บทที่1
หลังจากจัดการเรื่องงานศพของผู้เป็นพ่อและภรรยาใหม่ของท่านแมทธิวก็นำเถ้ากระดูกของทั้งคู่ไปลอยอังคารให้ตามทำเนียมอย่างไม่คิดเกี่ยงงอนว่าอีกคนนั้นจะเป็นคนที่เขาแสนเกลียด สายตาคมเข้มจ้องมองร่างเล็กที่กำลังยืนร้องไห้อย่างหนักกับการสูญเสีย แต่เขากลับไม่มีน้ำตาสักหยด ไม่ใช่เพราะไม่เสียใจ แต่เป็นเพราะเขาชินเสียแล้ว ชินกับการสูญเสียที่ไม่มีวันสิ้นสุด ซึ่งตอนนี้เขาเองก็ไม่เหลือใครเลย ความรู้สึกเงียบเหงาทำให้แมทธิวต้องสร้างกำแพงหนาเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่ตัวของเขาเอง เขาจะอ่อนแอให้ใครได้เห็นอีกมุมหนึ่งไม่ได้เด็ดขาด!
“ช่วยไปบอกเธอทีนะครับนม ว่าผมไม่มีเวลาว่างมายืนรอเธอปรับทุกข์ตลอดทั้งวัน!” เสียงเข้มเอ่ยบอกแม่นมที่ยืนอยู่เคียงข้างเสียงแข็งเมื่อตั้งสติขึ้นมาได้ รู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้เห็นอีกคนทำท่าเหมือนเขาไม่มีตัวตน ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว หล่อนไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นกับเขาเลยสักนิด
“โถคุณแมทคะ ให้เวลาคุณอิงเธอหน่อยเถอะค่ะ เธอไม่เหลือใครแล้วนะคะตอนนี้ อีกอย่างตอนที่นายท่านยังอยู่เห็นจะมีก็แต่คุณอิงนี่แหละค่ะที่คอยดูแลปรนบัติท่านไม่เคยขาด ให้เธอได้ร่ำลาท่านทั้งสองเป็นครั้งสุดท้ายอีกนิดเถอะนะคะ” เมื่อแม่นมเป็นคนขอมีหรือที่ชายหนุ่มจะกล้าขัด แต่เหมือนใครอีกคนที่พวกเขากำลังพูดถึงอยู่จะรู้ตัวเพราะไม่กี่นาทีหลังจากนั้นอุรัสยาก็หันกลับพร้อมทั้งเดินตรงเข้ามาสมทบกันอีกคน
“เสร็จแล้วก็กลับ!” แมทธิวเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้นก่อนร่างกำยำสูงใหญ่จะเดินนำคนทั้งสองไปยังรถคันหรูที่เขาเป็นคนขับมาด้วยตัวเอง
จนกระทั่งเมื่อรถคันหรูมาถึงคฤหาสน์หลังงามอุรัสยาก็รีบเดินลงจากรถก่อนหญิงสาวจะหายขึ้นไปในห้องของตัวเองเพื่อปลดปล่อยน้ำตาที่คั่งค้างอยู่ออกมาจนหมด หนทางข้างหน้าของเธอช่างมืดมนยิ่งนัก หากแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อโชคชะตาฟ้าลิขิตให้ทุกสิ่งมันต้องเป็นเช่นนี้ไป หญิงสาวหมกตัวอยู่ภายในห้องนอนนานจนกระทั่งถึงช่วงเย็นจึงออกมามุ่งหน้าสู่ห้องครัวเพื่อเตรียมตัวช่วยทุกคนทำอาหารเหมือนที่ชอบเข้ามาทำอยู่เป็นประจำทุกวันไม่เคยเกี่ยงงอน
“แกว่าคุณอิงเธอจะยังอยู่ที่นี่ต่อรึเปล่านังแวว!! นี่ถ้าเป็นฉันนะคงไม่หน้าด้านอยู่ต่อหรอก! แม่ตัวรึก็ตายไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปทำไมในเมื่อเจ้าของบ้านตัวจริงเขากลับมาแล้ว แกว่าไหมละ” ทว่าฝีเท้าของเธอกลับหยุดชะงักลงเมื่อได้ยินบทสนทนาของสาวใช้เข้าโดยบังเอิญ ซึ่งทุกๆ คำที่ทั้งสองเอ่ยออกมานั้นมันก็ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่เธอคิดไม่ตกเช่นกัน
“แกก็พูดเกินไป ตอนนี้คุณอิงเธอไม่มีญาติที่ไหนแล้วนะ อีกอย่างตอนตายคุณท่านก็ไม่ได้ยกอะไรเอาไว้ให้เลย น่าสงสารเธอออก”
“สงสารก็สงสารอยู่หรอกแต่คุณแมทคงไม่ชอบใจแน่ๆ ลูกเมียใหม่ของพ่อเชียวนะแก” นั่นสินะ! เจ้าของบ้านคงไม่มีทางชอบใจแน่ๆ หากเธอจะยังคงหน้าด้านอยู่ที่นี่ต่อไป หญิงสาวคิดกับตัวเองก่อนจะตัดสินใจหมุนตัวเตรียมจะเดินหนีแต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนเธอกลับต้องหยุดชะงักเมื่อเจอเข้ากับใครอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังกันอยู่ก่อนแล้วเข้าโดยบังเอิญ ใครบางคนที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าเขามาอยู่ตรงนี้นานสักแค่ไหนแล้วกันแน่
“คุณแมท…” แมทธิวไม่ได้พูดอะไรนอกจากจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า เขาบังเอิญเดินผ่านมาก่อนจะได้ยินทุกๆ คำที่สาวใช้ทั้งสองคนพูด และก็ยังได้เห็นคนถูกนินทาเดินมาได้ยินมันเข้าด้วยเช่นกัน
“ฉันหิวแล้ว! ไปบอกนมให้รีบตั้งโต๊ะให้ที!” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่ได้กลับมาเจอกันก่อนเขาจะหมุนตัวเดินจากกันออกไปไกล
อุรัสยาไม่ได้มานั่งทานข้าวเย็นที่โต๊ะอาหาร นั่นยิ่งสร้างความไม่พอใจแก่คนที่นั่งรอเธออยู่นานสองนานอย่างแมทธิวเป็นอย่างมากเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงรังเกียจที่จะต้องมานั่งทานข้าวร่วมกันกับเขา ทั้งๆ ที่ความรู้สึกเหล่านั้นมันน่าจะเป็นเขาเองเสียมากกว่าที่ต้องรู้สึกรังเกียจลูกของผู้หญิงที่คิดจะมาแทนที่แม่ของเขา แต่ในใจของเขากลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย เขาแยกแยะออกว่าอุรัสยาเองก็คงไม่อยากได้พ่อใหม่เช่นกัน
“อย่าไปโกรธคุณอิงเธอเลยค่ะคุณแมท ปกติแล้วคุณอิงเธอทานข้าวในครัวกับพวกนมค่ะ ไม่ได้มานั่งทานที่เรือนใหญ่นี่หรอกค่ะ” นมอ่อนจำต้องรีบอธิบายเพราะไม่อยากให้คุณชายของนายเข้าใจในตัวของหญิงสาวอีกคนผิดไป ตอนแรกนางเองก็ไม่ค่อยชอบสองแม่ลูกสักเท่าไหร่แต่พอได้รู้จักนิสัยที่แท้จริงของอุรัสยาเข้าจึงได้เปลี่ยนใจ เด็กสาวอยู่ที่นี่แม้จะในสถานะลูกสาวของภรรยาใหม่เจ้าของบ้านแต่กลับเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่เคยถือตัวหรือทำตัวเป็นใหญ่ให้ใครๆ ได้หมั้นไส้เล่นเลยสักครั้ง อีกทั้งยังคอยช่วยเหลืองานบ้านสารพัดอย่างทั้งๆ ที่จะอยู่เฉยๆ ก็ทำได้ตลอด
“ทำไมล่ะครับ”
“คุณอิงเธอเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัวค่ะ อีกอย่างคุณรัศมีเองก็ไม่ชอบให้ลูกสาวเข้ามายุ่มยามที่นี่ด้วย บอกตามตรงนะคะว่านมสงสารคุณอิงเธอเหลือเกิน มีแม่แม่ก็ไม่รักแถมยังชอบดุด่าอยู่บ่อยๆ ทำเหมือนไม่ใช่ลูกของตัวเองก็ไม่ผิด!” มิน่าเล่าถึงได้ชอบทำท่าหวาดกลัวคนอื่นอยู่ตลอดเวลาแบบนั้น ชายหนุ่มคิดตามก่อนจะยอมใจอ่อนไม่เอาเรื่องไป แต่แล้วไม่นานคิ้วหนากลับต้องขมวดขึ้นอักหนยามเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างบอบบางของอุรัสยาที่เดินลงจากชั้นบนพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กในมือที่เธอกอดกระชับมันติดมือลงมาด้วยเอาไว้แน่น
