พี่สาวเจ้าหาใช่คนร้ายกาจเสียหน่อย

119.0K · จบแล้ว
IRR Book
45
บท
9.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

'อู๋เซียนลี่' หญิงสาวจากยุคปัจจุบันที่ต้องเสียชีวิตตั้งแต่ยังสาว แต่สวรรค์กลับให้โอกาสเป็นครั้งที่สอง วิญญาณของเธอถูกดูดกลับมายังอดีตอันไกลโพ้น สู่ร่างใหม่ที่มีชื่อแซ่เดียวกันอย่างน่าอัศจรรย์ใจ  แต่ร่างนี้กลับเป็น 'ท่านหญิงใหญ่ผู้เหี้ยมโหด' เสียได้ ชื่อเสียงเรียงนามไม่เคยมีเรื่องดี ใช้อำนาจในทางไม่ชอบจนอู๋เซียนลี่อยากจะยกเท้าขึ้นพาดกลางหน้าผาก คนดีแบบเธอที่เข้าวัดทำบุญเป็นนิจ ไยถึงย้อนกลับมาอยู่ในร่างคนเหี้ยมโหดปานนี้  มิหนำซ้ำเธอยังชอบกลั่นแกล้งและทำร้ายร่างกาย 'เจียงซิงเยี่ยน' น้องชายบุญธรรมที่บิดาเก็บมาเลี้ยงจากข้างถนนอีก เธอใช้แรงงานเขาเยี่ยงทาสไพร่ ทุบตีทำร้ายร่างกายราวกับสัตว์ในคอกขัง ทั้งที่ความจริงก็มีศักดิ์เป็นคุณชายคนหนึ่งของบ้าน  ให้ตายสิ! แล้วแบบนี้เจ้าน้องชายตัวโตที่ตัวสูงกว่าเธอไปอีกคนนี้จะไม่อาฆาตแค้นหรอกหรือถ้าเกิดเขาคิดจะเอาคืนขึ้นมามีหรือหญิงสาวตัวเล็ก ๆ บอบบางทั้งกายและใจเช่นนางจะสู้ได้  น้องชายโปรดระงับโทสะก่อน พี่สาวของเจ้าคนนี้หาใช่คนร้ายกาจเสียหน่อย

นิยายแฟนตาซีนิยายเทพเซียนนิยายจีนโบราณนางเอกเก่งเจ้าสำนักจอมมารนักวรยุทธข้ามมิติเกิดใหม่จีนโบราณ

๑ : อู๋เซียนลี่

Chapter 1

'อู๋เซียนลี่'

 

เสียงล้อรถขูดไปตามพื้นถนนจนดังสนั่นจากแรงเบรกกะทันหันทำให้รถทั้งคันที่ขับมาด้วยความเร็วสูงเสียหลักพลิกคว่ำหลายตลบไปตามพื้นถนนที่เงียบร้างไปด้วยผู้คนในยามค่ำคืนอันดึกสงัด หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของรถลอยเคว้งในอากาศก่อนจะตกกระแทกกับคอนโซลแล้วหมุนเหวี่ยงไปมาภายในรถเพราะไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย จนสุดท้ายร่างกายก็ลอยกระเด็นออกมาจากประตูรถที่เปิดออกจากแรงเหวี่ยงและอัดกระแทกลงกับพื้นถนนหยาบจนรู้สึกได้ถึงกระดูกที่แตกละเอียดจนเจ็บแปล๊บไปทั้งร่างกาย

ดวงตาคู่สวยที่ช้ำไปด้วยเลือดจ้องมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เปล่งประกายไปด้วยหมู่ดาวอยู่กลางถนน ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับตนเองจำได้เพียงแค่ว่ากำลังจะกลับบ้านแต่ดูเหมือนว่าจะกลับไม่ถึงเสียแล้ว ภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่ามัวลงเรื่อย ๆ ก่อนที่โสตประสาททั้งหมดจะดับวูบลงท่ามกลางเสียงเงียบงันรอบตัวที่ชวนให้โดดเดี่ยวเหลือเกิน

ยังไม่อยากตายเลย

ยังใช้ชีวิตได้ไม่คุ้มค่าเลย

ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ

 

"ท่านพี่!"

"ท่านพี่ลี่!"

"อู๋เซียนลี่!"

 

มีคนเรียกฉันเหรอ

ใครกัน?

 

"ฟื้นเถิดอู๋เซียนลี่"

 

ร้องไห้เหรอ?

ใครกันร้องไห้ให้ฉัน?

ต้องตื่นแล้ว

ต้องลืมตาแล้ว

 

เฮือก!

นัยน์ตาคู่สวยทอประกายสีดำสุกวาวเหมือนตากวางเบิกโพลงขึ้นอย่างตกใจ ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกสูดเข้าปอดราวกับคนที่ขาดอากาศหายใจมานานจนต้องรีบกอบโกยจนสุดท้ายก็สำลักไอจนหน้าดำหน้าแดงเมื่อตั้งสติได้แล้วจึงหันไปมองรอบตัวพลันดวงตาก็เบิกกว้างอีกครั้งด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อสบตาเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง

"โว๊ย! เธอเป็นใครเนี่ย ผีหรือคน!" หญิงสาวโดดตัวหนีไปหลบอยู่มุมเตียงด้วยท่าทางหวาดระแวงแต่กลับต้องร้องโอดครวญขึ้นมาเมื่อร่างกายปวดร้าวไปทั้งตัวราวกับกระดูกจะหักออกเป็นเสี่ยง ๆ

"โอ๊ย!"

"ท่านพี่ท่านระวังหน่อย ท่านเพิ่งฟื้น" หญิงสาวข้างเตียงรีบยกมือขึ้นห้ามปรามนาง

"เธอเป็นใคร แล้วที่นี่ที่ไหน?"

ถึงตอนนี้จะรู้สึกมึนงงแต่อู๋เซียนลี่ก็พอจะจับใจความได้บ้างว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหนสักที่ไม่ใช่กลางถนนแน่นอน การแต่งกายเหมือนหลุดมาจากซีรี่ส์จีนพีเรียดไม่มีผิด ไหนจะคำพูดคำจาของคนตรงหน้าอีก ดูซีรี่ส์มาเยอะ อ่านนิยายมาเพียบ ไม่ใช่ว่าเธอทะลุมิติหรือย้อนเวลามาในยุคอดีตหรอกนะ

"ทะ… ท่านเป็นอันใดไปท่านพี่ นี่ข้าเองอู๋เจีย น้องสาวของท่านและที่นี่ก็คือยอดเขาเซี่ยไป๋อย่างไรเล่า"

"ยอดเขาเซี่ยไป๋?" หญิงสาวถึงกับขมวดคิ้วจนแทบจะพันยุ่งเพราะไม่คุ้นกับชื่อยอดเขานี่เลย

แต่คนเบื้องหน้าบอกว่าเป็นน้องสาวเธอ ไม่สิต้องพูดว่า เป็นน้องสาวของเจ้าของร่างนี้ที่ผีเร่ร่อนแบบเธอมาสิงสู่ถึงจะถูกต้อง จำได้แม่นว่าตัวเองประสบอุบัติเหตุหลับในจนรถพลิกคว่ำและคิดว่าตัวเองตายแล้วแน่นอนเพราะสภาพแบบนั้นไม่น่ารอดได้ แต่ถึงรอดก็น่าจะนอนเป็นผักเสียมากกว่าแล้วจะต่างอะไรกับคนตาย ถ้าเรียบเรียงเหตุการณ์ตอนนี้เหมือนกับว่าตัวเธอมาอยู่ในร่างของใครสักคนหนึ่ง ในยุคยุคหนึ่งของอดีตอันไกลโพ้น อาจจะเป็นการย้อนเวลาแบบในหนังหรือซีรี่ส์หลาย ๆ เรื่อง แต่ไม่มั่นใจว่ายุคไหน เธอเองก็ไม่สันทัดประวัติศาสตร์จีนเท่าไหร่เพราะฉะนั้นไม่ขอสนใจแล้วกัน

ถ้าให้พยายามไล่เรียงเหตุการณ์เพื่อสรุปออกมาในตอนนี้ก็คิดได้เพียงอย่างเดียวว่าทั้งตัวของเธอและเจ้าของร่างนี้อาจจะตายในวันเวลาเดียวกันแค่คนละช่วงเวลาเท่านั้น และพอคำอธิษฐานสุดท้ายที่ตั้งมั่นของเธอว่าอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อเลยส่งผลให้วิญญาณของเธอถูกดูดกลับมายังอดีตเข้ามาสิงร่างของผู้หญิงคนนี้ที่อาจจะตายแล้วเหมือนกันแล้วบังเอิญเส้นเวลาที่ตายมันดันตรงกันพอดีเลยเกิดข้อผิดพลาดทางมิติทับซ้อนเกิดขึ้นก็เป็นได้

ก็พยายามหาข้ออ้างเพื่อให้กำลังใจตัวเองแหละนะ

อย่างน้อยตอนนี้ก็พอจะเข้าใจนิดหน่อย ไม่ได้สติแตก

"ท่านพี่ ท่านเป็นอันใดหรือไม่?" 'อู๋เจีย' ถามขึ้นเมื่อเห็นคนเป็นพี่สาวนิ่งไป เหม่อลอยเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

"อ๋อ ปะ… เปล่า ฉัน เอ๊ย ข้า ข้าไม่เป็นอันใดหรอก" หญิงสาวเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้คนตรงหน้าที่กล่าวอ้างว่าเป็นน้องสาวของเจ้าของร่างนี้ที่ตอนนี้ไม่รู้วิญญาณปลิดปลิวไปไหนแล้ว

ปัญหามันอยู่ที่ว่าเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับร่างนี้เลย

"ขะ… ข้า ข้าจำอันใดไม่ได้เลย" นางแสร้งยกมือขึ้นจับหัวของตนเองคล้ายคนมึนงง

"จำไม่ได้หรือ ไม่ได้แม้กระทั่งข้าหรือ"

"แม้กระทั่งชื่อตนเอง"

อู๋เจียทำหน้าตาเหลอหลาในทันทีเมื่อได้ยินคำที่พี่สาวบอกก่อนจะรีบวิ่งออกไปด้านนอก ตามมาด้วยเสียงตะโกนลั่นที่ร้องเรียกหาหมอ ถ้านางฟังไม่ผิดอะนะ หญิงสาวทิ้งตัวลงนอนบนตั่งเตียงเหมือนเดิมก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างหนักใจเหมือนมีภูเขาคุนหลุนทับอยู่บนอก

ถ้ารู้ว่าตื่นขึ้นมาแล้วเป็นแบบนี้ สู้ยอมตายแล้วไปเกิดใหม่ดีกว่า แล้วแบบนี้จะเอายังไงดีจะต้องแกล้งความจำเสื่อมแบบนี้ตลอดไปเลยเหรอ แต่จะว่าไปร่างใหม่ก็ไฉไลดีนะ ทั้งสวยทั้งสง่างาม ดูท่าจะร่ำรวยเสียด้วยเพราะดูจากข้าวของภายในห้องนี้ ตาดุจเหยี่ยวของนางมองออกทันทีว่าแจกันหยกสลักลวดลายดอกบัวอันนั้นคงราคาสูงลิ่ว ถ้าเอาไปขายจะได้สักเท่าไหร่นะ

 

นับตั้งแต่วันที่ 'อู๋เซียนลี่' ลืมตาตื่นขึ้นมาในร่างของใครก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าชื่อแซ่เดียวกับนางอย่างน่าอัศจรรย์ใจก็ผ่านมาแล้วสามราตรีที่นางเอาแต่นอนเป็นผักอยู่บนตั่งเตียงใหญ่เพื่อคิดทบทวนในเรื่องต่าง ๆ ที่ผ่านมาทั้งหมด ทั้งเรื่องเล่าต่าง ๆ ที่อู๋เจียบอก เอาทุก ๆ อย่างมาเรียงต่อกันจนเริ่มจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว

เดิมทีเจ้าของร่างนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ อาการเป็นตายเท่ากัน ถ้าฟื้นก็รอด ถ้าไม่ฟื้นก็ตาย ไม่ต้องเดาเลยว่าเจ้าของร่างตัวจริงไปไหนเพราะตายแล้วแน่นอน ในเมื่อคนที่ฟื้นขึ้นมามันคือเธอ นี่ก็นอนรอมาสามวันแล้ววิญญาณของเจ้าของร่างที่แท้จริงยังไม่ปรากฏตัวให้เห็นเลย

"เดี๋ยวข้าจะรออีกหนึ่งสัปดาห์ ถ้าเจ้ายังไม่โผล่มาทวงร่างคืน ข้าจะถือว่าร่างนี้ตกเป็นของข้าโดยสมบูรณ์แล้วนะ เกิดข้าพาร่างกายเจ้าไปปู้ยี่ปู้ยำ กระทำเรื่องเสื่อมเสียก็อย่ามากล่าวโทษกันนะ"

นางพูดขึ้นคนเดียวภายในห้องที่เงียบสงัดเผื่อว่าวิญญาณเจ้าของร่างตัวจริงจะอยู่แถวนี้จะได้รับรู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป ถ้ามาทวงคืนก็ยินดีจะให้คืนแต่โดยดีเพราะร่างนี้มันไม่ใช่ของนางตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่มาทวงคืนนางก็จะใช้สอยร่างนี้ให้คุ้มค่ากับการได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งเลยแหละ

"เอาแหละอู๋เซียนลี่ มาใช้ชีวิตใหม่กันเถอะ!"

หลังจากตัดสินใจจะใช้ชีวิตอยู่ในร่างนี้ให้คุ้มค่านางก็จัดการอาบน้ำผลัดผ้าเสียใหม่ สวมใส่อาภรณ์สีน้ำเงินที่ทำจากผ้าไหมเนื้อดี ปักทอลวดลายด้วยดิ้นสีทองดูหรูหราสมฐานะ หญิงสาวเดินสำรวจไปทั่วห้องก่อนจะหยุดลงที่ชั้นวางของที่มีทั้งตำรา ศาสตราวุธ และกล่องน้อยใหญ่มากมายวางอยู่จึงเลือกจะหยิบเอากล่องไม้ใบเล็กใบหนึ่งขึ้นมาดู แต่เมื่อเปิดมันออกก็ต้องตกใจสุดขีดจนทำมันหลุดมือ ดวงตามนุษย์หลุดกลิ้งออกมาจากกล่องชวนให้หวาดผวายามมันจ้องมาทางนางจนต้องรีบถดถอยหนี

"ของสะสมบ้าบออะไรของหล่อนเนี่ย!" นางสถบออกมาอย่างหัวเสียเพราะของสะสมของเจ้าของร่างเก่าช่างพิสดารนัก คนบ้าอะไรสะสมดวงตาเช่นนี้หาใช่ตาปลอมด้วย แต่เป็นตาจริง ๆ เพราะยังมีเส้นเลือดห้อยสอยติดอยู่เลย

"แล้วกล่องอื่นไม่มีตับไตไส้พุงเลยหรือไงกัน"

"เข้ากล่องไปเลยนะ"

นางชี้นิ้วไปที่ดวงตาคู่นั้นพลันก็เกิดสิ่งอัศจรรย์ใจขึ้นเมื่อมีสายพลังไหลออกมาจากนิ้วของนางดันลูกตามนุษย์กลับเข้าไปในกล่องไม้เหมือนเดิมจนหญิงสาวต้องมองนิ้วของตนเองก่อนจะโบกสะบัดไปทางชั้นวางของพลันชั้นทั้งชั้นก็สั่นคลอนขึ้นจนหญิงสาวแย้มยิ้มด้วยความดีใจ

"นี่ข้ามีวรยุทธ์ด้วยหรือ ถึงว่ารู้สึกร่างกายฟื้นตัวเร็วกว่าคนทั่วไปทั้งที่บาดเจ็บหนักขนาดนั้น แต่เพียงแค่สามวันก็รู้สึกเหมือนหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว"

ร่างอรชรลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกมาจากห้องด้วยรอยยิ้มมือก็หมุนวนแล้วปล่อยพลังปราณออกไปด้านหน้าจนต้นไม้ใบหญ้าโอนเอนไปตามกระแสพลังที่พัดผ่าน นางรวบรวมสมาธิของตนอีกครั้งกำหนดลมหายใจเข้าออกก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วเพ่งสมาธิมาที่ฝ่ามือกลั่นสายพลังปราณของตัวเองให้ไหลมารวมกันจุดเดียวแล้วซัดไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างกำแพงมันสั่นไหวก่อนจะตามมาด้วยเสียงลั่นของเนื้อไม้ที่แตกหักออกจากกันแบ่งครึ่งต้นไม้ใหญ่ออกเป็นสองท่อนอย่างง่ายดาย

โครม!

"โอ๊ย!"

ทันทีที่สิ้นเสียงกัมปนาทของต้นไม้ที่หักเป็นสองท่อนก็มีเสียงหนึ่งดังตามมาจนอู๋เซียนลี่ตกใจ รีบวิ่งไปดูยังต้นเสียงในทันทีเพราะมันมาจากทางต้นไม้ที่เธอเพิ่งหักทิ้งไป เมื่อมองเข้าไปก็เห็นว่ามีคนนั่งอยู่ท่ามกลางซากต้นไม้ที่หัวมีเลือดไหลซึมออกมาคล้ายจะได้รับบาดเจ็บ เลือดยังคงสดใหม่ไม่ต้องเดาเลยว่าเกิดจากอะไรและใครเป็นคนทำ

เวร! ไม่ใช่ว่าเป็นฆาตกรฆ่าคนตายแล้วหรอกนะ!

"นี่เจ้าตรงนั้นน่ะ ตายหรือยัง?" นางตะโกนถามเข้าไป

"ท่านหญิงใหญ่! คารวะท่านหญิงใหญ่ขอรับ"

อีกฝ่ายรีบลนลานยกมือขึ้นคารวะอู๋เซียนลี่ในทันที แต่เมื่อมองดี ๆ นางกลับต้องตกใจเพราะผู้ชายตรงหน้าตาบอด มิหนำซ้ำเนื้อตัวยังมีแต่รอยฟกช้ำและรอยแผลอีกต่างหาก

"เกิดอะไรขึ้นท่านพี่ใหญ่" อู๋เจียรีบวิ่งเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงโครมครามแต่เมื่อหันไปเห็นใครอีกคนด้วยก็รีบหันมาทำหน้าดุใส่พี่สาวทันที

"ท่านพี่ใหญ่ ท่านความจำเสื่อม จำผู้ใดมิได้แต่ก็ยังติดนิสัยชอบกลั่นแกล้งทุบตีน้องสามไม่เปลี่ยน"

"ห๊ะ? ขะ… ข้าเนี่ยนะทำร้ายทุบตีเขา" อู๋เซียนลี่ชี้นิ้วไปยังชายตาบอดชุดขาวตรงหน้า

"ท่านอาจจะหลงลืม แต่คนผู้นี้มีชื่อว่าเจียงซิงเยี่ยน ที่ศักดิ์เป็นน้องชายบุญธรรมของเราสองคน เป็นบุตรบุญธรรมของบิดา แต่ว่ากันตามจริง ท่านก็ไม่เคยรับเขาเป็นน้องชาย เขายกน้ำชาให้ท่าน ท่านก็ปัดทิ้งไม่พอยังปาถ้วยชาใส่เขาอีก"

"ห๊ะ?" อู๋เซียนลี่หันกลับไปมองชายตาบอดชุดขาวในทันที ชายคนนี้มีนามว่า 'เจียงซิงเยี่ยน' สินะ แต่นางน่ะหรือจะลงมือทุบตีเขาได้ลงคอ คนพิกลพิการตาบอดเช่นนี้เนี่ยนะ

"ข้าเนี่ยนะจะกลั่นแกล้งทุบตีคนตาบอดเช่นเขา?" นางหันมาถามน้องสาวพร้อมชี้นิ้วเข้าหาตนเอง

"ที่เขาตาบอดเพราะท่านนั่นแหละที่ควักลูกตาเขากับมือ"

"ห๊ะ! ข้าเนี่ยนะ!"

เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจจนร่างอรชรทรุดฮวบลงกับพื้น ดวงตาหงส์หันกลับไปมองชายตาบอดที่มีศักดิ์เป็นน้องบุญธรรมด้วยสายตาละห้อย อยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ทั้งผ้าปิดตา ทั้งรอยฟกช้ำ และบาดแผลบนร่างกายมันตอกย้ำเหลือเกิน ตอกย้ำว่านางทำร้ายทุบตีเขาดั่งคำน้องสาวว่าจริง ๆ

อย่าบอกนะว่าดวงตาที่อยู่ในห้องของนางจะเป็นของเขา พระพุทธองค์ช่วยลูกด้วย! ควักลูกตาเขาไม่พอ ยังเก็บลูกตาเขาทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ทำตกพื้นอีกต่างหาก เชื้อโรคเกาะติดแล้วมั้ง เมื่อหันไปมองน้องชายตาบอดอีกรอบลมหายใจก็เริ่มติดขัด น้ำลายเหนียวหนึบจนกลืนลงคอลำบากก็เจ้าเด็กคนนี้มันตัวใหญ่กว่านางตั้งเยอะ ถ้าเกิดว่าอาฆาตแค้นคิดจะเอาคืนขึ้นมาภายหลัง หญิงสาวบอบบางเช่นนางจะไปสู้อันใดได้