บท
ตั้งค่า

๒ : เจียงซิงเยี่ยน

Chapter 2

'เจียงซิงเยี่ยน'

 

อู๋เซียนลี่ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเย็นเข้าเสียแล้ว หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็พบว่าตนเองนอนอยู่ภายในเรือน อากาศเย็นที่ตีกระทบเข้ามาผ่านหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้มันทำให้นางต้องรีบหันไปคว้าผ้าห่มมาห่อกายเอาไว้ จะว่าไปนางเป็นอะไรไปนะถึงได้มานอนอยู่ที่นี่ ตอนแรกว่ายืนคุยอยู่กับอู๋เจียไม่ใช่หรือ

“ท่านพี่ใหญ่ฟื้นแล้วหรือ?”

พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา

นางหันไประบายยิ้มหวานให้กับน้องสาวที่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีความผูกพันอันใดมากเท่าไหร่แต่อีกฝ่ายก็ช่วยเหลือนางดี คอยปรนนิบัติดูแลไม่ขาดตกบกพร่อง ต้องเล่นบทความจำเสื่อมไปถึงเมื่อไหร่นะ เจ้าของร่างนี้มีสมุดบันทึกอะไรให้อ่านไหมสงสัยเดี๋ยวต้องลองหาดูจะได้ไม่ต้องแสร้งทำเป็นลืมเลือนแบบนี้เพราะบางทีก็จะหลุดอยู่เหมือนกัน

“ข้าเป็นอันใดไปหรือ?”

“เรากำลังคุยเรื่องอาเยี่ยนแล้วท่านพี่ก็เป็นลมไป ตอนข้าบอกว่าท่านควักลูกตาเขา”

อืม… ไม่เป็นลมสิแปลก

ควักลูกตาคนเลยนะเฟ้ย!

“ข้าจำมิได้เลยว่าข้าควักลูกตาเขาทำไม?” นางดันตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกระชับผ้าห่มแน่นเพราะอากาศหนาวจริง ๆ

“ท่านบอกว่าเขามีตาหามีแววไม่ เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องมีดีกว่าดวงตา”

“เหตุผลแค่นั้นจริงหรือ?” นางถึงกับหันมามองหน้าน้องสาวแต่พออีกฝ่ายพยักหน้ายืนยันคำตอบ นางก็ทรุดฮวบอีกรอบ

“ท่านพี่!” อู๋เจียรีบเข้ามารับตัวเอาไว้

“ข้าจะเป็นลมอีกรอบแล้ว” อู๋เซียนลี่เงยหน้าขึ้นสบตากับน้องสาวด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวราวกับไม่มีเลือด “พี่เจ้าต่างหากที่มีตาหามีแววไม่ ควรโดนควักลูกตาเสียเอง”

“แล้วพี่ข้ามิใช่ท่านหรือ ท่านพูดเหมือนมันไม่ใช่ตัวท่าน”

“ช่างเถอะ อย่าใส่ใจ ช่วงนี้ข้ากินยาเยอะเลยเมายานิดหน่อย อาจจะพูดอะไรเลอะเทอะไปเสียหน่อย”

นางรีบผละตัวออกมาจากน้องสาวก่อนจะลุกเดินไปหยิบกล่องไม้ที่บรรจุดวงตาออกมาแล้วยื่นมันให้อู๋เจียดู “นี่ใช่ดวงตาเขาหรือไม่?”

อู๋เจียมองดูดวงตาในกล่องไม้ก่อนจะพยักหน้ารับเพราะจดจำแววตาน้องสามของตนได้และพี่สาวคนโตของนางก็ควักลูกตาเขาแค่คนเดียวคงไม่มีลูกตาผู้อื่นเก็บในห้องหรอก “งั้นเจ้านำไปใส่คืนให้เขาได้หรือไม่?”

“มิได้ ปราณของข้าไม่มากพอจะรักษาดวงตาเขาหรอก” อู๋เจียรีบปฏิเสธ

“แล้วผู้ใดจะทำได้กัน?”

“ท่านไงเล่า ท่านอยู่ขั้นตี้เซียนแล้ว”

ตี้เซียนหรือ? ก็พอจะรู้มาบ้างว่าเซียนขั้นนี้บรรลุปี้กู่แล้ว ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ต้องกินต้องนอนก็ได้ แต่ทำไมตอนนี้นางรู้สึกหนาวเล่า?

“ข้าหนาว”

“ท่านควรจุดกะละมังไฟภายในห้อง”

“ข้าหนาว” นางเน้นย้ำอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจังจนอู๋เจียนึกขึ้นได้

“ท่านบรรลุตี้เซียนแล้ว ย่อมไม่รู้ร้อนรู้หนาวอีก”

“ใช่ แต่ตอนนี้ข้าหนาว”

“คงเป็นเพราะร่างกายท่านบาดเจ็บหนักก่อนหน้านี้และใช้พลังหยางไปมาก ตอนนี้พลังในกายจึงยังไม่สมดุล แต่ท่านอย่ากังวลไปเลยเพียงท่านบำเพ็ญตน ฝึกตบะก็จะกลับมาเป็นปกติ แค่ต้องใช้เวลาเพียงเท่านั้น”

“ความจริงข้าก็ไม่ได้ห่วงอันใดมาก เพียงแค่อยากคืนดวงตาให้เจียงซิงเยี่ยนเท่านั้น”

อู๋เจียได้ยินเช่นนั้นก็แปลกใจเพราะพี่สาวของนางเป็นคนมีจิตใจเหี้ยมโหดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ยิ่งบรรลุขั้นตี้เซียนได้ก็ยิ่งทวีความร้ายกาจมากขึ้น ทั้งกดขี่ข่มเหงผู้อื่น ทั้งชอบรังแกและกลั่นแกล้งจนคนเกลียดชังไปทั่ว แต่ก็เพราะอำนาจบารมีที่มีทำให้ยังมีคนเลือกจะสวมใส่หน้ากากเข้าหาอยู่เพื่อหวังพึ่งใบบุญของตี้เซียนที่บนโลกมนุษย์นี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ส่วนมากจะขึ้นไปอยู่บนคุนหลุนซานหรือหลีกหนีจากยุทธภพไป จะมีเพียงสี่คนที่ยังคงอยู่บนพื้นเพื่อเฝ้าคุ้มภัยให้โลกมนุษย์จากสี่ทิศ อู๋เซียนลี่ก็เช่นกันพี่สาวของนางได้รับหน้าที่ดูแลเขตแดนเหนือ

 

@เรือนนอนเจียงซิงเยี่ยน

บุรุษตาบอดในชุดสีขาวสะอาดหยิบกาน้ำชาขึ้นมารินใส่ถ้วยอย่างชำนาญถึงแม้จะตาบอดแต่ก็เป็นผู้มีวรยุทธ์ทำให้ประสาทการรับรู้ส่วนอื่นเด่นชัดขึ้น เขาใช้ชีวิตอยู่กับความมืดเช่นนี้มาแรมปีแล้ว ยังจำวันที่โดนควักลูกตาออกไปได้ดี มันเจ็บปวดปานจะขาดใจตายแต่เขาไม่ขัดขืนเลยเพราะคนที่ทำคืออู๋เซียนลี่ สตรีที่เขามอบหัวใจให้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน

"อาเยี่ยนเจ้าอยู่ในห้องหรือไม่?" เสียงหวานนุ่มของอู๋เจียดังขึ้นที่หน้าห้อง

"ข้าอยู่ เชิญท่านพี่รอง" เขาตอบกลับไปเสียงนุ่ม

อู๋เจียเข้ามาในห้องพร้อมกับปิ่นโตอาหาร นางวางมันลงบนโต๊ะแล้วเปิดออกเพื่อให้น้องชายได้กิน "วันนี้ข้าทำไก่หวานมาให้เจ้าแล้วก็เซาปิ่งของโปรดของเจ้าด้วย"

"ขอบคุณท่านพี่รอง" มือเรียวขาวเลื่อนมาจับตะเกียบแต่ก็พลาดจนมันร่วงหล่น อู๋เจียจึงก้มเก็บให้ก่อนจะยัดมันใส่ในมือน้องชายบุญธรรม

"เจ้าอยู่ผู้เดียวลำบากเช่นนี้ ข้าก็บอกแล้วว่าเดี๋ยวจะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า แต่เจ้าก็ไม่เอา"

"ไม่ลำบากหรอกท่านพี่รอง ข้าชินเสียแล้ว"

"ชินกับความลำบากน่ะหรือ เจ้าจะชินกับเรื่องเช่นนี้มิได้หรอก"

"ถ้าความลำบากของข้าทำให้ท่านหญิงใหญ่พึงพอใจได้ ข้าผู้น้อยก็ยินดี"

"ข้าก็จนปัญญาจะช่วยเจ้านัก ตัวข้าเองก็ขัดใจนางมิได้" อู๋เจียนกมือขึ้นลูบหัวเจียงซิงเยี่ยนด้วยความเอ็นดู ยังไงเสียเขาก็เป็นน้องน้อยของนางถึงจะเป็นเพียงน้องบุญธรรมก็ตาม

"มิเป็นอันใดท่านพี่รอง ข้ามิเป็นอันใดจริง ๆ"

เขาคีบไก่หวานขึ้นมากินอย่างระมัดระวังเพราะกลัวว่าจะทำกิริยาไม่งามต่อหน้าของผู้เป็นพี่สาวที่แสนดีกับเขาเหลือเกิน อู๋เจียมองดูอย่างสงสารยิ่งนัก แต่จะให้นางยื่นมือเข้าไปช่วยก็ยื่นได้ไม่มาก คราที่เจียงซิงเยี่ยนโดนควักลูกตานางเองก็อยู่ด้วย แต่ช่วยอันใดไม่ได้เพราะอู๋เซียนลี่ขู่ว่าจะส่งนางไปแต่งงานเข้าจวนอ๋องเสียซึ่งนางไม่อยากไปเป็นอนุผู้ใด

ผู้เป็นมารดาเสียไปนานแล้ว ส่วนผู้เป็นบิดา 'อู๋เซิน' ก็ตัดทางโลกขึ้นคุนหลุนซานไปเสียแล้ว ทำหน้าที่เฝ้าเตาหลอมโอสถทิพย์ ไม่ได้ลงมายุ่งกับพวกนางอีก ยกหน้าที่เจ้าสกุลให้อู๋เซียนลี่จัดการทุกอย่าง อำนาจการปกครองจึงเป็นสิทธิ์ขาดของพี่ใหญ่ที่ตัดสินใจได้เลยไม่ต้องถามบิดา เลยไม่มีผู้ใดกล้าขัดทั้งนั้น

แต่นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่อู๋เซียนลี่ตั้งท่าเกลียดชังเจียงซิงเยี่ยน มันก็จริงที่บิดาของพวกนางรับเขามาเป็นบุตรบุญธรรมแต่ไม่เคยเลี้ยงดู นำเขามาฝากไว้ที่ยอดเขาเซี่ยไป๋แห่งนี้ให้พี่ใหญ่ดูแลและกลับขึ้นคุนหลุนซานไป มันเหมือนโยนภาระให้อู๋เซียนลี่ก็ไม่ผิด

 

อู๋เซียนลี่เดินวนภายในหอตำราที่ตั้งอยู่บนภูเขาหิมะสูงที่มองไปทางไหนก็เห็นแต่หิมะสีขาวโพลน เกล็ดเหมันต์ไหลผ่านม่านตาที่ทอดมองออกมาจากหน้าต่างบานใหญ่ ในยามนี้นางต้องใส่อาภรณ์ค่อนข้างหนาเพราะอากาศหนาวมาก ความจริงถึงแม้จะบรรลุขั้นตี้เซียน ไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงอากาศเย็นหรือร้อนอยู่ แต่แค่อากาศพวกนั้นทำอะไรนางไม่ได้ ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดหรือไม่ดีอะไร รับรู้และเฉยเมยกับมันหาได้สะทกสะท้านมากกว่า

แต่ตอนนี้กลับรู้สึกหนาวยะเยือกเพราะพลังหยางในตัวยังไม่สมดุลจากอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ อู๋เจียเล่าให้ฟังว่านางออกไปสู้รบกับปีศาจจิ้งจอกเก้าหางแต่ก็พลาดท่าบาดเจ็บสาหัสเสียได้ ร่างกายถูกพิษจนสุดท้ายน่าจะเป็นเหตุทำให้ตายแล้วนางเข้ามาสิงในร่างนี้แทน ถ้าได้เจอนางจิ้งจอกอีกครั้งนางจะสู้ได้ไหมเนี่ย ไม่ได้ฝึกวรยุทธ์มาด้วยจะออกกระบวนท่าถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้ สงสัยต้องหาตำรามาฝึกฝนตนเองเสียหน่อยจะได้ไม่โชว์โง่ต่อหน้าผู้อื่น เดี๋ยวเขาจะหาว่าเป็นถึงตี้เซียนแต่ดันโง่เขลา

ตอนนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นเจียงซิงเยี่ยนที่เดินผ่านมาพอดี เขายังคงสวมใส่ชุดสีขาวสะอาดสะอ้านจนแทบจะกลมกลืนไปกับพื้นหิมะเชียว มือข้างหนึ่งถือไม้แกว่งไปใจอากาศเพื่อจับทางเดิน ผ้าคาดปิดตาสีแดงสดของเขามันทำให้โดดเด่นขึ้นมา เห็นแล้วก็เวทนาเหลือเกินเจ้าของร่างเดิมทำไมใจดำอำมหิตได้ถึงเพียงนี้นะ ไม่ยอมรับเขาเป็นน้องชายบุญธรรมแล้วยังจะทำร้ายเขาอีก

"อ๊ะ!"

อู๋เซียนลี่รีบหันตัวหลบเข้าข้างผนังในทันทีเมื่อเจียงซิงเยี่ยนหันมามองทางนางจนตำราที่วางอยู่ข้าง ๆ หล่นลงพื้น สัญชาตญาณเลยสั่งให้นางพุ่งตัวไปรับแต่ไม่รู้รับอีท่าไหนทั้งตำราและตัวนางต่างคะมำลงไปกับพื้นจนจมูกโขกเข้ากับพื้นอย่างแรง ปวดหนึบคล้ายดั้งจะหักจนต้องร้องโอดครวญออกมา

"โอ๊ย! จะ… เจ็บชะมัด" นางบ่นพึมพำขณะจับที่จมูกของตัวเองเมื่อเอามือออกมาก็ต้องตกใจที่มีเลือดติดมาด้วยจนต้องรีบเงยหน้าขึ้นแล้วยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดที่กำลังไหลออกมาทางจมูกของนาง

"บ้าเอ๊ย! เขาตาบอดนี่ แล้วข้าจะหลบเพื่อ?"

นางได้แต่ร้องถามตนเองอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องรีบหันตัวหลบจนสุดท้ายล้มหน้าคะมำจนได้เลือดแบบนี้ด้วย เจ็บเนื้อเจ็บตัวไม่เข้าเรื่องเลยจริง ๆ

แต่อยู่ดี ๆ เสียงเปิดประตูหอตำราก็ดังขึ้นจนอู๋เซียนลี่ตกใจรีบหมุนตัวแอบหลังชั้นตำราในทันทีก่อนจะมองดูเงาของผู้มาใหม่ เงาร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีขาวแสนคุ้นตานั่นมันเจียงซิงเยี่ยน

'ให้ตายสิ! เขามาทำอะไรที่นี่กัน ตาก็บอดยังจะเดินมาถูกอีกนะเจ้าเด็กคนนี้นี่ ข้าก็หนีเจ้าแทบแทรกแผ่นดินลงนรก แต่เจ้าก็ยังจะตามข้าลงนรกอีกนะ'

หรือต้องตบต้องตีถึงจะดีขึ้นหน่อย?

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel