บทที่ 7 ไม่มีอะไรเหมือนเดิม
“บอสครับ คุณยูกิจะไม่เป็นอะไรจริงเหรอ” ลีวายหันหน้ามองเจ้านายหนุ่มที่พิงหลังกับรถคันหรูด้วยท่าทางสบายอารมณ์ ไม่สะทกสะท้านสักนิดว่าคนข้างในจะเป็นยังไง
“นายเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นเหรอ” นัยน์ตาดำขลับมองลูกน้องคนสนิทด้วยแววตาเย็นชา ทำเอาคนโดนจ้องรู้สึกเย็นสะท้านทั่วทั้งกาย
“เปล่าครับ”
“ไม่ต้องสนใจ รอเฉย ๆ ตรงนี้นี่แหละ” ว่าแล้ว จ้องมองเบื้องหน้าตามเดิมราวกับกำลังรอคอยให้เธอออกมา
หลังจากยูกินะถูกทิ้งให้อยู่กับพวกอันธพาล คนเหล่านั้นพยายามจะลวนลามหญิงสาว ทว่าเธอไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นเด็ดขาด ก่อนจะเกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือด
“เฮ้ย! ฝีมือใช้ได้เลยนี่หว่า” หัวหน้าแก๊งพูดขึ้น ขณะมองดูเหล่าลูกน้องหลายคนนอนสลบคาพื้น
“ถอยไป ถ้าแกยังอยากมีชีวิต” เธอยกมีดที่แย่งมาจากคนพวกนั้นขึ้นมาขู่ด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
“ยอมแพ้เถอะคนสวย” ไม่พูดเปล่า ค่อย ๆ ย่างเท้ามาหาเธอ ยูกินะอาศัยจังหวะนั้นถีบเข้าที่ท้องอีกฝ่ายพร้อมคว้าตัวไว้และนำปลายมีดจี้คอ
“ปล่อยกูนะเว้ยนังบ้า คิดจะทำอะไรของมึงกันแน่”
“บอกให้ลูกน้องของแกวางอาวุธซะ ไม่อย่างนั้นมีดด้ามนี้ปักคอแกแน่” พูดพลางดันปลายมีดเข้าใกล้ลำคออีกคน อีกฝ่ายถึงกับตัวสั่นอย่างหวาดกลัว
“พอเถอะ กูยอมแพ้แล้ว” เอ่ยขึ้นพลางยกมือขึ้นเหนือศีรษะ บ่งบอกได้ว่ายอมจำนนต่อคำพูดของยูกินะ
“สั่งให้คนของแกวางอาวุธซะ แล้วก็ถอยออกไป” เธอเหนื่อยจนไม่สามารถต่อสู้ได้อีกจึงเลือกใช้วิธีนี้
“ไม่ได้ยินเหรอวะ รีบวางอาวุธและถอยไป” ตะคอกใส่เหล่าลูกน้องอย่างเกรี้ยวกราด วินาทีนี้กลัวเหลือเกินจะถูกมีดปักคอจริง ๆ ตามคำพูดของยูกินะ
“อย่ายุ่งกับเขา ไม่อย่างนั้นพวกแกไม่ตายดี” เธอเตือนด้วยความหวังดี เพราะถ้าลูคัสคิดจะลงมือทำจริง ๆ อีกฝ่ายไม่มีทางรอดแน่
“ครับ ๆ”
ยูกินะผลักอีกฝ่ายไปกระแทกพื้นอย่างแรง และแบกร่างไร้เรี่ยวแรงออกจากตึกร้าง ก่อนจะพบกับลูคัสและลีวายยืนอยู่ข้างนอกด้วยท่าทางสบายอกสบายใจ
“ยูกิ” มาเฟียหนุ่มพุ่งไปรับร่างเล็กเข้าสู่อ้อมแขน ก่อนเธอจะทรุดกายลงดั่งคนหมดแรง
“ลูคัสไอ้คนเลว ฉันเกลียดคุณ” สิ้นเสียงหวาน สติของเธอเลือนรางและภาพทั้งหมดก็ตัดไป
“ท่าทางคุณยูกิจะไม่สบายนะครับ หน้าซีดมากเลย”
“รีบพาไปหาหมอเถอะ” เขาช้อนร่างเล็กในท่าเจ้าสาวพร้อมก้าวยาว ๆ ไปขึ้นรถคันหรู
เมื่อมาถึงสถานพยาบาล ยูกินะถูกส่งตัวไปถึงมือแพทย์ ก่อนจะได้รับการรักษาและให้พักฟื้นที่ห้องผู้ป่วยวีไอพี
ลูคัสนั่งเฝ้าคนตัวเล็กข้าง ๆ เตียงไม่ห่างไปไหน ขณะลีวายจ้องมองพฤติกรรมของเจ้านายหนุ่ม ก่อนเอ่ยพูดขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศความเงียบ
“ผมว่าบอสใจร้ายเกินไปนะครับ”
“นายอย่าถูกผู้หญิงคนนี้หลอกสิ จำไม่ได้แล้วเหรอว่าเธอเคยทำอะไรกับฉันบ้าง”
“ถึงยังไงคุณยูกิก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง”
“จะออกไปไหนก็ไปเลยลีวาย ฉันอยากอยู่คนเดียว” เอ่ยบอกลูกน้องคนสนิทอย่างไม่สบอารมณ์
“ครับ” ยอมทำตามคำสั่งง่ายดาย ลีวายหมุนตัวเดินออกจากห้อง โดยทิ้งลูคัสให้อยู่ตามลำพัง
“ไม่ยุติธรรมเลย เธอเป็นฝ่ายหักหลังฉันก่อนแท้ ๆ” ช้อนตามองคนตัวเล็กบนเตียงด้วยความรู้สึกทั้งเกลียดทั้งรัก แต่เสียงในหัวกลับโต้แย้งจนไม่สามารถปล่อยวาง
ใบหน้าคมคายฟุบลงข้าง ๆ คนตัวเล็ก จากนั้นข่มตาหลับลงและนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในอดีต
มือเล็กค่อย ๆ ไขกุญแจเข้าในห้องอย่างระมัดระวัง พยายามทำเสียงให้เบาที่สุด เพราะกลัวเจ้าของห้องจะรู้สึกตัว
“ลูคัส” เธอวิ่งไปสวมกอดคนตัวโตจากด้านหลังด้วยท่าทางดีใจสุดขีด
“มาได้ไงยูกิ” เอี้ยวคอมองคนข้างหลัง เมื่อสักครู่เขาเกือบจะทำร้ายเธอแล้ว โชคดีได้ยินเสียงเสียก่อนก็เลยรู้ว่าเป็นเธอ
“ทำไมมาญี่ปุ่นถึงไม่บอกกันล่ะ นี่ถ้าฉันไม่รู้จากป๊าก็คงจะไม่ได้เจอคุณ” เธอปล่อยคนตัวโตเป็นอิสระและเดินไปประชันหน้ากับเขา ก่อนจะทำหน้าบึ้งตึงใส่อีกฝ่าย
“อย่าบอกนะว่าหนีเรียน แล้วมาหาฉันถึงที่นี่” เขาโน้มหน้าเข้าใกล้เธอด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
“ไม่ใช่สักหน่อย ถ้าคุณไม่อยากเจอฉันก็บอกกันสิ” ผลักคนตรงหน้าออกห่างก่อนตั้งท่าจะเดินไปจากห้อง ทันใดนั้นลูคัสคว้าคนตัวเล็กมากอด
“เข้าใจผิดแล้ว ฉันแค่อยากจะเซอร์ไพรส์เธอเท่านั้น”
“จริงนะ”
มาเฟียหนุ่มไม่ตอบคำถามนั้น เขาประคองใบหน้าสวยขึ้นมาสบตากัน ไม่กี่วินาทีต่อมาค่อย ๆ แนบริมฝีปากหยักลงบนกลีบปากอมชมพู ดูดดื่มอย่างโหยหา
สัมผัสของเขาทำคนตัวเล็กเคลิบเคลิ้ม ปล่อยเรือนร่างให้ผ่อนคลายตามการกระทำของลูคัส
“รักนะ” เขาถอนจูบออกและกระซิบบอกคำหวานข้างใบหูขาวสะอาด คนได้ฟังถึงขั้นหน้าแดงระเรื่อก่อนจะตอบกลับเสียงแผ่ว
“รักเหมือนกันค่ะ”
ลูคัสช้อนร่างเล็กในท่าเจ้าสาวและนำไปวางบนโซฟาตัวหรู ก่อนจะคร่อมเรือนร่างงดงาม ใบหน้าคมคายซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่นอย่างหลงใหล
“อื้อ ลูคัส” มือเล็กยันแผงอกล่ำสันไว้เพื่อต้องการให้อีกคนหยุด ด้วยความกลัวจะเลยเถิดไปมากกว่านี้
“ไม่ได้เหรอ” ส่งสายตาเว้าวอนให้แก่คนใต้ร่าง
“ไม่ได้ค่ะ เอาไว้หลังจากฉันเรียนจบก่อนนะ แล้วเรามาแต่งงานกันนะคะ รอหน่อยได้ไหม”
“ได้สิ” เขาทิ้งตัวนอนลงข้าง ๆ เธอพร้อมดึงยูกินะเข้าสู่วงแขน ไม่วายจูบหน้าผากเกลี้ยงเกลาอย่างรักใคร่
“หลังจากแต่งงานกัน ฉันอยากมีลูก” เอ่ยบอกด้วยแววตาเปล่งประกาย แค่นึกถึงอนาคตวันข้างหน้ารู้สึกมีความสุขมาก
“กี่คนดีล่ะ” รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา
“อยากมีสักสามคนได้ไหม ฉันเป็นลูกคนเดียวเหงามาก อยากให้ลูกของเรามีพี่น้องกันเยอะ ๆ”
“ได้สิ”
“รักที่สุดเลย” ว่าแล้ว ซุกหน้าหวานกับอกกว้างและปิดตาลงสนิท ไออุ่นจากเขาส่งผลให้ยูกินะผล็อยหลับ
ภาพความทรงจำในอดีตเลือนหาย ก่อนเปลือกตาบางจะเบิกขึ้นอย่างเชื่องช้า ดวงตากลมโตสะดุดกับกายแกร่งของเขาที่ฟุบหน้าลงข้างเธอ
“ลูคัส” มือเล็กเอื้อมจับเส้นผมนุ่มของเขาแผ่วเบา
เรื่องราวที่เธอฝันเมื่อสักครู่คือสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ยังคงตราตรึงในใจไม่จางหายซึ่งยากจะลบออกไปง่าย ๆ ต่อให้ปัจจุบันจะไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้วก็ตาม แต่ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขายังคงเดิม
“เป็นยังไงบ้าง” สัมผัสจากฝ่ามือนุ่มนิ่มทำคนตัวโตตื่น ลูคัสลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางมองดูคนบนเตียง
“ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่” กวาดสายตามองรอบห้อง ซึ่งเป็นสถานที่ไม่คุ้นเคยสำหรับเธอก่อนดึงสายตามองเขาอย่างรอฟังคำตอบ
“ใกล้ตายแล้วยังจะถามมากอีก” เสียงทุ้มของเขาเอ่ยบอกอย่างไม่สบอารมณ์ ยูกินะเหลือบมองเขาครู่หนึ่งก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น เนื่องจากไม่อยากสนทนาหรือทะเลาะกับเขา ทั้งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแท้ ๆ
‘ไม่อยากตื่นขึ้นมาเลย’ เอ่ยบอกในใจขณะทอดสายตามองบรรยากาศยามเย็น ที่ท้องฟ้ามืดครึ้มและสายฝนโปรยปรายทำเอาเธอรู้สึกว้าเหว่ยิ่งนัก
ความทรงจำมากมายที่เคยมีร่วมกันกับเขา เธอมีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงมัน ทว่าสิ่งเหล่านั้นก็แค่เรื่องราวที่ผ่านมา จะไม่มีวันกลับมาเป็นดังเดิม
