บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

ฉู่ซิวหรี่ตาลง อายุยังน้อยแต่กลับดูเจ้าแผนการอยู่บ้าง : “เจ้าว่า หากนางได้รับเงินของพ่อเลี้ยงแล้ว จะไม่ต้องการเราแล้วหรือไม่?”

คำพูดของฉู่ซิวทำให้ฉู่หลิงเอ๋อร์รู้สึกตกใจขึ้นมาทันที มีน้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตากลมโตอีกครั้ง : “ฮือ ๆ ๆ......ท่านพี่ ข้าไม่อยากไปเป็นขอทาน!”

ฉู่ซิวรีบยกมือขึ้นลูบผมแกละทั้งสองข้างของน้องสาวที่กระเซอะกระเซิงไปหมดแล้ว : “น้องหญิงไม่ต้องกลัว ข้าไม่ปล่อยให้นางมีโอกาสเช่นนั้นหรอก!”

“ฮือ......เช่นนั้นควรทำอย่างไรดี?”

ฉู่ซิวเบะปาก แม้ไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไร แต่ก็ยังคงหันหลังเดินตรงไปที่ครัว

ทั้งหม้อทั้งเตาในห้องครัวเย็นชืด เขาจุดไฟขึ้นอย่างชำนาญ เอาน้ำข้าวต้มที่เหลืออยู่ตอนเช้ามาอุ่น จากนั้นก็ถอดเสื้อของตนเองออก เผยให้เห็นรูปร่างผอมบางที่เห็นแต่กระดูก เอากิ่งไม้สองกิ่งมามัดเข้ากับตัว

ฉู่หลิงเอ๋อร์ตกใจจนเอามือขึ้นมาอุดปาก : “ท่านพี่ ท่านจะทำอะไร? ดูแล้วคงเจ็บไม่น้อยเลยนะ!”

“นี่เรียกว่าแบกหนามขอขมา ขอเพียงให้นางได้ระบายอารมณ์ นางก็ไม่มีเหตุผลที่จะไล่เราไปแล้ว!”

ฉู่ซิวยกถ้วยที่บรรจุน้ำข้าวต้มจนเต็ม เดินเข้าไปในห้องของกวนหลัน

กวนหลันกำลังนอนเหยียดกาย มือทั้งสองซ้อนทับกันอยู่บนท้อง สีหน้าดูสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่ง แต่อันนี้จริงแล้วในใจกลับมีน้ำตาตกใน

นางจัดระเบียบความทรงจำในสมองเกี่ยวกับร่างเดิมนี้ออกมาอย่างชัดเจน

บังเอิญจริง ๆ ร่างนี้ก็มีชื่อว่ากวนหลันเช่นกัน อายุสิบหกปี

เมื่อหนึ่งปีก่อน นางแต่งงานกับนายทหารอายุยี่สิบสองปีนามว่าฉินจิง เพียงแต่ยังไม่ทันได้เข้าหอ ทั้งสองกลับไม่ได้พบหน้ากันสักครั้ง เพราะฉิงจิงติดภารกิจทางทหารที่สำคัญ

จะว่าไป ฐานะของฉิงจิงผู้นี้ก็นับว่าใช้ได้ ตอนอยู่ในค่ายทหารก็เป็นผู้บังคับกองร้อย ได้เงินเดือนมากพอสมควร และที่เขาเพิ่งแต่งงานตอนอายุเท่านี้ ก็เพราะมีลูกติดอย่างฉู่ซิวกับฉู่หลิงเอ๋อร์

เด็กทั้งสองคนนี้เองก็ไม่ใช่ลูกของฉิงจิง แต่เป็นลูกของพลทหารใต้บังคับบัญชาที่ตายไป ที่เขาได้รับเลี้ยงไว้ นายทหารที่มักไม่ได้อยู่บ้าน ซ้ำยังมีลูกบุญธรรมอีกสองคน ใครจะโง่ให้บุตรสาวของตนเองแต่งเข้าตระกูลของเขากัน

แต่คนโง่ที่ว่า ก็ถูกฉิงจิงพบเข้าแล้วจริง ๆ ซึ่งก็คือเหอสุ่ยฮวาแม่แท้ ๆ ของกวนหลันนั่นเอง เหอสุ่ยฮวาเห็นแก่สินสอดยี่สิบตำลึงของฉินจิง จึงยกกวนหลันให้แต่งงานกับฉินจิง

ดังนั้นถึงได้มีฉากที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้เกิดขึ้น กวนหลันไม่เคยเจอหน้าฉินจิง ยิ่งไม่เคยเข้าหอด้วยกัน แต่กลับต้องกลายมาเป็นแม่ของเด็กสองคน......

เพิ่งคิดมาถึงตรงนี้ ฉู่ซิวก็ยกน้ำข้าวต้มถ้วยหนึ่งเดินเข้ามา

เมื่อเข้ามาแล้ว ฉู่ซิวก็คุกเข่าลงที่หน้าเตียงของกวนหลันทันที ทำให้นางที่ยังตกอยู่ในภวังค์ของความคิดต้องรู้สึกตกใจ

“นี่เจ้ากำลังทำอะไร?”

“แม่เลี้ยง ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรทำร้ายจ้าวเสี่ยวหู่! ข้าขอรับโทษต่อท่าน! ท่านอย่าได้โมโหอีกเลยนะ ท่านตีข้าแรง ๆ สักทีก็ได้!”

แม้กวนหลันจะรู้สึกหงุดหงิดใจ แต่กลับรู้สึกขำกับท่าทางนี้ของฉู่ซิว

“ทำไมเจ้าถึงมีลูกไม้มากมายขนาดนี้? หลังจากนี้จะให้ข้าเอากิ่งไม้พวกนี้ฟาดเจ้าใช่หรือไม่?”

แม้ฉู่ซิวจะโตเกินวัย แต่อย่างไรก็ยังเป็นแค่เด็ก จึงไม่เข้าใจการหยอกล้อที่แฝงอยู่ในคำพูดของกวนหลัน กลับคิดว่าเป็นเรื่องจริง จึงตกใจจนหน้าถอดสี

“แม่เลี้ยง......”

“พอได้แล้วเจ้าน่ะ รีบลุกขึ้นเร็วเข้า!”

กวนหลันรับถ้วยที่อยู่ในมือของฉู่ซิวมาวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็เอาเชือกกับกิ่งไม้ที่พันกันมั่วซั่วอยู่บนตัวเขาออก แล้วโยนทิ้งไปข้าง ๆ จากนั้นก็เรียกฉู่หลิงเอ๋อร์ที่แอบยืนดูอยู่ตรงประตูเข้ามา

“พวกเจ้าสองคนเข้ามาฟังที่ข้าจะพูด ฉู่ซิว วันนี้เจ้าทำผิด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แต่การลงมือทำร้ายผู้อื่นก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง เจ้าจงจำคำพูดข้าเอาไว้ให้ดี ไม่ว่าจะพบเจอเรื่องใด ก็ต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ได้ เพราะเวลาที่คนเราไม่สงบนิ่ง ก็จะทำในสิ่งที่ผิด แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้าต้องชื่นชมเจ้า เมื่อเผชิญหน้ากับคำดูหมิ่นของผู้อื่น ในฐานะที่เป็นผู้ชาย อย่าเลือกที่จะอดทนอดกลั้น พวกเราจะต้องต่อสู้ด้วยเหตุผลอย่างหนักแน่น ดังนั้นสิ่งที่เจ้าเลือกทำนั้นไม่ผิด เพียงแต่ใช้วิธีการที่ผิดไปหน่อยก็เท่านั้น......”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel