บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

“พวกเรา?”หวังกุ้ยจือถลึงตา ใช้มืออวบอ้วนชี้ไปที่ปลายจมูกของตนเอง จ้องมองกวนหลันด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ : “เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ? ลูกเจ้าทำร้ายลูกข้า แต่สุดท้ายกลับจะให้พวกเราขอโทษพวกเจ้า? ความยุติธรรมยังมีอยู่อีกหรือไม่!”

หวังกุ้ยจือตะโกนเสียงดังแต่ก็ไม่ได้ทำให้กวนหลันรู้สึกหวาดกลัว นางหันไปพูดกับหวังกุ้ยจืออย่างสงบ : “พี่สะใภ้ตระกูลจ้าว ท่านคงไม่รู้สินะว่า หากเรื่องที่ดูหมิ่นเด็กกำพร้าของครอบครัว มีการฟ้องร้องไปถึงศาลาว่าการ เสี่ยวหู่ของท่านจะต้องถูกจับ?”

“ถูก......ถูกจับอะไรกัน? เด็กทะเลาะกัน ศาลาว่าการจะมาสนใจด้วยหรือ? นี่มันหาเหาใส่หัวชัด ๆ?”

“พวกเขาจะหาเหาใส่หัวหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่สามีของข้าตายอย่างองอาจเพียงใด เกรงว่าท่านคงไม่รู้สินะ? เงินชดเชยของสามีข้า ท่านแม่ทัพใหญ่สั่งให้คนนำมามอบให้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังมากถึงสองร้อยตำลึง ท่านรู้ไหมว่าเงินสองร้อยตำลึง สำหรับชาวนาชาวไร่อย่างเรามันมากมายเพียงใด? ครอบครัวของพวกท่านฆ่าหมูสักสิบปี เกรงว่าก็ยังหาเงินสองร้อยตำลึงไม่ได้เลย ท่านว่าชีวิตของสามีข้ามีค่าไหมล่ะ? แล้วท่านว่าบุตรกำพร้าของเขามีค่าหรือไม่?”

หวังกุ้ยจือใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ มาทั้งชีวิต สถานที่ที่ไกลที่สุดที่เคยไปก็คือแผงหมูในเมือง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประตูของศาลาว่าการต้องเปิดทางไหน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะรู้จักชื่อเสียงเรียงนาม กับหน้าที่ความรับผิดชอบของแม่ทัพใหญ่ รู้เพียงแค่ว่าต้องเป็นบุคคลที่เก่งกาจมากแน่นอน ตอนนี้เมื่อได้ยินกวนหลันพูดเช่นนี้ ก็รู้สึกตกใจกลัวอยู่ไม่น้อย

เมื่อกวนหลันเห็นหวังกุ้ยจือทำสีหน้าตกตะลึง ก็เติมเชื้อไฟเข้าไปอีก : “ท่านว่าศาลาว่าการจะยุ่งเรื่องหญิงหม้ายหรือไม่? หากศาลาว่าการไม่ยุ่งละก็ ข้าก็จะไปหาแม่ทัพใหญ่ ท่านว่า หากท่านแม่ทัพเห็นว่าเถ้ากระดูกของผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตนเองไว้ยังไม่ทันจะเย็น ภรรยากับลูกก็ถูกผู้อื่นรังแกขนาดนี้แล้ว เขาจะสนใจหรือไม่?”

หวังกุ้ยจือนึงถึงคนใหญ่คนโตเหล่านั้น สีหน้าก็ซีดเผือดขึ้นมา ทั้งยังรู้สึกขายหน้า ดังนั้นจึงกัดฟัน จ้องกวนหลันตาเขม็ง พูดขึ้นด้วยความฉุนเฉียว : “เด็ก ๆ แค่เล่นด้วยกัน ทะเลาะกันบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา เจ้าอย่ามาขู่ข้าหน่อยเลย รอให้สามีข้ากลับมาแล้ว ข้าจะให้เขามาคุยกับเจ้า! ฟังจากที่เจ้าพูดทำไมร้ายแรงถึงเพียงนั้น? ทั้งศาลาว่าการทั้งแม่ทัพใหญ่ อย่างไรเราก็เป็นทั้งญาติทั้งเพื่อนบ้าน ข้าจะรังแกเจ้าไม่ได้ แต่เจ้าเองก็จะฉวยโอกาสตอนที่สามีข้าไม่อยู่ รังแกข้าไม่ได้เช่นกันใช่ไหมล่ะ! สรุปว่าเรื่องในวันนี้ไม่จบง่าย ๆ แน่ เจ้าเองก็อย่าเอาศาลาว่าการมาขู่ข้า รอให้สามีข้ากลับมา ให้เขาคุยกับเจ้า อย่างไรเสียบุตรชายคนโตของข้าจะถูกรังแกเปล่า ๆ เช่นนี้ไม่ได้!”

หวังกุ้ยจือหันหลังเดินออกจากลานบ้านไป ซ้ำยังตบหัวของหู่จื่อไปหนึ่งฉาด : “รีบกลับบ้านเลยนะ วัน ๆ เอาแต่ทำตัวปากเสียเหมือนพ่อเจ้าไม่มีผิด ต่อไปห้ามพูดจาแบบนี้อีก ไม่เช่นนั้นแม่จะตีเจ้า!”

หวังกุ้ยจือพาหู่จื่อกลับไป ประตูไม่ปิดลงดัง “เอี๊ยด” ในที่สุดภายในเรือนก็กลับมาสงบอีกครั้ง

ไหล่ของกวนหลันตกลงทันที วัน ๆ มีแต่เรื่องวุ่นวายอะไรก็ไม่รู้ ตอนนี้นางไม่อยากได้ยินอะไรทั้งสิ้น แค่อยากหาที่สงบ ๆ อยู่ตามลำพัง

ดังนั้นนางจึงเดินห่อไหล่ กลับเข้าไปในบ้านโทรม ๆ แล้วนอนลงบนเตียงราวกับศพ

ฉู่ซิวกับฉู่หลิงเอ๋อร์ทั้งสองหันมองหน้ากัน

ดวงตาของฉู่หลิงเอ๋อร์ยังคงแดงก่ำ แต่เมื่อเห็นพี่ชายของตนเองไม่เป็นอะไร ก็หันไปยิ้มให้เขาทีหนึ่ง เผยให้เห็นลักยิ้มน้อย ๆ ตรงสองข้างแก้ม

“ท่านพี่! แม่เลี้ยงไล่ป้าอ้วนไปแล้ว! หูของท่านเจ็บหรือไม่ ข้าจะเป่าให้นะ!”

อย่างไรเสียฉู่ซิวก็อายุมากกว่าสักหน่อย เขารู้สึกว่าการแสดงออกของกวนหลันในวันนี้ แตกต่างออกไปจากปกติ

“น้องหญิง เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าวันนี้แม่เลี้ยงดูแปลกไป? คิดไม่ถึงว่านางจะช่วยข้า ไม่ได้ทุบตีข้าโดยไร้เหตุผล!”

ฉู่หลิงเอ๋อร์เบิกตากลมโตแล้วครุ่นคิด : “จริงด้วย เพราะอะไรกัน?”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel