บทที่ 2 ทรมานกาย
เสียงทรงอำนาจของผู้เป็นนายดังขึ้น ทำให้ลีวายลูกน้องคนสนิทวิ่งขึ้นบันไดไปยังที่หมายอย่างไว หลังรู้ว่ามีมือสังหารพยายามจะลอบฆ่าลูคัส
“บอสครับ เป็นยังไงบ้าง”
“ฉันไม่เป็นไร แล้วจับผู้หญิงคนนั้นได้ไหม”
“ผู้หญิงเหรอ” ลีวายขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันเชิงงุนงง
“คนที่แทงฉันคือยูกิ”
“ไปทำแผลก่อนเถอะครับ ตอนนี้คนของเรากำลังตามหาตัวอยู่” ไม่พูดเปล่า ลีวายพยุงเจ้านายไปทำแผล เพราะกลัวเลือดจะไหลไปมากกว่านี้
ตัดมาทางยูกินะ หลังจากสามารถเอาตัวเองหนีพ้นจากลูกน้องของลูคัสสำเร็จ หญิงสาวจึงมาซ่อนตัวมุมหนึ่งที่ค่อนข้างมืด หากไม่สังเกตดี ๆ ก็ไม่มีใครรู้มีคนอยู่ตรงนี้
“เมื่อกี้เขาจะเจ็บมากไหมนะ”
พออยู่คนเดียวพานให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ลึก ๆ แอบรู้สึกผิดต่อเขาเหลือเกิน ความจริงไม่มีเจตนาจะทำร้ายเขาสักนิด แต่ความจำเป็นไม่สามารถขัดคำสั่งของพ่อ
“มาหลบอยู่ตรงนี้นี่เอง”
“ลูคัส” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึง เมื่อหันหลังไปเห็นอีกคนจ่อปลายกระบอบปืนมายังศีรษะของเธอ
“ไม่เจอกันนานเลยนะยูกิ” พูดพลางส่งสัญญาณให้ลูกน้อง ก่อนคนเหล่านั้นจะรวบตัวหญิงสาว
“ปล่อยฉันนะ” พยายามขัดขืนสุดฤทธิ์
“อยู่เฉย ๆ เถอะยูกิ ถ้าเธอยังอยากมีชีวิต”
“คุณจะทำอะไรฉัน” ใบหน้างามเริ่มซีดเผือด แค่คิดว่าคนที่เธอรักอาจจะลั่นกระสุนใส่กันจริง ๆ
“เธอทำฉันแสบมาก อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ” มือข้างหนึ่งกุมบาดแผลที่พันผ้าลวก ๆ เพราะรีบมาหาหญิงสาว
“ปล่อยนะ”
“ฉันเตือนเธอแล้วนะยูกิ ถ้าไม่อยากตายก็อยู่เฉย ๆ” ปลายนิ้วยาวสั่นเล็กน้อยบนไกปืน ขณะใจเขาต่อสู้กับความแค้นแล่นขึ้นมาทุกวินาที ซึ่งยูกินะข่มตาลงอย่างหวาดกลัว
“พาไปขังซะ แล้วเฝ้าให้ดี ๆ”
“ครับ” ลูกน้องทั้งสองคนน้อมรับคำสั่งผู้เป็นนาย ก่อนจะพาหญิงสาวไปจากตรงนั้น
“สกปรกชะมัดไอ้พวกยากูซ่า ไอ้พวกหมาลอบกัด” นัยน์ตาคมกริบแข็งกร้าว ขณะนึกถึงใครคนหนึ่งที่ทำเอาเคียดแค้นยิ่งนัก เขาอุตส่าห์อยู่อย่างสงบ ไม่วุ่นวายกับคนเหล่านั้นแท้ ๆ แต่พวกมันดันยุ่งกับเขาไม่เลิก
“บอสจะเอายังไงต่อไปดีครับ” ลีวายถามขึ้นอย่างสงสัย
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น” เพราะเขาอยากดูท่าทีคนเหล่านั้น ที่สำคัญไปกว่านั้นเขามีเรื่องต้องสะสางกับยูกินะ
“แล้วคุณยูกิล่ะครับ บอสจะทำยังไงต่อ”
“ปล่อยไว้แบบนั้นแหละ ฝากบอกคนพวกนั้นด้วยห้ามเอาข้าวกับน้ำให้ยูกิเด็ดขาด”
“ครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มรับคำสั่งจากเจ้านายเสร็จ แล้วรีบพาตัวเองไปยังจุดหมายปลายทาง
“ครั้งนี้ฉันจะเอาคืนเธอให้สาสม”
ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่งของคฤหาสน์ ยูกินะถูกลูกน้องของลูคัสโยนเข้าไปในห้องใต้ดิน ที่มืดสนิทจนมองไม่เห็นแสงสว่างสักนิด
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่อยากอยู่ในนี้” มือเรียวทุบประตูถี่รัว เนื่องจากเธอกลัวความมืดเหลือเกิน และเกลียดการถูกขังในห้องแคบ ๆ เพียงลำพัง
เมื่อไม่มีปฏิกิริยาจากคนข้างนอก ยูกินะถึงกับทรุดกายนั่งกองบนพื้น หน้างามซบกับหัวเข่ามนดั่งหมดแรง
ผู้คนมักจะมองว่าเธอเป็นคนเข้มแข็งเพราะเป็นลูกสาวยากูซ่า ทว่าความจริงเธอก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องแสร้งทำตัวเย็นชาเสมอ
“เหนื่อยเหลือเกิน ทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย”
หญิงสาวค่อย ๆ เอนกายนอนลงบนพื้นห้องที่เย็นเฉียบ กลิ่นเหม็นอับในห้องทำเธอหายใจไม่ค่อยสะดวก
หากเธอต้องตายที่นี่จริง ๆ อย่างเดียวที่เป็นห่วงมากที่สุดก็คือแม่ แต่รู้สึกโล่งอกเล็กน้อยเพราะแม่ยังคงมีเมย์ ซึ่งเชื่อว่าอีกฝ่ายจะสามารถดูแลมารดาได้เป็นอย่างดีแน่
“ขอโทษนะแม่ หนูคงกลับไปไม่ได้แล้ว” เปลือกตาบางหย่อนลงอย่างช้า ๆ แม้จะเตรียมใจมาบ้างว่าจะลงเอยเช่นนี้ แต่พอเอาเข้าจริงกลับทำใจยอมรับลำบาก
ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่วันแล้ว ที่ยังคงถูกขังไว้ในห้องไร้แสงสว่าง เธอทั้งรู้สึกหิวและทรมานเหลือเกิน
“เปิดประตูให้ฉันหน่อย ฉันไม่อยากอยู่ในนี้แล้ว” เสียงของเธอเริ่มแผ่วลงเรื่อย ๆ กระทั่งในที่สุดล้มลงคาพื้นห้องเย็นเฉียบ
อีกด้านหนึ่งของประตู กายแกร่งของลูคัสจ้องมองตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่า คาดเดาไม่ได้เลยกำลังคิดอะไรอยู่
“บอสครับ เหมือนเสียงเธอจะเงียบไปแล้ว”
“อืม”
“จะให้เธออยู่ในนั้นอีกนานแค่ไหนเหรอครับ นี่ก็ผ่านมาสองวันแล้ว”
“เปิดประตู” เอ่ยบอกเสียงเรียบแฝงด้วยความดุดัน
ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างชักช้า ทำให้คนที่ใกล้จะหมดสติอย่างยูกินะเผยยิ้มเล็กน้อย ก่อนภาพทั้งหมดจะตัดเข้าสู่ความมืด
“บอสครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มหันมองลูคัส เมื่อปะทะกับร่างอรชรนอนสลบคาพื้นห้อง
“ไปตามหมอมา”
“ครับ” ตอบรับเสร็จ ลีวายทำท่าจะช้อนร่างเล็กของยูกินะเข้าสู่วงแขน แต่ต้องหยุดชะงักกับคำพูดของเจ้านาย
“จะทำอะไร”
“ผมจะพาคุณยูกิออกไปข้างนอก”
“ฉันสั่งให้นายพาผู้หญิงคนนั้นออกไปแล้วเหรอ” เอ่ยถามเสียงเรียบขณะจ้องเขม็งคนตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์
“ยังครับ”
“ตรงนี้ฉันจัดการเอง นายรีบไปตามหมอมาซะ”
“แต่บอสเพิ่งถูกแทงนะครับ ถ้าอุ้มไปเองกลัวว่าแผลจะฉีก” เอ่ยบอกอย่างห่วงใย
“แผลแค่นี้ไม่ทำให้ฉันตายหรอก รีบไปตามหมอมาซะ”
“ครับ” ลีวายไม่อาจขัดคำสั่งของเจ้านายหนุ่ม ยอมทำตามอย่างง่ายดาย
คล้อยหลังของบอดี้การ์ด ลูคัสค่อย ๆ ย่อตัวลงอยู่ระดับเดียวกับหญิงสาว มือใหญ่เอื้อมไปจับปลายคางกลมกลึง
“ทั้งที่เธอเป็นคนพูดเองไม่อยากเจอหน้าฉัน แล้วตอนนี้กลับมาทำไม”
หลายนาทีผ่านไป กว่าเขาจะยอมพาเธอออกจากห้องใต้ดิน แล้วไปยังห้องหนึ่งที่มีเตียงหนานุ่ม แสงสว่างส่องเข้ามาถึง
หลังจากแพทย์เข้ามาตรวจร่างกายของยูกินะเสร็จเรียบร้อย จึงปล่อยลูคัสอยู่กับเธอตามลำพัง ซึ่งชายหนุ่มยังคงนั่งที่เดิมไม่ขยับไปไหน
“อื้อ” หญิงสาวเริ่มรู้สึกตัว จึงเบิกตาขึ้นอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นดวงตากลมโตปะทะกับกายแกร่งของลูคัส เธอรีบเด้งตัวลุกขึ้นพร้อมถอยหลังออกห่าง มือเล็กคว้าโคมไฟหัวเตียงขึ้นมาป้องกันตัว
“ผู้หญิงอย่างเธอน่าสมเพชที่สุด” แสยะยิ้มอย่างเหยียดหยามกับท่าทีของคนตรงหน้า ลูคัสขยับเข้าใกล้คนตัวเล็ก ก่อนจะแย่งโคมไฟจากมือเรียวและกดเธอลงกับที่นอน
“ปล่อยฉันนะลูคัส ไอ้มาเฟียเลว ฉันเกลียด...อุ๊บ” เสียงหวานกลืนหายลงในลำคอ เมื่อถูกจู่โจมด้วยริมฝีปากหยักได้รูป เขาพยายามจะบดขยี้ปากนุ่มให้สาสมกับความคับแค้นในใจ
ยูกินะไม่ยอมให้คนตัวโตย่ำยีตัวเอง เธอกัดปากหนาทีหนึ่งส่งผลให้ลูคัสยอมปล่อยเธอเป็นอิสระ
“โอ๊ย! ทำบ้าอะไรของเธอ”
“ไอ้เลว” จบประโยค เธอง้างมือเล็กตบแก้มสากเต็มแรง จนใบหน้าหล่อเหลาหันไปอีกด้าน
“เฮอะ!” แสยะยิ้มพร้อมกับเอื้อมมือหนาแตะมุมปาก ที่รับรู้ถึงความรู้สึกเค็มปร่าของเลือด
“คุณจะโหดร้ายเกินไปแล้วนะลูคัส”
“แค่นี้ยังน้อยไปสำหรับสิ่งที่เธอทำกับฉัน อย่าคิดนะว่าเข้ามาที่นี่แล้วจะออกไปง่าย ๆ” ลูคัสคว้าข้อมือเล็กขึ้นมาบีบอย่างแรง นัยน์ตาดุดันจ้องหญิงสาวราวกับต้องการขย้ำเธอให้แหลก
“คุณเองก็อย่าคิดนะว่าฉันจะยอมง่าย ๆ เหมือนกัน”
“งั้นก็ลองดู” เขาผลักเธอให้นอนแนบหลังกับที่นอนอีกครั้ง
“จะทำอะไรของคุณ”
“ทำอะไรดีล่ะ มีผู้หญิงสวย ๆ นอนใต้ร่างฉันแบบนี้” สายตาคมกวาดมองทั่วกายสาวอย่างหื่นกระหาย ยูกินะรับรู้ได้ทันทีเขาหมายถึงสิ่งใด
“อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะลูคัส ไม่อย่างนั้นฉันไม่ปล่อยคุณไว้แน่”
“เธอจะทำอะไรฉัน” เขาโน้มหน้าซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่น ตวัดลิ้นสากเลียคอระหงจนเปียกชื้น
“อื้อ” เธอรวบรวมพละกำลังถีบเข้าที่แผลของเขาเต็มแรง ส่งผลให้มาเฟียร้องดังลั่นอย่างเจ็บปวด ทำเอาเลือดไหลซึม
“ยูกิ!!” จ้องเขม็งเธอปานจะกินเลือดกินเนื้อ ขณะเดียวกันเอื้อมมือหนากุมบาดแผล
“ฉันเตือนคุณแล้วนะ”
“โธ่เว้ย!” สบถอย่างหัวเสียก่อนออกจากห้อง ทิ้งยูกินะไว้ตามลำพังโดยไม่ลืมล็อกประตู
