ทำร้าย ครั้งที่ 6
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูปลุกคุณหนูเล็กให้หลุดออกจากฝันร้าย ตากลมเบิกโตขึ้นทันทีที่ตื่นจากฝัน ภาพเบื้องหน้าคือห้องขนาดเล็กห้องเดียวกันกับที่เขาหลับไป...ไม่ใช่ห้องมืดมิดเหมือนคืนก่อน
"ใจคอจะนอนอย่างเดียวเลยหรอ เป็นคนป่วยก็ควรกินข้าวบ้าง" หมอปลื้มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่ได้ดุด่าอะไร คีย์ขยับตัวลุกนั่งบนเตียง มองคุณหมออีกครั้ง
"ผมคิดว่าผมหายแล้ว"
"แล้ว?" ปลื้มทำหน้างง
"ผมอยากไปเจอพี่คิน"
"ใช่เรื่อง"
"ทำไมล่ะ ผมต้องดูแลเขา หมอบอกว่าหมออ่านบันทึกที่ผมเก็บใส่กระเป๋าแล้วไม่ใช่หรอ? ผมคือน้องชายของเขา และเป็นคนที่จะขึ้นมาดูแลบริษัทนี้ต่อจากพ่อและแม่จริงๆ นะ" ปลื้มกลอกตาไปมา
"ก็มันไม่เกี่ยวกับที่นายบอกว่าอยากไปเจอไอ้คิน"
"นี่กะจะไม่ให้ผมเจอพี่ชายตัวเองเลยงั้นหรอ!" ปลื้มตวัดสายตามองคีย์อีกครั้ง
"ถึงคืนนั้นนายจะไม่เห็นหน้าคิน แต่คินมันเห็นหน้านาย ฉันพาตัวนายออกมาทำให้มันอารมณ์เสีย รู้ไหม ต้องหาคนเข้าห้องมันไปกี่คนเพื่อแทนนาย ถ้านายกลับไปเจอมัน คิดว่ามันจะยอมปล่อยนายอีกงั้นหรอ"
"ผมเป็นน้องชายของเขา ถ้าพี่หมอไปช่วยยืนยัน เขาคงไม่ทำร้ายผมอีก"
"เพื่ออะไร" ปลื้มวางจานข้าวลงบนเตียงข้างๆ คีย์แล้วเอ่ยถาม
"อยากไปหามันขนาดนั้นเพื่ออะไรกันแน่...หรือชอบที่มันทำ?" คีย์ชะงัก
"ผมถูกข่มขืนนะ!!"
"ก็ไม่เห็นนายจะทำตัวเหมือนตัวเองถูกข่มขืนเลยนี่ วันแรกพอตื่นมาก็ถามหาแต่ไอ้คิน ผู้ชายแท้ๆ ที่ถูกผู้ชายด้วยกันข่มขืนมันควรจะมีท่าทีโมโหโกรธแค้นมากกว่านี้ไม่ใช่หรือไง" คีย์นิ่งไป ในอกมันจุกเหมือนถูกบีบไว้แน่น คนตัวเล็กพูดไม่ออกน้ำเสียงสั่นเครือ ยากจะควบคุม
"แต่เขา...เป็นพี่ชาย.."
"รีบๆ หาบ้านอยู่แล้วออกไปเถอะ ถ้าอยากดูแลมันก็ช่วยทำหน้าที่ประธานบริษัทให้ดี ปิดเรื่องที่มันเป็นลูกคนโตเอาไว้ตามที่คุณป้าสั่ง...นั่นคือสิ่งที่นายควรจะทำ" หมอปลื้มเดินออกไปจากห้องเล็กหลังพูดจบ ปล่อยคีย์ให้นั่งเงียบอยู่คนเดียว คล้อยหลังหมอหนุ่มออกไป คุณหนูน้อยก็นั่งน้อยเนื้อต่ำใจบ่นไม่หยุดปาก
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีพี่ชายมาก่อน
แถมยังต้องมาดูแลพี่ชายที่ไม่รู้ว่าป่วยเป็นโรคอะไร
คุณพ่อคุณแม่ก็บอกว่าให้ปิดเรื่องของคินเอาไว้ห้ามให้ใครรู้
แถมพี่ชายก็ยังไม่เชื่อว่าเราเป็นน้องชาย
แล้วยังถูกพี่ชายข่มขืนอีก
ทั้งที่เหลือกันสองคนพี่น้อง ควรที่จะอยู่ดูแลกันและกันไม่ใช่หรือไง...
คีย์บ่นอยู่คนเดียว เหมือนตัวเองต้องรับหน้าที่มากมายในขณะที่พี่ชายไม่ต้องทำงาน ได้บ้านหลังใหญ่ มีหุ้นส่วน มีเงินทองเหลือกินทั้งชีวิต ส่วนตัวเขาต้องตั้งใจเรียนไม่มีเพื่อนสักคนแล้วยังต้องรับหน้าที่ใหญ่หลวงอีก
เป็นพี่ประสาอะไร....
"ทำไมจะต้องไปดูแลคนที่ข่มขืนเราด้วยวะ....ไม่ได้รู้สึกดีรู้สึกชอบด้วยสักหน่อย ต่อให้ไม่ชอบแต่ถูกเล้าโลมขนาดนั้นก็ต้องอ่อนระทวยกันบ้างไม่ใช่หรือไง" คนตัวเล็กนึกถึงสัมผัสในคืนนั้นแล้วพูดออกมา
"ใครจะไปชอบมีอะไรกับผู้ชายวะ ยิ่งเป็นพี่ชายตัวเองอีก โคตรเหี้ย! ไม่ใช่คนแล้ว" สองมือกำเข้าหากันแน่น
"ก็ได้! ไม่อยากให้เจอจะไม่เจอก็ได้ จะไม่มาให้เจอ จะไม่คุย จะไม่ยุ่งด้วยอีกเลยตลอดชีวิต คอยดูดิ คอยดู!"
ฉึบ!
ส้อมในมือจิ้มลงที่แตงโมสีสดแล้วยัดเข้าปากบาง คีย์เคี้ยวแตงโมอย่างโมโหจนแก้มตุ่ยพองโตน่ารักไปหมด
.
.
.
.
"อ๊าาาาาา" เสียงครางความสุขหลังจากปลดปล่อยดังออกมาจากเพื่อนสนิทที่ช่วยตัวเองอยู่บนเตียงโดยไม่อายสายตาเพื่อนอย่างหมอที่นั่งทำงานอยู่ อกแกร่งของคินกระเพื่อมขึ้นลงไปมาหลังจากปลดปล่อยอีกครั้ง
"ทำไมกูต้องมาดูมึงช่วยตัวเองวะ"
"มึงก็ออกไปดิ" คินตอบอย่างไม่ใส่ใจ ปลื้มไม่พูดอะไรก้มมองหน้าจอแล็ปท็อปของตัวเองแล้วทำงานต่อ
"ทำไมวันนี้ฝนไม่ตก หน้าฝนไม่ใช่หรอ"
"พยากรณ์บอกว่าวันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส" ปลื้มบอก
คินเดินไปดูที่หน้าต่าง เปิดม่านเพียงไม่กี่เซนแล้วขมวดคิ้ว
"แจ่มบ้านมึงซิฟ้าครึ้มขนาดนี้"
"เอ้าไอ้ห่า....ก็เขาบอกมานี่หว่า"
"กูอยากให้ฝนตกอีก กูเบื่อแล้ว กูอยาก" ปลื้มเหลือบมองเพื่อนสนิทอีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งปลดปล่อยไป แต่ไม่ได้ทำให้ความอยากของคินลดลงเลย
"เอาคนไหม"
"ไม่ กูกลัวฝนตกแล้วอารมณ์ค้าง" ปลื้มยกยิ้ม ยังยืนยันคำเดิมว่าชอบหน้าฝน คงเป็นฤดูเดียวที่ทำให้เพื่อนสนิทของเขาควบคุมตัวเองได้ หรืออย่างน้อยก็ไม่ต้องไปซื้อบริการจากหญิงสาวพวกนั้นสักพักใหญ่
"เออคิน น้องชายมึงจะออกจากตึกเล็กวันนี้แล้วนะ ได้ยินว่าได้คอนโดใหม่แล้ว"
"กูไม่มีน้องชาย" คินพูดอย่างไม่ใส่ใจ หมอปลื้มหัวเราะเบาๆ
"คีย์มันจะขึ้นมาเป็นประธานบริษัท มึงโอเคหรอ"
"แม่บอกให้มันเป็นก็เป็นไปดิ ถ้าแม่บอกกูจะขัดได้ยังไง" คินก็ยังพูดด้วยท่าทีไม่ได้สนใจเช่นเคย
"แล้วถ้าคีย์มันแค้นที่มึงทำร้ายมันแล้วเอาเรื่องของมึงไปบอกคนอื่นล่ะ" สิ้นคำถามนั้น จากท่าทีของคินที่ไม่ค่อยสนใจมากเท่าไหร่ก็เปลี่ยนเป็นให้ความสนใจทันที ร่างสูงหันมามองเพื่อนสนิท คิ้วหนาเข้มขมวดเข้าหากันแน่น
"ทำไมต้องเอาเรื่องกูไปบอก"
"ก็มึงข่มขืนมัน"
"แม่ส่งมันมาเป็นของขวัญให้กู"
"มึงเข้าใจผิดไปเองต่างหาก"
"มึงจะปล่อยให้มันเอาเรื่องของกูไปพูดอย่างนั้นหรอปลื้ม" ปลื้มชะงัก หมอหนุ่มถอนหายใจ
"กูไม่ปล่อยหรอก แต่กูไม่ได้ควบคุมคนได้นะ ถ้ามันจะบอกมันก็น่าจะมีวิธีของมัน"
"งั้นก็ไปทำยังไงก็ได้ให้มันปิดเรื่องของกูเป็นความลับ กูไม่อยากให้ใครรู้จักกู....กูไม่อยากเจอเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว" ตาคมฉายแววเศร้าทันที ปลื้มไม่รู้ว่าคินหมายถึงอะไร เขาไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทเจออะไรมาบ้างและก็ไม่กล้าจะเอ่ยปากถามด้วย
"อืม...กูจะพยายามจัดการให้" คินพยักหน้า ร่างสูงเดินมานั่งข้างๆ แล้วดึงหมอหนุ่มเข้ามากอดคอ
"มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกูเลยปลื้ม...ไม่ซิ มึงเป็นทุกอย่างในชีวิตของกูเลยนะ...กูคิดไม่ออกเลยว่าถ้าชีวิตของกูขาดมึงไปกูจะทำยังไง" ปลื้มหัวเราะเบาๆ
"ไอ้สัส ขนลุก"
"กูพูดจริงๆ นี่หว่า" คินยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะล้มตัวลงนอนตักปลื้มแล้วค่อยๆ หลับตาลง
"ไหนมึงบอกว่ามึงอยากไง อย่ามานอนเป้าตุงตรงนี้นะไอ้คิน"
"กูเหนื่อยนี่หว่า...ทำให้บ้างดิ"
"ไอ้ห่า" ถึงปากจะด่า แต่หมอหนุ่มก็ทำตามคำขอ ปลื้มวางแล็ปท็อปในมือลงแล้วเอื้อมมือไปจับแก่นกายของเพื่อนสนิทออกมาจากกางเกงชั้นในก่อนจะชักรูดตามความยาวด้วยความเคยชิน คินหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์
หลังถูกปรนเปรอความสุขด้วยมือ ไม่นานคินก็ปลดปล่อยอีกครั้ง หมอหนุ่มผลักเพื่อนสนิทออกจากตักแล้วลุกไปหยิบทิชชูที่หัวเตียงมาเช็ดมือ ในขณะที่คินก็ใส่กางเกงชั้นในแล้วนั่งมองแล็ปท็อปของปลื้มอย่างให้ความสนใจ
"จ้องอะไรวะ"
"มีแต่ตัวอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด"
"ตัวหนังสือไง กูบอกแล้วว่าให้มึงลองหัดอ่านหัดเขียน มึงโตเป็นควายแล้วนะยังอ่านหนังสือไม่ออกอีก" คินมองปลื้มด้วยสายตาปริบๆ
"ไม่เห็นจะสำคัญเลยของแบบนี้...พูดรู้เรื่องก็พอนี่"
"ไอ้ควาย"
"มึงซิควาย"
"เห้อ ทำไมกูต้องมาตีกับคนที่อ่านภาษาบ้านเกิดตัวเองยังไม่ออกแบบมึงด้วยวะ" ปลื้มบ่นอีกครั้ง ร่างสูงนั่งลงข้างเพื่อนสนิท ชี้ไปที่หน้าจอของตัวเองที่แสดงกราฟหุ้นของบริษัทขนส่งระดับประเทศที่พ่อและแม่ของคินเป็นเจ้าของและตอนนี้กำลังจะประกาศประธานบริษัทคนใหม่
"หุ้นแม่งตกฮวบเลย" ปลื้มบอกแล้วชี้ไปที่เส้นสีแดง
"คืออะไร?" คินทำหน้างง
"หลายบริษัทที่จับมือเป็นหุ้นส่วนกับคุณป้า พอรู้ว่าต้องให้เด็กสิบแปดมาบริหาร ใครๆ ก็มั่นใจว่าไม่รอดจะเจ๊งหรือเปล่าก็ไม่รู้"
"มึงฉลาดก็ไปบริหารแทนดิ"
"คิดอะไรควายๆ สมกับที่ไม่เคยได้เรียนหนังสือ กูเรียนหมอมา กูดูกราฟหุ้นเป็น แต่กูบริหารงาน บริหารคนไม่เป็นหรอกนะ ความรู้ด้านนี้ก็ไม่มี"
"ก็เรียนดิ"
"แหม บอกตัวเองก่อนเถอะ หัดอ่านภาษาให้ออกก่อนนะ" คินยักไหล่แล้วหันหน้าหนี กลับมานอนตักปลื้มอีกครั้ง
"ไม่เป็นอะไรหรอก" จู่ๆ คินก็พูดขึ้น
"หือ?"
"แม่กูเก่งมากมึงก็รู้นิ"
"อืม คุณป้าเป็นคนเก่งมากจริงๆ นั่นแหละ..."
"แม่กูไม่เอาคนโง่มาทำงานหรอก ถ้าแม่บอกว่ามันทำได้...เด็กที่ชื่อคีย์ก็คงทำได้จริงๆ" ปลื้มเหลือบมองใบหน้าคมของเพื่อนสนิท ไร้วี่แววว่าพูดเล่น น้ำเสียงเชื่อมั่นของคินทำให้ปลื้มเกิดความสับสนลึกๆ ภายในใจ
"มึง...กำลังคาดหวังกับคีย์หรอ"
"กูก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นน้องชายกูจริงๆ ไหม แต่แม่บอกว่ามันเป็นคนเก่ง มันทำได้ มันดูแลกูได้..
ถึงกูไม่เชื่อใจมัน กูก็ควรเชื่อใจการตัดสินของแม่กู กูคงต้องคาดหวังกับเด็กที่ชื่อคีย์จริงๆ นั่นแหละ"
"คนอย่างมึงคิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องกามๆ ก็เป็นด้วยหรอวะ" คินตีเพื่อนเบาๆ แล้วบ่นงึมงำ
"กูก็คนปกตินะ...ไม่ได้บ้าสักหน่อย"
"คนบ้าไม่พูดว่าตัวเองบ้าหรอก"
"หรอ..." คินค่อยๆ หลับตาลง นึกถึงใบหน้าหวานของเด็กที่ชื่อคีย์ ถึงแม้สายตาของคินจะชินกับความมืดจนมองเห็นหน้าของคีย์ชัดเจน แต่ว่า..
อยากจะเห็นให้ชัดกว่านี้อยู่เหมือนกัน...
100%
#โปรดติดตามตอนต่อไป...
