บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

กวนหลันมองตามนิ้วมือของหญิงวัยกลางคนอ้วนท้วมไปทางด้านหลัง พบว่ายังมีเด็กผู้ชายรูปร่างอ้วนท้วนอีกคนยืนอยู่ด้านนอก เด็กคนนั้นกำลังกัดนิ้วของตนเองแล้วจ้องมองนาง มีรอยขาดอยู่บนแขนเสื้อหนึ่งจุด แค่เห็นก็รู้ว่าเกิดจากการถูกดึง เมื่อเห็นกวนหลันจ้องมาทางเขา ก็รีบชูคอตะโกนออกมาทันที : “ฉู่ซิวเขาตีข้า! ตีแขนข้าจนระบมไปหมดแล้ว!”

ขณะที่พูด ก็แกว่งแขนเล็ก ๆ เป็นปล้องราวกับรากบัวให้ดู ด้านบนมีรอยช้ำเขียวอยู่จริง ๆ

ฉู่ซิว? ไม่ได้แซ่ฉิน? ตนเองเป็นแม่เลี้ยง?

ทำไมสับสนวุ่นวายขนาดนี้? !

ในสมองของกวนหลันเต็มไปด้วยความสับสน แต่กลับไม่ได้ตำหนิฉู่ซิวออกไปโดยตรง แต่นางกลับยกมือขึ้น แล้วดึงเด็กทั้งสองเข้ามายืนตรงหน้าของตนเอง

นางก้มหน้ามองฉู่ซิว ผ่านน้ำเสียงอ่อนโยนลงถามว่า : “เจ้าตีเขาหรือ?”

ฉู่ซิวกัดริมฝีปาก ทำแก้มพองตุ๊บป่อง ผ่านไปสักพักถึงได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า : “ใช่!”

“เจ้าดูสิ เจ้าดูสิ!” หญิงอ้วนราวกับจับผิดได้ โวยวายขึ้นมาอีกครั้งทันที : “เจ้าเด็กนรกนี่ไม่รู้จักเลียนแบบสิ่งดี ๆ ยังกล้ามาทำร้ายลูกข้าอีก เจ้ายังไม่รีบตีเขาอีกหรือ? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ เรื่องนี้ไม่จบง่าย ๆ แน่ เจ้าต้องชดใช้เสื้อผ้าชุดใหม่ให้ลูกข้า นี่คือชุดที่ข้าเพิ่งตัดให้เขา จ่ายไปตั้งร้อยหนึ่งเชียวนะ!”

กวนหลันไม่ได้สนใจหญิงอ้วน แต่หันกลับไปถามฉู่ซิวด้วยความอดทน : “ทำไมเจ้าต้องตีเขาด้วย?”

เมื่อครู่ตอนที่ถูกหญิงอ้วนดึงหูอย่างแรง ฉู่ซิวกลับไม่ร้อง แต่พอตอนนี้กวนหลันเอ่ยถามเขา เขากลับดวงตาแดงก่ำขึ้นมาทันที

“เขาด่าข้ากับน้องหญิง” น้ำเสียงของฉู่ซิวสั่นเครือ แต่ทุกคำที่เปล่งออกมานั้นชัดเจนมาก “หาว่าเราเป็นตัวอัปมงคลทำให้พ่อแม่แท้ ๆ ตาย ตอนนี้แม้แต่พ่อเลี้ยงก็ตายเพราะเราด้วย! หาว่าเราเป็นตัวกาลกิณี บอกว่าต่อไปพวกเราก็จะกลายเป็นเด็กโง่ที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่! จำต้องออกไปเป็นขอทาน หลิงเอ๋อร์ร้องไห้จนแทบจะหมดสติไปแล้ว ข้าจึงทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ......”

กวนหลันรู้สึกอื้ออึงในสมอง มีเศษซากความทรงจำมากมายปรากฏขึ้นในหัว

หกวันก่อน มีทหารนายหนึ่งเนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่น เดินทางอย่างลำบากมาที่บ้านของนาง และบอกกับนางว่า ฉินจิงสามีของนางตายในสนามรบ แม่ทัพใหญ่เห็นแก่ที่ฉินจิงต้องตายเพราะช่วยชีวิตของตนเองไว้ จึงมอบเงินทำขวัญให้กับครอบครัวของพวกเขาสองร้อยตำลึง ให้พวกนางแม้หม้ายลูกกำพร้าได้ใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขในอนาคต

ตอนนี้ทหารนายนั้นมาไม่ได้ปิดบังอำพราง ผู้คนในหมู่บ้านต่างก็รู้เรื่องนี้หมด ส่วนไอ้เจ้าเล่ห์หวงเองก็คงหมายตาเงินสองร้อยตำลึงนี้ วันนี้จึงคิดจะใช้แผนหลอกให้ติดกับแล้วรีดไถเงินกับนาง

หญิงอ้วนมีนามว่าหวังกุ้ยจือ จ้าวกุ้ยสามีของนางเป็นเพชฌฆาต นางและลูก ๆ ได้กินอาหารที่ทำจากเนื้อหมูทุกวัน ดังนั้นทั้งสองจึงทั้งขาวทั้งอ้วน จัดว่ามีความเป็นอยู่ที่แทบจะดีที่สุดในหมู่บ้าน พักอยู่ที่บ้านตรงข้ามกับพวกนาง ตอนนี้เมื่อได้ยินฉู่ซิวบอกว่า เป็นเพราะจ้าวเสี่ยวหู่แกว่งปากหาเสี้ยนเอง ก็รู้สึกเสียหน้าขึ้นมาทันที

อย่างไรเสียสามีของนางก็เพิ่งตาย ลูกของตนเองกลับไปพูดจาทำร้ายจิตใจลูกของนางเช่นนี้ ก็สมควรแล้วที่จะถูกตี

แต่สมควรถูกตีก็เรื่องหนึ่ง เพราะนั่นก็มีแค่ตนที่ตีได้คนเดียว คนอื่นจะมาแตะต้องเขาแม้แต่ปลายผมย่อมไม่อาจทำได้

ด้วยเหตุนี้นางจึงหยัดกายขึ้น โวยวายออกมาเสียงดังลั่น : “เสี่ยวหู่ของเรายังเด็ก เด็กพูดจาเช่นนี้ออกมาก็ไม่เห็นจะเป็นไร อย่างไรเสียเขาเองก็ไม่ได้มีเจตนา แต่เจ้าดูเด็กนรกของครอบครัวเจ้าสิ ลงมือหนักขนาดนี้ ตีจนถูกข้าระบมไปหมดแล้ว เสื้อผ้าก็ถูกฉีกทึ้งจนขาด เห็นแก่ที่จำต้องลำบากเพราะเป็นหญิงหม้ายว่างงาน ให้เขาขอโทษลูกของเราเสีย และเราจะไม่ติดใจเอาความเรื่องในวันนี้อีก!”

“ขอโทษหรือ?” กวนหลันเงยหน้าขึ้น สายตาเย็นชาราวกับก้อนน้ำแข็งในฤดูหนาว แต่น้ำเสียงกลับสงบนิ่งจนน่าตกใจ : “ข้าว่าคนที่ควรขอโทษคือพวกเจ้ามากกว่านะ!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel