การคุ้มครอง
วันถัดไป
“ชอบที่นี่กันใช่ไหม?” ผมกล่าวถามเพื่อนๆเมื่อเรามาดูออฟฟิศกัน ซึ่งมันก็ตั้งอยู่ใกล้ๆกับเขตของผมด้วย แถมนายหน้าที่พามาดูที่ก็คือเลขาของจิมมี่ จิมมี่มันก็มีเลขาเหมือนกัน มีสามคน คอยดูเรื่องเงิน เรื่องงาน และเรื่องชีวิตประจำวัน
“อื้ม” พวกเธอส่งเสียงและพยักหน้าด้วยสายตาคาดหวังอยากจะให้ผมเช่าที่นี่ เพราะมันมีครบทุกอย่างเหมาะกับงานที่เรากำลังจะเริ่มทำเลยทีเดียว
“ซื้อที่นี่ครับ” ผมหันไปกล่าวกับเลขาของจิมมี่ ซึ่งเขาก็รู้จักผมดีในระดับหนึ่งเหมือนกัน
“เอาเป็นเช็คหรือจ่ายสด?” ผมกล่าวถามเมื่อเขาพยักหน้าให้ผม
“เดี๋ยวท่านประธานจะจัดการเองครับ” เขากล่าวก่อนจะก้มหัวเคารพผม
“ซื้อเลยเหรอเจเค?” จีอากล่าวถามผม เพราะออฟฟิศนี้ถ้าเช่าก็ตกเดือนละแปดหมื่น แต่ถ้าซื้อก็….
“ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าในเมื่อจิมมี่เขายืนยันว่าจะลงทุนด้วยแล้ว”
“เขาก็น่าจะ..มองว่าธุรกิจของเราจะไปได้ดีอย่างแน่นอน” ผมกล่าวเพื่อให้ความมั่นใจกับพวกเธอ
“แต่สุดท้ายแล้วท่านเจเคก็เป็นคนตัดสินใจนะครับ” เลขาของจิมมี่กล่าวแซว ซึ่งมันก็คือเรื่องจริง
“สงสัยต้องไปกระซิบจิมมี่หน่อยล่ะมั้งว่าเลขาเขาพูดอะไรแปลกๆ" ผมกล่าวแต่กลับทำให้เลขาของจิมมี่คนนี้ยิ้มออกมาและมอบเอกสารให้ผม
“จีอา..เธอใช้บัตรนั้นซื้อของเข้าออฟฟิศได้เลยนะ” ผมกล่าวและมอบเอกสารต่อให้กับจีอาและกล่าวถึงบัตรที่ไม่จำกัดวงเงิน
“แล้วเดี๋ยวเราจะไปจัดการเรื่องคอนแนคชั่นให้” ผมกล่าว ซึ่งผมมีแผนจะรวมผู้จัดการของร้านเหล้าและสินค้าแต่ละอย่างมาพูดคุยทีเดียวกับจิมมี่
“ท่านประธาน ได้ไปพูดคุยให้แล้วครับ” เลขาของจิมมี่กล่าว ผมจึงส่ายหน้าออกมา
“ดูเหมือนจิมมี่เขาจะเอ็นดูพวกเธอเป็นพิเศษเลยนะ” ผมกล่าวก่อนที่จะมีสายโทรเข้ามาจากวินเซนต์
“คุณหนูเจดี้หายตัวไปครับ” ปลายสายกล่าว และมันทำให้ผมกดวางสายพร้อมกับหันไปหาเพื่อนๆ
“ไปธุระก่อนนะ” ผมกล่าวจบแมวก็เดินลงมาจากตึกและขับรถของตัวเองออกไปจากที่นี่เพื่อกลับไปที่บ้านทันที
“หมายความว่าไง?” ผมกล่าวถามเมื่อเข้ามาในบ้านและได้พบกับเลขาทั้งสองคน แมวและวินเซนต์ ส่วนเอ็กเซลได้ยินว่ากำลังไปตามหาเจดี้อยู่ ซึ่งเราไม่สามารถตามพิกัดโทรศัพท์ของเธอได้เลย เหมือนจะอยู่ที่อับสัญญาณ
“คุณหนูหายไปตั้งแต่ช่วงพักเที่ยงที่โรงเรียนครับ” วินเซนต์กล่าวและหลับตารอรับการลงโทษ
“เธอหนีไปหรือว่ามีคนจับตัว?” ผมกล่าวถาม
“ไม่ทราบครับ” วินเซนต์ตอบกลับมาทันที และมันทำให้ผมยืนจ้องหน้าวินเซนต์อยู่สักพัก
“ช่วงนี้ ทุกๆอย่างมันปั่นป่วนดีนะ” ผมกล่าวและทำให้วินเซนต์กัดฟันแน่น
“หาเธอให้เจอ ไม่ว่ายังไงก็ตาม” ผมกล่าวอย่างเด็ดขาด ซึ่งหมายความว่าเราจะเริ่มเข้าไปแทรกแทรงเรื่องภายในโรงเรียน ถามเพื่อนๆของเธออย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน'
ผ่านไป 5 ชั่วโมง
ในตอนนี้ก็เริ่มค่ำแล้ว ผมไม่ได้รับสายจากจีอาหรือใครเลยสักคนนอกจากพวกเลขาของผม ที่ไม่ว่าจะหาเจดี้ยังไงก็หาตัวเธอไม่เจอ ซึ่งในตอนนี้ผมก็มานั่งคิดอะไรหลายๆอย่าง เพราะมันก็มีบางครั้งที่เจดี้พยายามหนีออกจากบ้าน แต่เธอก็จะพาเจบีไปด้วย แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ เจบียังคงอยู่ดีและผมก็สั่งให้พาเจบีกลับมาที่เซฟโซนของเราก่อนด้วย
ผมจึงเชื่อว่าเธออาจจะถูกจับตัวไป แต่ก็ยังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังอยู่ดี กล้องวงจรปิดล่าสุดก็เห็นแค่เธอเข้าไปในซอยแคบของโรงเรียนแล้วก็หายไปเลย ไม่มีใครออกมา คนที่ไปกับเธอก็ติดต่อไม่ได้ ไปหาที่บ้านก็ไม่เจอ เราพยายามตามหาทุกช่องทางแต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไรเลย มันแปลกมาก
ครืด ครืด
“ว่าไง?” ผมกล่าวถามปลายสาย ซึ่งก็คือเอ็กเซล
“เดี๋ยวส่งพิกัดให้” เอ็กเซลกล่าวจบก็วางสายไป ผมจึงออกไปจากบ้านและขับรถออกไปตามพิกัดที่เอ็กเซลส่งให้ทันที ซึ่งสถานที่แห่งนี้ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน เอ็กเซลบอกว่ามันเรียกว่าอารีน่า หรือมวยใต้ดินนั่นแหละ เป็นสถานที่รวมตัวของพวกแก็งค์นักเลง
ณ เขตดุสิต
“ได้ยินว่าเป็นแหล่งมั่วสุมของพวกนักเลงม..ปลาย”
“กูล่ะปวดหัว” เอ็กเซลกล่าวก่อนจะยกมือขึ้นมากุมขมับและสั่งให้ลูกน้องกลับไปทำงานของตัวเอง
“น่าจะมีผู้ใหญ่คุมแหละ” ผมกล่าวก่อนที่เราสองคนจะเดินเข้าไปในซอยเปลี่ยว และเอ็กเซลมันก็เดินนำผมไปเรื่อยๆจนได้เจอกับร้านหนึ่งที่มีประตูเหล็กปิดเอาไว้ มันน่าจะใช้เส้นสายโลกใต้ดินสืบมาเจอนั่นแหละ แต่ก็ยังไม่ได้บุกเข้าไปเพราะผมสั่งไว้ว่าจะเข้าไปด้วยตัวเอง
แกร๊กๆ
เอ็กเซลเคาะที่ม่านเหล็ก แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา มีเพียงกล้องวงจรปิดที่หันมามองเรา ซึ่งจากท่าทางของพวกเราแล้วดูท่าจะไม่ใช่คนดี ทั้งสัก และมีรอยแผลเป็น โดยเฉพาะเอ็กเซล ผมที่รอช้าไม่ได้จึงงัดประตูเหล็กขึ้นมา แต่มันก็ถูกล็อคไว้อย่างแน่นหนามาก
ฟุบๆ
“เฮ้ย มาทำอะไร?” แต่อยู่ๆประตูเหล็กก็ถูกเปิดขึ้นพร้อมกับมีกลุ่มวัยรุ่นที่ถืออาวุธครบมือยืนเผชิญหน้ากับเรา
ฟึบ ผลั๊วะ
และเพียงพริบตา เอ็กเซลมันก็พุ่งเข้าไปเปิดหน้าวัยรุ่นกลุ่มนี้ทันที มันชกเพียงแค่หมัดเดียวร่างของพวกมันก็กระเด็นไปเลย ส่วนผมก็สูบบุหรี่ไฟฟ้าก่อนจะยกมือขึ้นไปรับไม้เบสบอลที่เด็กมันจะฟาดผม และผมก็ได้ผลักไม้เบสบอลกลับไปกระแทกหัวของมันเอง
ผ่านไปเพียงไม่กี่อึดใจวัยรุ่นที่ทำตัวกร่างเมื่อครู่ก็ลงไปนอนกองบนพื้นซะหมดแล้ว พวกเราก็เลยเดินตามทางและลงไปยังชั้นใต้ดินจนเริ่มมีเสียงเชียร์ดังขึ้นเรื่อยๆ และเราก็ได้พบกับวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งจะมาหยุดพวกเรา และพวกมันก็ถือมีดกันออกมาด้วย เอ็กเซลมันก็เลยเดินนำหน้าผมไปและจัดการตบสลบไปนอนบนพื้นทุกคน
“เฮ้!”
“เอาชนะยัยนั่นให้ได้!”
“เธอล้มไปยี่สิบกว่าคนแล้ว ยังไงก็ไม่รอดหรอก” ซึ่งภายในห้องใต้ดินนี้มันก็เหมือนสนามมวยเล็กๆ มีแต่วัยรุ่น แต่ละคนก็ทั้งสูบบุหรี่ เล่นยาเสพติด ดื่มเหล้า จนผมได้เห็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาคนหนึ่ง ก็คือกัสที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม A5
“มึงกำลังทำอะไรอยู่?” ผมเดินไปนั่งข้างๆกัสแล้วกล่าวถาม ซึ่งบนสังเวียนก็มีน้องสาวของผมเจดี้กำลังสู้กับชายวัยเดียวกันสามคน และสภาพของเจดี้ก็ดูอ่อนล้ามากๆ ทั้งเหนื่อย หอบ และมีรอยฟกช้ำบนตัวพอสมควร
“พี่เจเค!?" กัสกล่าว ดูเหมือนมันจะรู้จักผมแล้ว และมันก็ก้มหัวเคารพผมทันที ทำให้คนในห้องต่างตกใจกันไปหมด
“ดูมวยครับ ดูด้วยกันไหม?”
“พอดีวันนี้มีนักมวยคนใหม่เป็นผู้หญิง เธอสู้เก่งมากเลย”
“พี่ชายผมเพิ่งไปจับตัวมาได้" กัสกล่าวและมันทำให้ผมมองหน้ากัสก่อนที่เอ็กเซลมันจะตบหัวกัสไปอย่างแรง
“เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ?” เอ็กเซลกล่าวถาม
“พี่ชายมึงอยู่ไหน?” ผมกล่าวถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง และท่าทางของกัสนั้นดูกลัวผมมาก
“เขานั่งอยู่ข้างล่างครับ” กัสกล่าวด้วยความกลัวและชี้ไปที่พี่ชายของตัวเอง ดูเหมือนเขาจะเป็นคนรับแทงพนัน ผมกับเอ็กเซลก็เลยเดินไปหาพี่ชายของมันทันที ส่วนกัสมันก็รีบวิ่งออกไปจากสถานที่แห่งนี้ด้วยความกลัว
“มึงเป็นใคร?” ชายร่างใหญ่ที่กำลังนับเงินอยู่ มองหน้าพวกเราแล้วกล่าวถาม
“กูไม่รู้ว่าพวกมึงมาจากแก็งค์ไหน แต่ที่นี่ได้รับการคุ้มครองจากพี่เอ็กเซล” มันกล่าวอีกครั้งและวางปืนลงบนโต๊ะ ซึ่งผมดูแล้วปืนนี้มันเป็นแค่ปืนที่ใช้แสดง ไม่มีกระสุน ต่อให้ยิงออกมาก็มีแค่เสียงเท่านั้น
“เหอะ!! กูนี่แหละเอ็กเซล” เอ็กเซลกล่าวก่อนจะหยิบปืนของตัวเองออกมาและจ่อไปที่กลางหัวของมันด้วยความโมโห นี่มันแอบใช้ชื่อของเอ็กเซลสร้างที่นี่ขึ้นมาแบบลับๆ งั้นเหรอ
“และกูก็..ไม่รู้จักกับมึงด้วย” เอ็กเซลกล่าวก่อนที่ผมจะเดินไปบนสังเวียน และผมก็ได้เห็นเจดี้ที่กำลังเซไปเซมาด้วยความมึน เพราะเพิ่งโดนอีกฝ่ายทุบหัวมา ผมรีบปลดล็อคกรงสังเวียนและเข้าไปทันที
“ไอเชี่ยนี่ใครวะ!?" ชายสามคนกล่าวก่อนจะพุ่งเข้ามาหาผมคนหนึ่งก่อนที่ร่างของเจดี้จะมาชนกับร่างของผม และผมก็กอดร่างที่บอบช้ำนี้เอาไว้พร้อมกับยื่นมือออกไปบีบคอของคนที่พุ่งมาจนมันเริ่มหายใจไม่ออกและพยายามขอร้องให้ผมปล่อยมือโดยการใช้มือทั้งสองของมันตบแขนผมรัวๆ แต่แขนของผมกลับไม่ขยับเลยสักนิด และแรงบีบของผมก็มากขึ้นเรื่อยๆ
“พี่…เจเค?” เจดี้เงยหน้ามามองผมแล้วกล่าวชื่อผม
“ช่วยด้วย” เจดี้กล่าว และมันทำให้ผมโกรธมากๆ เจดี้ไม่เคยพูดคำนี้กับผมมาก่อน ส่วนคนที่ผมบีบคออยู่มันก็สลบไปแล้วผมก็เลยปล่อยมือและร่างมันก็ลงไปนอนกองบนพื้นทันที
ฟุบ
ผมไม่ได้สนใจพวกมันอีก ในตอนนี้ผมสนเพียงแค่น้องสาวของผมจะร่วงลงพื้นรึเปล่า เพราะร่างกายของเธอสั่นไปหมด เธอฝืนที่จะเอาชนะพวกผู้ชาย ผมก็เลยอุ้มเธอขึ้นมาและหันหลังออกจากสังเวียน
ตุบ
แต่เมื่อผมกำลังจะเดินออกไปจากสังเวียน อยู่ดีๆก็มีหมัดลอยมาชกเข้าที่หลังไหล่ขวาของผม แต่มันไม่สะเทือนผมเลยสักนิด ผมรู้สึกเหมือนกับโดนอะไรมาสะกิด และเป็นอีกฝ่ายต่างหากที่เจ็บข้อมือ
“ไอพวกเด็กเปรต!” เมื่อเอ็กเซลเห็นสภาพของเจดี้ชัดๆ เขาโมโหมากๆและจะขึ้นมาบนสังเวียน แต่ผมก็มอบร่างบางให้กับเอ็กเซลก่อนจะหันกลับไปหาพวกมันที่ยืนอยู่สองคน
ผลั๊วะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ผมเดินเข้าไปหาคนที่ชกผมเมื่อครู่และรัวหมัดใส่หน้ามัน เพียงแค่หมัดเดียวมันก็ร่วงลงพื้นแล้ว แต่ผมก็กระชากคอเสื้อมันขึ้นมาและชกต่อไป ส่วนเพื่อนของมันอีกคนหนึ่งไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย สีหน้าของมันดูตกใจมาก จนสภาพหน้าของคนที่ผมชกบวมช้ำเต็มไปด้วยเลือดผมก็ปล่อยมันไป และเดินไปหาอีกคนหนึ่ง ซึ่งคนคนนี้เป็นคนที่ทุบหัวน้องสาวของผม ผมจึงยกมือขึ้นไปวางบนหัวของมันโดยที่มันไม่ได้ต่อต้านอะไรผมเลย
วูบ ตุบ!
ผมใช้แรงกดหัวของมันลงมาและจับกระแทกลงพื้นอย่างจังจนมันน็อคไปในทันที และผมก็เดินกลับไปที่หน้าสังเวียน
“พี่ เจเค”
“พ่อของมันใหญ่มาก” เจดี้จับแขนของผมแล้วกล่าว แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ผมเดินไปหาคนที่เป็นพี่ชายของกัส มันนั่งนิ่งรอรับชะตากรรมอยู่
“คุณเจเค!” แต่ก่อนที่ผมจะเดินไปถึงตัวมัน ก็มีเสียงเรียกผมจากข้างบนทางเข้า และชายคนนั้นก็รีบวิ่งลงมาหาผมทันที
“ได้โปรด ผมขอโทษ”
“ผมดูแลลูกไม่ดีเอง!”
“ได้โปรด!” เขาคุกเข่าต่อหน้าผมและกอดขาผมด้วยตัวที่สั่นเทา
“พาเจดี้ไปโรงพยาบาล” ผมกล่าวและเอ็กเซลก็ทำตามคำสั่งผมอย่างเคร่งครัดแต่ในขณะที่เดินผ่านพวกเรา เอ็กเซลได้จ้องเขม็งไปที่คนที่กำลังกอดขาผมอยู่
“พะ พ่อ…” ชายที่ผมเดินมาหากล่าวและลุกขึ้นยืน
“มาขอโทษเดี๋ยวนี้!” คนที่กอดขาผมหันไปกล่าวกับลูกชายของตัวเอง
“ท่านเจเคผมขอร้อง!” พ่อของมันกล่าวก่อนจะถอยออกไปและก้มกราบผมหัวชิดพื้นหลายต่อหลายครั้ง
“ก้มลงมา!” พ่อของมันกล่าวก่อนจะดึงมือของลูกตัวเองให้ก้มกราบผมอีกคน
ตุบ แกร๊กๆ
“อ๊ากกกกกก!!!” ลูกของชายคนนี้ร้องลั่นเมื่อมันกราบผมและผมก็ใช้เท้าเหยียบมือของมันอย่างรุนแรงจนไปถึงข้อมือจนมือของมันหักทั้งสองข้าง
“ท่านเจเคผมขอร้อง! ได้โปรด!” พ่อขอมันกล่าวพร้อมกับยื่นมือมาจับเท้าของผม
“อั่ก แม่งเอ้ย!” ผมปล่อยเท้าออกจากมือของมันและทำให้มันสบถออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ผมเคยปล่อยให้ศัตรูของผมมีชีวิตรอดไปสักคนไหม?” ผมกล่าวถามพ่อของมัน
