ตอนที่ 11 บาดลึก
แทนที่กลับมาวันนี้จะได้เจอแต่เรื่องดีๆ กลับโดนพี่สาวต่อว่าเป็นการใหญ่ ธีรวัฒน์พาลไม่พอใจไปถึงหญิงสาวอีกคน เจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาภายในห้องนอน บนเตียงขนาดคิงไซส์มีร่างของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนหลับสนิทอยู่ ชายหนุ่มก้าวเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียง การมาของเขาทำให้คนนอนหลับรู้สึกตัวตื่น
“คุณวิน”
“ฉันปลุกเธอหรือไง?”
“เปล่าค่ะ คุณวินเพิ่งกลับมาเหรอคะ” ภัทรสรถามกลับไป อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมวันนี้เขาพูดจาดีผิดปกติ
“นอนต่อเถอะ ฉันจะไปอาบน้ำ” สิ้นเสียงชายหนุ่มก็เดินเลี่ยงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าต่อตา ไร้ซึ่งความอายใดๆ กลับเป็นคนมองที่จำต้องหลบสายตาเมื่อเห็นผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีมีเพียงผ้าเช็ดตัวพันอยู่รอบเอวสอบ
หญิงสาวนั่งอยู่ในท่าเดิมตั้งแต่อีกฝ่ายเดินเข้าไปอาบน้ำ เนื่องจากตอนกลางวันหลับไปเต็มที่ พอตื่นมาครั้งนี้จึงไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้อีก ดวงตากลมเหลือบไปทางหน้าประตูห้องน้ำมองเห็นเรือนร่างเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่มีหยดน้ำเกาะ หน้าอกแข็งแกร่งไร้ไขมันประกอบกับเส้นขนที่ขึ้นอยู่รำไร ดูเซ็กซี่เกินคำบรรยาย
“ทำไมไม่นอนต่อ อย่าบอกนะว่ารอฉัน” ธีรวัฒน์ถามออกไปเมื่อเห็นสายตาที่จับจ้องมาทางตนทุกอิริยาบถไม่ว่าจะเดินไปยังทิศทางไหน
“ไม่ใช่ค่ะ แนนนอนไม่หลับ” หญิงสาวปฏิเสธออกไปทั้งที่เป็นความจริง แม้ว่าจะถูกทำร้ายจิตใจมากแค่ไหน ส่วนลึกก็ยังคงโหยหาความรักจากผู้ชายคนนี้เสมอ
“นอนไม่หลับแล้วอยากทำอะไร” เสียงทุ้มกล่าว สายตาเต็มไปด้วยเลศนัย
“มะ...ไม่ได้อยากทำอะไรนี่คะ” ภัทรสรตอบแบบไม่เต็มเสียงนัก
“วันนี้ฉันเหนื่อย ไม่มีอารมณ์”
“ทุเรศ! แนนไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นนะคะ เกลียดแนนแล้วทำไมต้องมาพูดจาลามกแบบนี้ด้วย” ถ้อยคำต่อว่ามาพร้อมกับความรู้สึกน้อยใจที่ยังไม่จางหายในสิ่งที่เขาทำไว้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
“เกลียดก็ไม่ได้หมายความว่าจะนอนด้วยกันไม่ได้นี่” ธีรวัฒน์กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน สิ่งที่พูดออกมาคือความจริงทั้งนั้น
“ผู้ชายเห็นแก่ตัว”
“เธอว่าใคร หรือเห็นฉันพูดดีด้วยหน่อยแล้วได้ใจ อย่าเข้าใจผิดว่าฉันเกิดหลงรักเธอเข้าล่ะ” ชายหนุ่มพยายามสลัดความคิดบ้าๆ ที่กำลังก่อเกิดทิ้งไป ทั้งๆ ที่ลึกๆ ข้างในบอกว่าเรือนร่างที่ดูมีน้ำมีนวลตรงหน้าปลุกความต้องการในส่วนลึกได้ดีทีเดียว
“แนนเข้าใจดีค่ะ คุณก็ย้ำอยู่ทุกวัน” จะมีวันไหนบ้างที่คนเป็นสามีจะเลิกหาเรื่องทะเลาะกับเธอ
“ดี! รีบนอนได้แล้ว ถ้าลูกฉันไม่แข็งแรงเธอต้องรับผิดชอบ” ว่าที่คุณพ่ออกคำสั่งแล้วจับร่างบางให้ล้มตัวลงไปนอนตามเดิม
“ลูกแนนเหมือนกันนะคะ” ใบหน้าเศร้าสร้อยมองหน้าคนพูดด้วยอาการน้อยใจอีกระลอก
“อย่ามาเถียงอะไรตอนนี้ หลับตาซะ” คำสั่งที่ไร้ความหวานถูกเปล่งออกมา ธีรวัฒน์ยอมรับว่าไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน พอเห็นว่าเธอยอมหลับตาลงจึงล้มตัวลงนอนข้างๆ แต่ก็ยังไม่วายหันหลังให้
“คนบ้า เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจนตามอารมณ์ไม่ทัน” ดวงตากลมมองแผ่นหลังกว้างพร้อมกับพึมพำต่อว่าสามีใจร้ายด้วยรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาเพราะเพิ่งได้ยินถ้อยคำเป็นห่วงเป็นใยครั้งแรก แม้จะฟังดูแล้วเหมือนถูกบังคับมากกว่าเต็มใจก็ตาม
“วิน นี่แกไม่คิดจะพาหนูแนนออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างเลยหรือไง” ธีระถามขึ้นในระหว่างที่เห็นบุตรชายเดินลงมาจากชั้นบนในชุดสูทราคาแพง ช่วงนี้รู้สึกว่าจะขยันทำงานมากเป็นพิเศษ
“พ่อจะให้ผมพาไปไหนครับ ผมมีงานต้องทำ”
“แกไม่ต้องเอางานมาอ้างไอ้วิน พาเมียไปเที่ยวสักอาทิตย์สองอาทิตย์จะเป็นไรไป”
“พ่อจะด่าอะไรผมแต่เช้า ไว้ผมเคลียร์งานเสร็จเมื่อไหร่จะพาลูกสะใภ้สุดที่รักพ่อไปแล้วกันครับ” ชายหนุ่มบอกปัดแล้วรีบเดินเลี่ยงออกไปด้วยความหงุดหงิดที่ถูกผู้ให้กำเนิดต่อว่า และก็ไม่พ้นเรื่องของผู้หญิงคนนั้นทุกที
“สักวันจะรู้สึกไอ้วิน” ชายสูงวัยพูดตามหลังบุตรชายที่ชอบทำท่าทางไม่พอใจทุกครั้งยามที่ตนเองพูดถึงสะใภ้ จนกระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นหญิงสาวที่เพิ่งเดินลงมา
“หนูแนน จะไปไหนล่ะลูก?”
“แนนจะออกไปหาเพื่อนค่ะคุณพ่อ” อยู่แต่บ้านแนนเหงาค่ะ” ภัทรสรตอบพ่อสามีออกไปตามตรง
“พ่อเข้าใจ อย่ากลับดึกล่ะเดี๋ยวเจ้าวินมันจะเป็นห่วง
“ค่ะคุณพ่อ แต่...คุณวินคงไม่เป็นห่วงแนนหรอกค่ะ” ความน้อยใจแล่นเข้ามาหาอีกครั้ง
“อย่าคิดมากเลยนะ เดี๋ยวจะกระทบถึงลูกในท้อง ยังไงพ่อก็รักหนูเหมือนลูกสาว”
“ขอบคุณนะคะคุณพ่อที่เมตตาแนน แนนจะรีบกลับค่ะ” หญิงสาวเอ่ยลา แม้ผู้เป็นสามีจะเย็นชาและรังเกียจสารพัด แต่เธอยังโชคดีทีที่ได้พ่อสามีซึ่งเข้าใจและเป็นห่วงเสมอ
ร้านเสื้อผ้าที่ตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าคือจุดหมายปลายทางของภัทรสร ซึ่งมีเพื่อนสนิทเป็นเจ้าของกิจการ เวลานี้เธอต้องการใครสักคนที่เข้าใจและรับฟังปัญหา ซึ่งเพื่อนรักคนนี้ไม่เคยปฏิเสธสักครั้ง
“แนน แกมาได้ไง” ศศิพิมพ์กล่าวทักทาย นับตั้งแต่อีกฝ่ายแต่งงานไปทั้งคู่ก็แทบไม่ได้เจอหน้ากัน
“พิมพ์ คิดถึงแกจัง” เจ้ข งร่างบางตรงเข้าไปกอดเพื่อนด้วยความคิดถึง
“นึกยังไงถึงมาหาฉันถึงนี่ได้”
“แค่ไม่อยากอยู่บ้าน แล้วเป็นไงบ้าง ลูกค้าเยอะหรือเปล่า”
“ก็เรื่อยๆ นั่นแหละ ช่วงนี้ก็หาเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ๆ เข้ามาเยอะหน่อย” ศศิพิมพ์ตอบเพื่อนด้วยรอยยิ้ม
“จะเอาเงินไปเก็บไว้ไหนจ๊ะ รีบๆ แต่งได้แล้ว เดี๋ยวมีลูกไม่ทันฉันนะ” ภัทรสรแซวเพื่อน ด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายยังไม่พร้อมจะมีใคร
“ยอมให้แกไปก่อนเลยแนน เนื้อคู่ฉันคงยังไม่เกิด” พูดจบสาวโสดก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ที่สำคัญอาจจะเป็นเพราะตนทำตัวเปิ่นๆ อยู่บ่อยๆ เลยไม่ค่อยมีใครเข้าหา
“เอาน่า เดี๋ยวถึงเวลาก็มาเอง”
“แกสบายดีไหม ช่วงนี้ฉันยุ่งๆ เลยไม่ค่อยได้โทรหา”
“สบายดีสิ” หญิงสาวพยายามส่งยิ้มให้เพื่อนสบายใจ แม้ข้างใจจะทุกข์แสนสาหัสก็ตาม
“อยากเห็นหน้าเจ้าตัวเล็กเร็วๆ จังว่าจะหล่อเหมือนพ่อหรือสวยเหมือนแม่” มือเล็กเอื้อมไปลูกหน้าท้องที่ยังแบนราบของเพื่อนไปด้วย
“หน้าเหมือนพ่อไม่ว่า ขออย่าให้นิสัยเหมือนแล้วกัน” ภัทรสรพูดติดตลก อดไม่ได้ที่จะคิดแบบนั้น
“แหม เดี๋ยวพอแกเห็นหน้าลูกก็ใจอ่อนให้พ่อของลูกแน่ๆ”
ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด ระหว่างนั้นเสียงเรียกเข้าจากสมาร์ตโฟนของภัทรสรดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นน้องชายโทรมาเธอจึงรีบกดรับทันที
“จ้ะนพ”
“พี่แนนอยู่ที่บ้านหรือเปล่าครับ เดี๋ยวนพเข้าไปรับ” ปลายสายถามหลังจากตั้งใจจะไปรับพี่สาวออกมาเพื่อผ่อนคลายบ้าง
“พี่ออกมาหาพิมพ์ที่ห้าง…น่ะ”
“นพก็อยู่ที่นี่พอดี ไอ้อาร์มมันชวนมาซื้อของ งั้นเดี๋ยวนพเดินไปหานะครับ” ชื่อของอีกบุคคลทำเอาคนฟังยิ้มออกมา เนื่องจากไม่ได้เจอกับอาทิตย์หรืออาร์มมานาน ชายหนุ่มเปรียบเหมือนน้องชายเธออีกคน ถึงเพื่อน้องชายคนนี้จะไม่ได้มองเธอแบบพี่สาวก็ตาม
“งั้นเดี๋ยวเจอกันนะนพ”
“นพโทรมาเหรอแนน?” ศศิพิมพ์เอ่ยถามหลังจากเพื่อนกดปุ่มวางสายลงเรียบร้อย
“อื้อ...นพบอกว่าจะมาหา อาร์มก็มาด้วยนะ”
“อาร์ม ไอ้เด็กหน้าตี๋ที่แอบชอบแกอ่ะนะ” หญิงสาวทำเสียงสูงเมื่อพูดถึงชายหนุ่มที่เคยตามจีบเพื่อนสนิท
“ดูเรียกเข้า เดี๋ยวอาร์มได้ยินจะน้อยใจเอานะพิมพ์” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับสรรพนามที่เพื่อนใช้เรียกเพื่อนน้องชาย
“พูดเรื่องจริงนี่”
“พี่แนน” เสียงเรียกจากทานด้านหลังส่งผลให้ทั้งคู่หันกลับไปมอง ศิวะมาพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว ใบหน้าหล่อตี๋ตามแบบฉบับดาราวัยรุ่นสมัยนี้เพราะได้เชื้อจากฝั่งพ่อที่เป็นเชื้อสายจีนมาเต็มๆ
“นี่อาร์มใช่ไหมเนี่ย กลับมาคราวนี้พี่จำแทบไม่ได้” จากเมื่อก่อนที่ดูเป็นหนุ่มวัยใส ตอนนี้คนตรงหน้ากลายเป็นหนุ่มหล่อเต็มตัวในสายตา
“แนนสบายดีหรือเปล่า” อาทิตย์ทักทายพี่สาวของเพื่อนด้วยสรรพนามที่สนิทสนม
“สบายดีจ้ะ คราวนี้กลับมากี่วันเหรออาร์ม?”
“อาร์มย้ายกลับมาอยู่ที่นี่แล้วล่ะ พ่ออยากให้อาร์มกลับมาดูแลกิจการแทน” ชายหนุ่มตอบพร้อมส่งรอยยิ้มหวานไปให้ ต่อไปนี้เขาคงได้เห็นหน้าเธอมากขึ้นหลังจากเพิ่งเรียนจบมาทำงานเต็มตัว
“ดีแล้ว พี่ยินดีด้วยนะ”
“ขอบคุณนะแนน แล้วแนนล่ะเป็นยังไงบ้าง อาร์มเพิ่งรู้จากนพว่าแนนแต่งงานแล้ว แล้วก็เอ่อ...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดไว้แค่นั้นด้วยความกลัวว่าจะทำให้คนฟังเสียใจ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือไม่อาจเอ่ยคำพูดที่ทำร้ายจิตใจตัวเองออกไปได้เต็มปาก
“แล้วก็ท้องด้วยใช่ไหม” ภัทรสรต่อคำพูดนั้นอย่างไม่คิดอะไร สักวันทุกคนก็ต้องรู้อยู่ดี เธอมองเห็นดวงตาคมของอีกฝ่ายหม่นหมองลง ก่อนที่ศิวะจะเป็นฝ่ายทำลายบรรยากาศตึงเครียดลง
“พี่แนน นพมารับพี่แนนไปกินข้าวด้วยกัน พี่พิมพ์ด้วยนะครับ”
“ตามสบายเลยนพ พี่ต้องอยู่เช็คของที่ร้านน่ะ ไว้วันหลังนะ” เจ้าของร้านสาวปฏิเสธคำชวน
“น่าเสียดายนะครับที่พี่พิมพ์ไม่ได้ไปด้วย” อาทิตย์แกล้งพูดขึ้นทั้งที่ในใจไม่เคยรู้สึกแบบนั้น ลึกๆ ยังอดเคืองอีกฝ่ายไม่หายที่ชอบกีดกันตนกับพี่สาวของเพื่อนสนิท
“ไว้วันหนังพี่จะไปด้วยจ้ะอาร์ม” ศศิพิมพ์จ้องกลับไปด้วยแววตาท้าทาย คงคิดว่าตนไม่รู้เท่าทันความคิด
“ยินดีเสมอครับ” คิ้วเข้มยักขึ้นหนึ่งข้างเป็นเชิงบอกให้รู้ว่ายินดีทำศึกสงครามด้วยเสมอ
“เดี๋ยวนพขอเข้าห้องน้ำก่อนนะพี่แนน ไอ้อาร์มมึงพาพี่แนนไปที่ร้านก่อน เดี๋ยวกูตามไป” ศิวะสั่งให้เพื่อนล่วงหน้าไปก่อนเนื่องจากต้องการทำธุระส่วนตัว
“พิมพ์ เดี๋ยววันหลังฉันมาหาใหม่นะ” ภัทรสรไม่ลืมหันไปบอกลาเพื่อน
“อื้ม…ไว้เจอกัน”
อาทิตย์พาหญิงสาวข้างกายตรงไปยังร้านอาหารภายในห้องสรรพสินค้า ตลอดเวลาที่ไม่ได้เจอหน้ากันไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงเธอ ยิ่งอีกฝ่ายแต่งงานมีครอบครัวแล้วเขาก็ยังเต็มใจอยากดูแล หลังได้รับรู้จากปากเพื่อนมาว่าผู้เป็นสามีไม่เคยสนใจเธอเท่าที่ควร แถมยังชอบพูดจาทำร้ายจิตใจอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตนเองน่าจะยังมีโอกาสนั้นอยู่
“แนนอยากได้อะไรหรือเปล่า?”
“ไม่หรอกจ้ะ พี่ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร” รอยยิ้มที่ส่งไปให้หวานจนสายตาจากมุมหนึ่งที่มองมายังทั้งคู่กำลังฉายแววแห่งความไม่พอใจชัดเจน
“วิน นั่นใช่แนนหรือเปล่า เห็นท่าทางเรียบร้อย ที่ไหนได้แอบควงผู้ชายมาเดินห้างทั้งๆ ที่ตัวเองท้องอยู่” พิชญดาหันไปจุดอารมณ์ของคนข้างๆ ซึ่งก็ได้ผลดีเกินคาดเมื่อเห็นสายตาและท่าทางของอดีตคนรักซึ่งกำลังมองไปทางผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเมีย
“ฮึ! ปากก็บอกว่าไม่เคยแต่ออกมาระริกระรี้กับผู้ชาย นี่ขนาดท้องลูกฉันอยู่ กลับถึงบ้านเมื่อไหร่ได้เห็นดีกันแน่ ลูกพีชกลับ เดี๋ยวผมไปส่ง” ธีรวัฒน์กัดฟันพูดด้วยอาการไม่พอใจ
“แต่เราเพิ่งมาถึงนะวิน”
“ถ้าไม่กลับผมกลับคนเดียว” สิ้นเสียงร่างสูงใหญ่ก็เดินออกจากบริเวณนั้นทันที ไม่สนใจเสียงของอดีตคนรักที่ตะโกนตามหลังมาด้วยความไม่เข้าใจ เห็นอารมณ์โกรธแล้ว เธอก็เดาได้ไม่ยากว่าชายหนุ่มทำท่าทางไม่ต่างจากอาการหึงหวงผู้หญิงที่เคยบอกว่าไม่รักออกมาโดยไม่รู้ตัว
‘แกไม่มีวันแย่งวินไปจากฉันได้แน่นังแนน’
พิชญดายอมรับว่ากำลังรู้สึกกลัวในสิ่งที่เคยคิดไว้ สุดท้ายอดีตคนรักก็หลงรักเมียนอกคอกนั่นจนได้ แต่อย่าหวังเลยว่าคนอย่างลูกพีชจะยอมง่ายๆ
