลับไปสักตื่นนะ” ผมกล่าวจบก็ใช้สันมือตบเข้าไปที่ปลายคางของฮิวอย่างจังจนทำให้้เขาหงายหลังไปนอนบนพื้นทันที
“เอ็กเซล…” ผมกล่าวคนที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าห้อง และมันเป็นเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ มันทำท่าทีเหมือนว่าต้องลงโทษมันก่อนถึงจะเข้าห้องไปได้
เอาล่ะ
คงปล่อยไว้ไม่ได้จริงๆ
“มึงปล่อยให้คนใช้ชื่อมึงมั่วซั่วได้ไง”
“มึงคุมโลกใต้ดินจริงหรือเปล่า?” ผมเดินไปตรงหน้ามันแล้วกล่าวถาม ซึ่งมันก็ก้มหน้ายอมรับผิดอยู่
“ท่านเจเคครับ ผมด้วยครับ ผมไม่ตรวจสอบให้ดี” เฟรมลุกขึ้นยืนและรีบเดินมาหาผมเมื่อผมเผชิญหน้ากับเอ็กเซล ทุกคนรู้แน่นอนว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น
ฟึบ ผลั่ก
ตุบบ
“ท่านเจเคครับ…ผมจะไม่ให้เกิด…เหตุการณ์…แบบนี้…อีก” เฟรมกล่าวด้วยความอึดอัดเพราะโดนผมจับคางกดไว้ที่กำแพง
“อย่าหลบตา พูดอย่างจริงใจ” ผมกล่าวเมื่อเฟรมก้มหน้าให้กับผม
“ผม-” แต่เฟรมยังไม่ทันกล่าวผมก็ผลักเขาออกไปจากบริเวณนี้ทันที
ผลั๊วะ
ผมต่อยไปที่หน้าของเอ็กเซลอย่างแรงจนทำให้มันเซไปจากประตู แต่มันก็พยายามดึงตัวเองกลับมายืนที่เดิม พร้อมกับยืนตัวตรงอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้มันเงยหน้าขึ้นมามองตรงด้วยเช่นกัน
ผลั๊วะ ผลั๊วะ ผลั๊วะ
ผลั๊วะ
ไม่ว่าผมจะต่อยมันไปกี่หมัด มันก็ยังคงยืนหยัดไว้ที่เดิมให้ได้ ถึงแม้ขาของมันเริ่มจะสั่นแล้วก็ตาม เพราะแรงหมัดของผมมันแรงมาก และอาจจะไปกระทบสมองของมัน ซึ่งผมไม่ได้คิดจะต่อยมันหลายหมัดขนาดนี้ แค่จะต่อยให้สลบเฉยๆ แต่มันกลับขยับหัวมาให้ผมชกที่แก้มซะแทนเหมือนรู้ว่าผมจะทำอะไร
“ออกไป กูจะเข้าไปดูน้องสาว” ผมกล่าว ในเมื่อใช้กำลังไม่ได้ผลกับมันก็ให้เหตุผลซะดีกว่า ทำให้เอ็กเซลมันยอมขยับไปช้าๆ ผมรู้ว่าถ้าผมเข้าไปในห้อง มันล้มแน่นอน แต่มันยังฝืนตัวเองไว้อยู่
ฟึบ
ตุบ
และมันก็เป็นไปตามที่ผมคิด ผมได้ยินเสียงอะไรบางอย่างร่วงหล่นลงสู่พื้น ตามด้วยเสียงเคลื่อนไหวมากมายอยู่หน้าประตู ก็หมัดนั้นแต่ละหมัดผมใส่ไปเต็มแรงหวังจะหวดมันให้สลบ แต่มันดันคิดจะให้ผมต่อยไปเรื่อยๆซะเอง แบบนี้ก็ว้าวุ่นกันไปหมดเลยสิ
“แล้วฉันจะทำยังไงนะ ให้น้องๆของฉันปลอดภัย” ผมกล่าวเมื่อได้เห็นเจดี้ที่กำลังนอนหมดสติอยู่บนเตียง ผมพยายามห่างจากน้องก็แล้ว ตัดการติดต่อก็แล้ว เมินก็แล้ว แต่สุดท้ายพวกเธอก็ยังมีอันตรายรอบตัวอยู่ดี
“พี่เจเค…” เสียงแหบเรียกชื่อผม ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเจดี้
“เจดี้กลัว…” เจดี้กล่าวออกมาและมันทำให้ผมจุกอกมากๆ นี่คือสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุด ความกลัว ความอันตราย แต่มันกลับเกิดขึ้นแล้ว
“หนูกลัว…ฮึก…” เจดี้กล่าวพร้อมกับเริ่มสะอื้นและน้ำตาก็ไหลพรากออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอบอกกับผมว่ากลัว โดยปกติแล้วเจดี้จะเป็นคนที่เข้มแข็งและกล้าหาญมากๆ
“ไม่ต้องกลัว ไม่มีใครทำอะไรเจดี้ได้ทั้งนั้น” ผมกล่าวก่อนจะลดแผ่นกั้นเตียงลงและก้มไปกอดเจดี้ที่ไม่มีเรี่ยวแรง
“พวกมันยิ่งใหญ่มากเลยนะ” เจดี้กล่าว
“พวกมันเป็นแค่ตัวหมากของเอ็กเซล” ผมกล่าวให้เจดี้สบายใจ
“พวกมันมีลูกน้องเยอะมากๆ” เจดี้กล่าวอีกครั้ง
“พี่ชายของเธอมีเยอะกว่า” ผมกล่าวตอบทันที
“แต่พวกมันมีปืนและอาวุธอีกมากมาย” เจดี้กล่าวอีกครั้ง และในครั้งนี้ผมได้ปล่อยกอดร่างบาง
“วินเซนต์” ผมกล่าวเรียกชื่อเลขาของตัวเอง และเขาก็เข้ามาในห้องทันที
“ไปถล่มพวกมันให้หมด" ผมกล่าวจบวินเซนต์ก็ออกจากห้องและก็มีเสียงเคลื่อนไหวมากมายไปจากบริเวณหน้าห้องทันที
“สรุปแล้ว… เราคือใครกันแน่?” เจดี้กล่าวถาม ทำให้ผมหยุดชะงักทันที เพราะคำขอของพ่อคือห้าม..ให้น้องเข้ามายุ่งเกี่ยวเด็ดขาด
“พี่ขอ 2 เรื่องถ้าเจดี้ทำได้พี่จะบอกทุกอย่าง” ผมกล่าวและเดินกลับไปจับมือเจดี้
“หนึ่ง พี่ขอเวลาสำหรับตัวเอง”
“และสอง เจดี้ต้องเข้ารับการฝึกฝนจากเอ็กเซล” ผมกล่าว และทำให้เจดี้บีบมือผมแน่น
“พี่เจเค…ได้โปรดตอบคำถามของเจดี้” เจดี้กล่าวขอร้องเต็มที่
“พี่จะให้แหวนวงนี้เป็นคำตอบ”
“ถ้าสองเรื่องที่พี่ขอประสบความสำเร็จแล้วพี่จะบอกทุกอย่าง” ผมกล่าวก่อนจะหยิบแหวนออกมาจากกระเป๋าเงิน ซึ่งมันเป็นแหวนที่มีเพียงสามวงในโลก เพราะผมสร้างขึ้นมาเอง มันเป็นแหวนเพชรสีดำที่มีสัญลักษณ์ตัว J เพชรนี่มันส่องแสงวิบวับมากเลยแหละ ซึ่งผมก็ได้สวมไว้เหมือนกันที่นิ้วกลางข้างซ้าย และผมก็สวมให้กับเจดี้ที่นิ้วชี้ข้างซ้าย
“เวลา เวลาอะไร” เจดี้กล่าวถาม แต่สุดท้ายเธอก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ผมเลยปิดปากเงียบเอาไว้และกดรีโมทดึงแผ่นข้างเตียงขึ้นมาเหมือนเดิมก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
ณ ออฟฟิศ JJ
ซึ่งชื่อเจเจนี้ก็มาจากชื่อของผมกับเจอา เพราะเราเป็นหุ้นส่วนกัน ผมให้เงิน ให้คอนแนคชั่น จีอาทำงานคล้ายกับจิมมี่ ซึ่งจิมมี่เขาก็ตามผมมาด้วย เราได้ปรับอารมณ์กันเรียบร้อย
“ตกแต่งกันได้..สวยดีนี่นา” ผมกล่าวเมื่อพวกสาวๆเพิ่งจะตกแต่งออฟฟิศกันเสร็จ เล่นกันซะสีชมพูหวานแหววเลยทีเดียว
“แน่นอนอยู่แล้วว ว่าแต่นี่อะไร?” กิ่งกล่าวถามเมื่อได้เห็นคนกำลังขนเสื้อผ้ามาจำนวนมาก
“หลังจากนี้เราจะสวมชุดและเครื่องประดับของ Label กันเท่านั้น” ผมกล่าวและมันทำให้ทุกคนตกใจมาก
“Lebel เป็นสปอนเซอร์ของพวกเราเหรอ!?” เพื่อนๆของจีอากล่าวถามพร้อมกันด้วยความตกใจ
“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ผิด จิมมี่” ผมกล่าวและให้จิมมี่เป็นคนอธิบายแทน
“ท่านเจเค..คือผู้ก่อตั้งแบรนด์ Lebel ครับ”
“แล้วก็อย่างที่ท่านเจเคบอกให้พวกคุณสวมใส่ของแบรนด์ Lebel เราจะมอบเงินทำสัญญาให้กับพวกคุณ” จิมมี่กล่าวก่อนจะมอบเอกสารให้แต่ละคน ซึ่งในนั้นก็มีลายเซ็นต์ของจิมมี่ที่เป็นประธานบริษัทอยู่ด้วย และมีชื่อจริงของทุกคนใต้พื้นที่ลายเซ็น
“ในการถ่ายคลิปลงโซเชียลหลังจากนี้พวกคุณจะต้องใส่แต่ของแบรนด์พวกเรานะครับ”
“ถ้าหากผิดสัญญาแน่นอนว่ามีค่าปรับ” จิมมี่กล่าว ส่วนสาวๆก็กำลังอ่านเอกสารกันอย่างตั้งใจ และมันทำให้จิมมี่พอใจมาก พวกเธอตรวจสอบกันละเอียดพอสมควรเลยล่ะก่อนจะลงลายเซ็น
“อนุมัติเรียบร้อยแล้วครับ” จิมมี่กล่าวก่อนที่จะมีเสียงการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของทุกคน
“หืม…ห้ะ!?” และเมื่อทุกคนเปิดดูข้อความ ปรากฏว่ามันเป็นข้อความแจ้งเตือนเงินเข้า 3 ล้านบาท
“เนื่องจากเป็นสัญญาผูกมัด ผมคิดว่าน้อยไปด้วยซ้ำครับ”
“แต่ผมกลับคิดว่าแบรนด์ของเรามันสูงกว่านั้นครับ” จิมมี่กล่าวอย่างมั่นใจ ส่วนพวกเธอพากันสติหลุดไปเป็นที่เรียบร้อย
“สัญญามีผลสามปีนะครับ”
“ถ้ายังไงผมต้องขอตัวก่อนพอดีมีธุระต่อครับ” จิมมี่กล่าวก่อนจะลุกขึ้นและเดินจากไป ซึ่งพวกสาวๆก็พากันเดินไปส่งเขากันหมด
“เจเค นายเป็นใครกันแน่?” และเมื่อพวกเธอกลับมา นี่ก็เป็นคำถามแรกของพวกเธอเลย
