บทย่อ
"พี่...เต้..." แล้วสิ่งที่น่าเสียใจกว่าการถูกพาตัวมาอยู่กับชายแปลกหน้าในคืนแต่งงานโดยไร้เงาของเจ้าบ่าว ก็คือการได้เห็นว่าคนรักของเธอซึ่งเพิ่งผ่านพิธีแต่งงานมาหมาดๆ กำลังนัวเนียเปลือยร่างอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนนับสิบ!! ทุกคนเปลือยหมด...ทั้งหญิงและชาย บ้างก็กอดจูบกันอย่างดูดดื่มบ้างก็กำลังเสพรักกันอย่างถึงพริกถึงขิงโดยไม่ได้ใส่ใจว่ามันเป็นเรื่องวิปริตผิดศีลธรรม "อะไรกัน...มันคือะไร ฮือๆ" หล่อนปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น ร่างกายอ่อนล้าสิ้นแรงเจ็บชาไปหมด หล่อนเห็น...ปีร์ชากำลังกระแทกกระทั้นตัวเองเข้าหาผู้หญิงคนหนึ่งจากทางด้านหลัง ในขณะที่มีผู้ชายอีกคนนอนรองรับร่างผู้หญิงคนนั้นอยู่ด้านล่างในลักษณะของการเสพสมแบบสองรุมหนึ่ง! และคนอื่นๆ ที่กำลังทำกิจกรรมอันน่าขยะแขยงนั้นอยู่เต็มเตีย ชวนให้รู้สึกราวกับโลกทั้งใบกำลังล่มสลาย... "ออกมาจากทุ่งลาเวนเดอร์ได้แล้วคุณหนู...นี่แหละคือโลกแห่งความจริงของคุณในชีวิต" "ไม่จริง..." ดวงตากลมโตถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางชั้นดีเบิกโพลงด้วยความไม่อยากเชื่อในสิ่งทีเห็นและกำลังจะได้รับรู้ ร้าวรานไปหมดทั้งสรรพางค์ใจ "มันคือเรื่องจริงที่รัก...ว่าที่ผัวของเธอเขามีรสนิยมแบบนี้ และเบื่อพวกผู้หญิงไม่เป็นงาน ผมก็เลยอาสาสอนงานให้คุณยังไงล่ะ" เสียงทุ้มพร่ากระซิบอยู่ข้างกกหู แต่เหมือนโสตประสาทของรัตติกาลจะดับดิ้นไปแล้ว หล่อนนิ่งชะงักงัน ช็อกในสิ่งที่เกิดขึ้น ภาพการเสพสมเยี่ยงสัตว์ไร้สามัญสำนึกพร่ามัว หล่อนอ่อนแรงจนสงกรานต์ไม่ต้องใช้แรงกดเอาไว้อย่างในตอนแรกแล้ว ชายหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนั้น "คุณ...ตกใจมากเลยสินะ..." ใบหน้าคมเข้มตะแคงมอง "..." หล่อนไม่ตอบแต่พิงร่างใช้แผงอกของเขาเป็นที่พำนักอย่างสิ้นหวัง "ทีนี้ก็รูแล้วใช่ไหมว่ามันจะต้องเป็นยังไง....หืม หึ หึ" เรียวลิ้นอุ่นปาดเลียไปตามเนื้อแก้มผ่องอีกครั้งหล่อนเบี่ยงหนีด้วยความรู้สึกขยะแขยงเต็มที แต่เพราะเรี่ยวแรงถูกบั่นทอนเพราะหัวใจมันแตกสิ้นสลายหล่อนจึงขัดขืนเขาไม่ได้แม้แต่น้อย "ฆ่าฉันซะ...อย่าให้ฉันต้องมีชีวิตอดสูแบบนั้นเลย" น้ำเสียงนั้นไม่มีวี่แววความขุ่นโกรธอย่างก่อนหน้า กลับกลายเป็นเสียงแว่วจากความเจ็บปวดชอกช้ำเต็มประดา หล่อนพร้อมที่จะให้เขาปลิดลมหายใจเสียดีกว่า... "ผมไม่ได้มีหน้าที่ฆ่าใคร" "ที่คุณทำอยู่นี่ก็กำลังฆ่าฉันทั้งเป็น" "ด้วยความสุขน่ะเหรอ" ชายหนุ่มยังคงไม่รู้สึกรู้สา "ความโสโครกวิปลาศต่างหาก...คนปกติที่ไหนเขาเป็นแบบนี้!" "เอาล่ะ..." "อื้อ!!" เขาลากหล่อนให้กลับไปยังเตียงนอน หญิงสาวขืนแข็งแต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงเขาได้ ชายหนุ่มปล่อยปล่อยให้ยืนบนพื้นอย่างเต็มตัวแล้วจัดการรูดซิบชุดเจ้าสาวจากทางด้านหลังจนตลอดความยาวในเวลาเพียงเสี้ยววินาที....
บทที่ 1 ตอนที่ 1
ราตรีแห่งสีขาวบริสุทธิ์...รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ คำอวยพรแซ่ซ้องหนาหูท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่นสุขสันต์ สมกับเป็นงานวิวาห์ที่ใครๆ ก็จับตามอง ระหว่างลูกสาวเจ้าของกิจการจิวเวอร์รี่รายใหญ่ของประเทศ กับหนุ่มสกุลผู้ดีในสังคมชั้นสูง
ทั้งคู่เหมาะสมกันในทุกๆ ด้านทั้งฐานะและหน้าที่การงาน เรียกได้ว่าเป็นคู่ขวัญแห่งปีเลยทีเดียว...
"เพิร์ล...แต่งงานแล้วต้องโตเป็นผู้ใหญ่เชื่อฟังพี่เขานะลูก" มืออวบอูมอุ่นสัมผัสจับมือเล็กเรียวงามของบุตรสาวด้วยความรักใคร่ สายตาของผู้เป็นแม่อาวรณ์ยิ่งนัก ทั้งปลื้มปีติ ดีใจ...และเป็นห่วง ยามเมื่อถึงเวลาที่ลูกจะต้องออกเรือนไปสร้างรังเป็นของตัวเองกับคนที่คู่ควร
ดวงตากลมโตกวาดมองญาติพี่น้อง ผองเพื่อนและครอบครัวของเธอที่ดาหน้ากันมายืนส่งด้วยรอยยิ้มยินดี เธอสวมชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ประดับเพชรแท้เกือบทั้งชุด เครื่องประดับครบครันราคาแพงเทียบเท่าคฤหาสน์ก็คงได้
มันไม่แปลก...เมื่อหล่อนเป็นถึงลูกสาวเจ้าของบริษัทจิวเวอร์รี่นำเข้ารายใหญ่ ในวันสำคัญเช่นนี้หล่อนย่อมได้รับการดูแลไม่มีขาดตกบกพร่อง
"ผมจะดูแลน้องเพิร์ลให้ดีที่สุด...รักเธอให้เท่ากับชีวิตของผมเลยครับคุณแม่" เจ้าบ่าวที่ยืนข้างๆ เอื้อมมือไปจับสองมือของแม่ลูกเอาไว้กำกอบแน่นพอประมาณ มองหน้าผู้เป็นแม่ว่าที่ภรรยาแล้วยิ้มอบอุ่นก่อนจะสาดสายตามายังหญิงสาวที่เพิ่งผ่านพิธีวิวาห์มาหมาดๆ
"หนูจะดูแลตัวเองเหมือนกันค่ะคุณแม่ หนูโตแล้ว มีครอบครัวแล้วคุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ..." รัตติกาลหรือเพิร์ลสาวสวยที่สุดในค่ำคืนนี้บอกกับมารดาเสียงสั่นเครือ
ชุดราตรีเจ้าสาวหรูหราฟูฟ่องต้องแรงลมสะบัดพลิ้ว ค่ำคืนที่แสนสุขยามนี้เจือปนบรรยากาศเศร้าประปราย แต่เป็นความเศร้าที่น่ายินดี ไม่ใช่ความเศร้า...ที่น่าขลาดกลัว
"จ้ะ..."
"เพิร์ล...ขอให้รักกันนานๆ นะแก"
"รีบมีหลานให้ฉันนะเว้ย..." เสียงเพื่อนๆ แซ่ซ้องดังขึ้นหลังจากนั้น ปีย์ชาร์เจ้าบ่าววาดวงแขนรั้งร่างเล็กมาโอบเอาไว้แล้วประคองหันหลังเพื่อไปขึ้นรถสปอร์ตหรูและเดินทางไปยังเรือนหอของทั้งคู่ ซึ่งอยู่ไม่ได้ไกลจากโรงแรมที่จัดงานมากนัก และพวกเขาเลือกที่จะไปพักที่นั่นเพียงลำพังในค่ำคืนอันสุดพิเศษนี้ และทุกอย่างได้จัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยหมดแล้ว
"เดินทางดีๆ นะลูกแม่ บอกให้เข้าหอที่โรงแรมก็ไม่ยอม..." รำไพถอนหายใจตามประสาคนหัวโบราณ แต่ก็ไม่ได้ขัดใจอะไรมากด้วยกลัวจะกลายเป็นขัดขวางงานมงคลไปเสีย
เด็กสมัยนี้คิดอะไรแปลกแยกและไม่ค่อยเชื่อถือในขนบธรรมเนียมแต่ดั้งแต่เดิมกันแล้ว
"ขอบคุณค่ะคุณแม่...พรุ่งนี้หนูกับพี่เต้คงจะไปฮันนีมูนกันที่เชียงใหม่เลยค่ะ ไม่อยากให้เสียเวลาเดี๋ยวจะหมดหนาวเสียก่อน"
"อย่าลืมแวะไปทำบุญกันนะ"
"ครับคุณแม่..." ปีย์ชาร์รับปากในขณะที่รำไพยังเดินตามมาสั่งถึงรถ เพื่อนๆ ต่างทยอยกันไปยืนเรียงหน้ากระดานสองข้างทางที่ทอดยาวเข้ามาในโรงแรม
แสงจากสปอร์ทไลท์สาดส่องมายังร่างทั้งสอง เสียงเพลงขับกล่อมในขณะที่พวกเขาเยื้องกรายขึ้นไปนั่งบนรถสปอร์ตเปิดประทุนราคาหลาบสิบล้าน
กลีบกุหลาบสีแดงสีขาวและสีชมพูถูกโยนโปรยเป็นระยะ ฟองลูกโป่งลอยฟุ้งไปทั่ว สะท้อนกับแสงไฟในยามค่ำคืนแล้วสวยงามระยิบระยับแพรวพราว
"ขอให้มีความสุขมากๆ นะเพิร์ล พี่เต้"
"ขอให้มีความสุขนะคะ รักกันนานๆ..." เสียงอวยพรส่งคู่บ่าวสาวในขณะที่รถของพวกเขาเคลื่อนตัวออกจากโรงแรมแห่งนั้น ช่างภาพกดชัตเตอร์รัวเพื่อเก็บความประทับใจนี้เอาไว้ เจ้าสาวแสนสวยโบกมือลาทุกคนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในค่ำคืนที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา นับจากนี้ไปถึงเวลาเริ่มต้นชีวิตใหม่จริงๆ เสียที
เธอกำลังจะสร้างครอบครัวกับผู้ชายแสนดีที่คบหากันมาถึงสามปี ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ ด้วยความที่เป็นมีมารยาทดี นิสัยเอื้ออาทรสมกับการถูกสั่งสอนมาจากสังคมชั้นสูงปีย์ชาร์จึงเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ได้ครอบครองหัวใจเธอ จากจำนวนผู้ชายมากหน้าหลายตาที่เข้ามาพัวพัน และเธอ...ก็ไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครเท่ากับเขาคนนี้

