ตอนที่ 1 พ่อของลูก
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
“วิน จะรีบไปไหน รอพี่ด้วยสิ” เวรุกาตะโกนเรียกน้องชายซึ่งสาวเท้านำหน้าไปยังบริเวณประตูทางออก ทั้งคู่เพิ่งลงจากเครื่องมาหมาดๆ หลังบิดาส่งไปเป็นตัวแทนประชุมเกี่ยวกับธุรกิจที่ต่างประเทศ
“วิน” หญิงสาวนามว่าพิชญดาหรือลูกพีช รูปร่างสูงโปร่งบวกกับใบหน้าสวยเฉี่ยวทำให้เธอเป็นที่ชื่นชอบและสะดุดตาแก่ผู้พบเห็น เว้นก็แต่เวรุกาที่มองออกว่าคนรักของน้องชายมีนิสัยใจคออย่างไร เห็นเงียบๆ แบบนี้แต่ทว่าข้างใน...ร้ายลึก
“คิดถึงลูกพีชนะ” เจ้าของร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมคายนามว่า ธีรวัฒน์ พัฒนไพบูลย์ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงซึ่งเป็นที่น่าจับตามองในเวลานี้ส่งสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักไปให้หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เธอคือคนรักที่คบหามาตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาโทที่เมืองนอก
“ลูกพีชก็คิดถึงวินเหมือนกันค่ะ” พิชญดาสวมกอดชายคนรักด้วยอาการดีใจ
“แหม...ที่ไม่รอพี่เพราะมีคนมารับถึงที่นี่เอง” เวรุกาส่งค้อนให้น้องชายแบบไม่จริงจังนัก
“พี่วีวี่ สวัสดีค่ะ” คนถูกกล่าวถึงหันไปทักทายผู้มีสถานะเป็นพี่สาวของชายคนรักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“หวัดดีจ้ะ” เวรุกาทักกลับไปอย่างเสียไม่ได้ แม้ภายในใจจะรู้สึกไม่ถูกชะตากับคนรักของน้องชายเท่าไหร่นัก เธอพยายามจะไม่คิดมากเพราะเห็นว่าเป็นคนที่น้องชายรัก
“ลูกพีชว่าเรารีบกลับกันเถอะค่ะ” หญิงสาวเอ่ยชวน ถ้าไม่ใช่คนตรงหน้าเธอก็ไม่อยากจะอยู่นานเท่าไหร่
“ครับ เดี๋ยวผมไปส่งพี่วีวี่ที่บ้านก่อน แล้วค่อยพาลูกพีชไปหาอะไรทานด้วยกัน”
“วินน่ารักที่สุดเลย ลูกพีชกำลังหิวพอดีเลยค่ะ” เวรุการู้สึกหมั่นไส้อาการกระดี๊กระด๊าจนออกนอกหน้าเมื่อน้องชายตนเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ เธอถอนหายใจแล้วพูดออกไปว่า “วินไม่ต้องไปส่งพี่หรอก พี่กลับเองก็ได้”
เจ้าของร่างบางเดินเหม่อลอยอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองหลวงกับปัญหาที่ยังหาทางออกไม่เจอ ทำไมโชคชะตาถึงโหดร้ายกับเธอเหลือเกิน ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูกไม่เคยมาเหลียวแลนับตั้งแต่วันนั้น แม้ไม่ต้องการให้มามีส่วนร่วมรับผิดชอบ แต่ก็ยังอยากถามเขาว่าทำไมทำกับเธอได้ลงคอทั้งๆ ที่ตนเองก็มีคนรักอยู่แล้ว...ที่สำคัญเธอไม่ต้องการเป็นมือที่สามในชีวิตใคร
“คุณวิน” ภัทรสรเรียกชื่อชายหนุ่มเบื้องหน้าเบาๆ ด้วยอาการตกใจ ภาพที่เห็นตอนนี้คือชายหญิงคู่รักด้านในร้านอาหาร คุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ในขณะที่เธอกำลังทุกข์แสนสาหัสเพราะมีเขาเป็นต้นเหตุ
ธีรวัฒน์รู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่กำลังมองมาทางตนเอง แต่พอหันมองไปรอบๆ กลับไม่พบใครที่คุ้นเคย อาจจะเป็นเพราะคิดมากไปเอง
“มองหาใครคะวิน?” พิชญดาถามชายคนรักเมื่อเห็นเขาทำท่าทางแปลกๆ
“ไม่มีอะไรหรอก ผมคิดว่าเจอคนรู้จักน่ะ” ชายหนุ่มปฏิเสธ ไม่อยากให้เธอไม่สบายใจ
“เหรอคะ งั้นทานต่อเถอะค่ะ ยังเหลืออีกหลายอย่างเลย ลูกพีชเสียดาย” เธอพยายามไม่ใส่ใจคำตอบของชายคนรัก แต่ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าเขากำลังโกหก ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ตามที่คิดจะยุ่งกับของรักของเธอ ได้เห็นดีกัน
หลังจากอาหารมื้อนี้สิ้นสุดลงพิชญดารู้สึกว่าเวลาที่ได้เจอกันยังไม่คุ้มค่ากับการที่ปล่อยให้คนรักเดินทางไปต่างประเทศเป็นอาทิตย์ จึงคิดหาวิธีที่จะรั้งให้เขาอยู่ด้วยนานที่สุด
“วิน ลูกพีชยังไม่อยากกลับเลยค่ะ เราไปหาอะไรสนุกๆ ทำกันนะ” หญิงสาวแสดงอาการออดอ้อน ส่งสายตาเชิญชวนเต็มที่
“ไว้วันหลังนะลูกพีช ผมเหนื่อย เดินทางมาหลายชั่วโมง อยากพักผ่อนมากกว่า” ธีรวัฒน์ปฏิเสธ ที่เอาใจโดยการพาเธอออกมาทานข้าวนอกบ้านก็มากพอแล้ว
“งั้นวินไปส่งลูกพีชที่บ้านก่อนนะคะ”
ภาพดังกล่าวทำเอาคนมองสะอื้นไห้ในอก เฝ้ามองดูทั้งคู่ด้วยหัวใจแหลกสลาย ถูกแล้วที่เขาจะรักผู้หญิงคนนั้น เพราะเธอไม่มีอะไรเทียบกับคนรักของเขาได้เลยสักนิด เป็นแค่ผู้หญิงใจง่ายที่ปล่อยตัวปล่อยใจจนตั้งท้อง ใบหน้าเนียนเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ยอมรับอย่างไม่อายว่ารักผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูก อะไรจะเกิดเธอก็ไม่มีวันคิดทำร้ายตัวเองและลูก ความจริงต่างหากคือสิ่งที่ต้องเผชิญ
“แนนรักคุณนะคะ” น้ำเสียงหวานพึมพำตามแผ่นหลังกว้างไปแผ่วเบาจนเปรียบเสมือนเสียงกระซิบผ่านสายลม เธอช่างต่ำต้อยเหลือเกิน แม้แต่หัวใจของเขาก็ไม่มีวันได้ครอบครอง
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก
“พี่วีวี่ ยังไม่นอนใช่ไหมครับ” ธีรวัฒน์ตัดสินใจพูดคุยกับผู้เป็นพี่สาว หลังหวนคิดถึงเหตุการณ์บางอย่าง
“วิน มีอะไรหรือเปล่า นั่งก่อนสิ” เวรุกาเดินมาเปิดประตูและเอ่ยทักน้องชาย ด้วยความที่วัยห่างกันไม่มาก พี่น้องคู่นี้จึงสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กและไม่เคยมีความลับต่อกันแม้แต่เรื่องเดียว
“ผมมีเรื่องอยากปรึกษาครับ” ชายหนุ่มนิ่งไปสักพัก ก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป
“เราไม่เคยมีความลับกันอยู่แล้วนี่ วินก็รู้ อยากเล่าอะไรให้พี่ฟังก็เล่ามาเลย” เจ้าตัวคลายความกังวลให้น้องชายไม่ต้องรู้สึกอึดอัด
“ผมเคยมีอะไรกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ใช่ลูกพีช”
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แล้วพี่รู้จักหรือเปล่า” ทันทีที่น้องชายพูดจบเวรุกาก็เอียงคอถามด้วยความสงสัย ปกติเห็นน้องชายดูรักใคร่หญิงสาวคนรักจนเธอเองยังอดอิจฉาไม่ได้
“ลูกสาวคุณประกิต คนสนิทของพ่อครับพี่วีวี่”
“ตายแล้ว! นี่คุณประกิตรู้เรื่องนี้หรือเปล่าวิน” ความจริงจากปากน้องชายทำเอาเวรุกาตกใจไม่น้อย จำได้ว่าเคยเห็นหญิงสาวคนดังกล่าวไม่กี่ครั้ง หน้าตาน่ารัก ดูเรียบร้อยจนไม่น่าจะตามเล่ห์เหลี่ยมน้องชายเธอทัน
“ผมไม่แน่ใจว่าเธอเล่าให้พ่อฟังหรือเปล่า” เพลย์บอยหนุ่มปรึกษา ถ้าเธอเกิดเรียกร้องและป่าวประกาศขึ้นมา เขาคงผิดใจกับคนรักแน่ๆ
“ถ้าคุณประกิตไม่ได้ถามวิน บางทีอาจจะยังไม่รู้ก็ได้” เวรุกาคาดเดาจากสถานการณ์เพราะบิดาเองก็ยังไม่เคยพูดกับเธอถึงเรื่องนี้
“ผมแค่ไม่อยากให้ลูกพีชรู้” เพราะเขาและเธอกำลังมีความคิดวางแผนเรื่องการแต่งงานในอนาคตข้างหน้า ธีรวัฒน์จึงไม่อยากให้มีเรื่องอะไรมารบกวนจิตใจ
“อย่าเพิ่งคิดมากน่า ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ” มือเล็กเอื้อมไปตบบ่าน้องชายเพื่อให้กำลังใจ
“ครับ งั้นผมไปนอนก่อนนะพี่วีวี่” แม้จะยังไม่รู้ความจริงแต่ก็รู้สึกสบายใจที่ได้ระบายออกไปให้ผู้เป็นพี่สาวได้รับฟัง
“กู๊ดไนท์จ้ะน้องรัก”
“ฝันดีครับ”
ธีรวัฒน์ก้มหน้าก้มตาเซ็นเอกสารตรงหน้าอย่างละเอียด หลังจากเดินทางไปต่างประเทศเป็นเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์ ชายหนุ่มจึงต้องรีบเคลียร์เอกสารที่ค้างอยู่บนโต๊ะออกให้หมด
“คุณวินครับ นี่เอกสารประมูลสินค้าที่ทางบริษัทประมูลมาได้ครับ” ประกิตในอดีตซึ่งเคยได้รับความไว้วางใจจากบิดา บัดนี้ท่านส่งมือขวาที่ไว้ใจมารับช่วงทำงานต่อกับตนหลังบิดาวางมือไปเมื่อปลายปีที่แล้ว และเขาก็รู้สึกได้ว่าชายสูงวัยตรงหน้าให้ความเคารพตนในฐานะเจ้านายไม่ต่างกัน
“ขอบคุณมาก”
“อ้อ...ลูกสาวคุณเป็นยังไงบ้าง เธอสบายดีไหม?” ใบหน้าคมเงยขึ้นมาจากแฟ้มเอกสาร พร้อมเอ่ยถามถึงบุตรสาวคนโตของอีกฝ่าย ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยก้าวเข้ามาเป็นเด็กฝึกงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาของเขาจากถ้อยคำฝากฝังของผู้เป็นบิดา
คำถามที่ได้ยินทำเอาชายสูงวัยชะงักไป เสมือนไปสะกิดแผลใจที่กำลังตกสะเก็ดให้กลายเป็นแผลใหม่ขึ้นมาอีก จะให้ทำใจได้อย่างไรในเมื่อลูกสาวกลายเป็นผู้หญิงที่ท้องไม่มีพ่อ
“อย่าไปพูดถึงลูกเลวๆ แบบนั้นเลยครับคุณวิน” ดวงตาแข็งกร้าวและแฝงไปด้วยความเสียใจของประกิตปรากฏขึ้นพร้อมคำตอบ กรามบดเบียดเข้าหากันด้วยความโกรธอีกครั้งราวกับไฟที่ยังไม่สิ้นเชื้อเพลิง
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” ท่าทางที่เห็นทำให้สงสัยจนอดถามออกไปไม่ได้
“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณวิน ผมคงเครียดไปเอง” หลังจากเกือบหลุดปากพูดบางสิ่งบางอย่างไป ประกิตก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรนำเรื่องน่าขายหน้ามาเล่าให้เจ้านายรับรู้ จึงรีบกล่าวคำลาแล้วเดินออกจากห้องไปทันที
“ทำไมพูดจาแปลกๆ” ธีรวัฒน์มองตามไปด้วยความสงสัย ก่อนจะบอกตัวเองว่าปล่อยให้เป็นเรื่องของพ่อลูก ในเมื่อไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตนสักนิด ที่จริงแล้วไม่ควรเอ่ยปากถามตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ
‘ฉันจะไปสนใจผู้หญิงเชยๆ แบบเธอทำไมภัทรสร’ ธีรวัฒน์คิดในใจ แม้ว่าซอกหลืบหนึ่งของความคิดจะแอบรู้สึกผิดที่เคยข่มเหงรังแกเธอก็ตาม
