พูดจาอะไรให้รู้จักที่ต่ำที่สูง
“ พี่แทน พี่แทนมาถึงแล้วเหรอคะ หนูคิดถึงที่สุด ”
“ แหม นังรุจี ให้มันน้อย ๆ หน่อยเหอะวะ เป็นผู้เหย้าผู้หญิง มีอย่างที่ไหนมาตะโกนปาว ๆ หน้าบ้านผู้ชายแบบนี้ มันไม่งาม ” ลุงเทิดดุหลานสาว ทว่าเจ้าหล่อนยิ้มเยาะพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“ ตา นี่มันสมัยใหม่แล้ว สิทธิมนุษยชนเท่ากันหมด ไม่มีแบ่งแยกชายหญิง ตาอย่าหัวโบราณไปหน่อยเลย ส่วนพี่แทนเนี่ยก็คนกันเอง เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก มองตาก็รู้ใจไม่ต้องอาย คิดอะไรก็พูดไปตรง ๆ นี่แหละ ”
“ โอ๊ย ข้าจะเป็นลม สอนจนปากจะฉีกถึงหูไม่เคยฟังเลยสักคำ อย่างนี้ล่ะหนา ไอ้ทมกับนางซ่อนกลิ่นมันคงจะปล่อยปละพากันเข้าบ่อนอย่างเดียวล่ะสิ เลยไม่มีเวลากล่อมเกลาเอ็งเลย ”
“ น่ารำคาญจริง ตานี่ ” หล่อนเถียงไม่ลดละ ก่อนที่อะไร ๆ จะวุ่นวายไปกว่านั้น ร่างสูงใหญ่ก็เดินออกจากบ้าน
“ พี่แทน ! ” รุจีร้องเรียกพลางโถมตัวเข้าใส่หมายจะกอดชายหนุ่มให้หายคิดถึง แต่เขารู้ทันเลยดันหัวไหล่ของเธอเอาไว้
“ ว่าไงรุจี ไม่เจอกันนาน สวยขึ้นเยอะเลยนะเรา ”
“ แน่ละสิ ก็น้องสาวคนนี้มีตำแหน่งถึงดาวคณะนิเทศศาสตร์นะ จะไม่สวยได้ไง แถมคนจีบตรึมด้วยนะ ” ชายหนุ่มทำเพียงหัวเราะอยู่ในลำคอ
“ แต่หนูไม่สนใจผู้ชายคนไหนหรอก หนูรอแต่พี่แทนไทคนเดียว ” แทนไททำหน้าเหลอ กระอักกระอ่วนกับการแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งทีเล่นทีจริงของเธอ เขาไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับหล่อนนอกจากฐานะพี่ชายกับน้องสาว แต่รุจีก็นิสัยแบบนี้ เป็นสาวมั่นใจ กล้าคิด กล้าแสดงออกไม่เกรงใครหน้าไหน ไม่เหมือนอีกคน
คนนั้น ที่อ่อนแอ ขี้แย ต้องให้พี่ชายคอยปลอบมาทั้งชีวิตป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างหนอ จะรู้หรือเปล่าว่าพี่ชายมาถึงแล้ว อยากเห็นหน้าเสียเหลือเกิน ...
“ มีของมาฝากหนูหรือเปล่า ” หญิงสาวซักอีกหลังจากเห็นเขาเงียบไป
“ มีสิ แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะเอาไปให้ก็แล้วกัน ตอนนี้อยากขึ้นไปกราบคุณท่านก่อน ”
“ หนูไปด้วย ”
“ ไม่ต้องเลยอีนังหลานนอกคอก ดูทีรึ กระโปรงก็สั้นจนจะปิดตะโพกไม่มิด เสื้อก็หดรัดจนดูไม่ได้ อย่าขึ้นไปให้แปดเปื้อนเรือนคุณท่านเทียว หัดดูอย่างคุณหนูทอฝันเธอบ้าง รายนั้นน่ะเรียบร้อย ไม่เคยผิดระเบียบอะไรเลย ” ลุงเทิดบ่น ผู้เป็นหลานสาวสวนทันควัน
“ นั่นน่ะเกินเรียบร้อย เชยเฉิ่มยิ่งกว่าสาวโบราณ จืดชืดยิ่งกว่าเต้าหู้ร้านเจ๊กเฉิน ”
“ รุจี พูดจาอะไรให้รู้จักที่ต่ำที่สูงบ้างนะ ” นางประนอมเอ่ยปรามเสียงเข้มหลังจากที่เงียบมานาน เธอก็เห็นรุจีมาตั้งแต่เด็ก ได้ช่วยเลี้ยงดู จึงคิดว่าเธอเป็นลูกหลานคนหนึ่ง ด้วยความที่นางเป็นคนเงียบขรึม เอาจริงเอาจัง เมื่อถูกดุเข้าเช่นนั้นหญิงสาวก็หงอลงได้
“ ฉันขอโทษจ้ะป้านอม ”
“ ฟังที่ตาเตือน หากอยากจะขึ้นไปก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มันเรียบร้อยแล้วค่อยตามไป ” นางเอ่ยขึ้นก่อนจะพยักหน้าชวนบุตรชายให้เดินตาม ลุงเทิดเป็นคนที่เดินรั้งท้ายก่อนจะหันมาแขวะหลานสาว
“ แต่ถ้าจะให้ดี ไม่ต้องไปดีที่สุด ข้าไม่อยากให้คนบนเรือนใหญ่ต้องมาวุ่นวายกับกิริยาวาจาไม่ค่อยรู้จักกาลเทศะของเอ็ง ” เล่นเอาหลานสาวยืนกระทืบเท้าเร่า ๆ อยู่ตรงนั้น
“ ตานะตา ทำอย่างกะหนูเป็นคนอื่นคนไกล เข้าข้างมันอยู่ได้ อีคุณหนูปัญญาอ่อนนั่น คำก็มัน สองคำก็มัน เกลียด เกลียดฉิบหายเลยว้อย ! ” เธอพร่ำบ่นด่า พร้อมกับเดินฟาดมือไปกับยอดไม้งามที่ตาเทิดเป็นคนตัดแต่งให้หักเป็นทางไปถือเป็นการระบายอารมณ์และเอาคืนที่ตาเห็นคนอื่นดีกว่าเธอ
เธอยังจำวันแรกที่ตาเทิดไปรับมาจากบ้านนอกแล้วมาอยู่ที่นี่ได้ขึ้นใจ เรือนหลังใหญ่โต ทุกสิ่งอย่างงดงามราวกับสวรรค์ ตาเทิดพาเธอไปกราบคุณท่านผู้หญิงในเรือนใหญ่ ขณะนั้นร่างผอมบางผิวขาวเนียนละเอียดของเด็กผู้หญิงผมยาวสลวยก็วิ่งเข้ามา พร้อมกับจูงมือเด็กชายหน้าตาคมสัน วิ่งหัวเราะหัวใคร่กันมาอย่างสนุกสนาน
“ อ้าว มาพอดีสองพี่น้อง มานี่สิลูก แม่มีเพื่อนใหม่จะแนะนำให้รู้จัก”
รุจีมองเด็กผู้หญิงอย่างไม่พอใจ มันขาวกว่าเธอ สวยกว่าเธอ เสื้อผ้าที่สวมก็อย่างกับเจ้าหญิงในนิทานที่เธอเคยอ่านแต่คนที่เธอพอใจคือพี่ชายคนตัวสูง เขายิ้มให้เธออย่างใจดี
