ต้องผ่านด่านพ่อ
วันนี้มิลินเปิดเทอมวันแรกคนอื่นอาจจะดูตื่นเต้นที่ได้เข้ามหาวิทยาลัยแต่สำหรับมิลินตอนนี้เริ่มรู้สึกกังวลกลัวจะไม่มีเพื่อนแบบที่ผ่านๆ มา
"เป็นอะไรคะคนสวยของแม่ทำไมหน้าตาไม่สดชื่นเลย" กุลธิดาเข้ามาหาลูกสาวถึงในห้องนอนก็เจอลูกสาวคนสวยทำหน้าไม่ค่อยร่าเริงแบบทุกวัน
"แม่ขา หนูกลัวจะไม่มีเพื่อน" มิลินอ้อนกอดเอวบางของผู้เป็นแม่ทันทีที่เห็นแม่เดินเข้ามา
"อย่ากังวลตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มสิคะคนสวยของแม่"
"แต่หนู..." คนตัวเล็กทำหน้าเศร้าสร้อยจะร้องไห้จนคนเป็นแม่ต้องลูบหัวเบาๆ
"ถ้าหนูกังวลพ่อเขาก็จะยิ่งเป็นห่วงนะลูก" มิลินเริ่มคิดตามถ้าเธอมัวแต่กลัวก็จะยิ่งทำให้ผู้เป็นพ่อเป็นห่วงแล้วอาจจะได้เรียนที่บ้านแทนตามความประสงค์ของผู้เป็นพ่อ
"หนูไม่กลัวแล้วก็ได้ค่ะ"
"เก่งมากจ้ะ ไหนยิ้มหวานๆ ก่อนสิลูก" สองแม่ลูกคุยหยอกล้อกันตามประสาผู้หญิง มิลินมักจะมาปรึกษาเรื่องต่างๆ กับผู้เป็นแม่อยู่เสมอจนแทบไม่มีความลับกับแม่เลยก็ว่าได้
ผู้เป็นพ่อเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องนอนของลูกไม่กล้าเข้าไปหาลูกสาว เขากำลังรอลูกสาวเปลี่ยนใจไม่อยากไปเรียนที่มหาวิทยาลัย
"พ่อมาทำอะไรคะ" สองแม่ลูกเดินออกมาพร้อมกันก็เจอกับผู้เป็นพ่อเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้อง
"พ่อ...คือพ่อมาเดินออกกำลังกายน่ะลูก" มอร์แกนทำเป็นยกไม้ยกมือเหมือนออกกำลังกายทำให้กุลธิดาแทบหลุดขำถ้าเขาคิดจะออกกำลังกายจริงๆ ไปห้องออกกำลังจะง่ายเสียกว่า
"งั้นเหรอคะ" ข้อเสียข้อแรกของมิลินคือเชื่อคนง่ายแค่ผู้เป็นพ่อโกหกก็ยังไม่รู้ เธอโตขึ้นมาด้วยครอบครัวที่อบอุ่นจึงไม่แปลกที่จะเชื่อคนง่ายเพราะคิดว่าผู้คนรอบตัวหวังดีกับเธอเหมือนพ่อแม่และน้องชาย
"แต่งตัวเสร็จแล้วใช่มั้ยลูก" มอร์แกนมองสำรวจชุดลูกสาว สายตาสอดส่องหาความผิดปกติพอมองแล้วไม่เปิดไม่โชว์เขาก็โอเค
"เสร็จแล้วค่ะ"
"เดี๋ยวพ่อไปส่งเอง"
"พ่อคะคือว่า..วันนี้อาโรมจะไปส่งหนูค่ะ" มิลินพูดเสียงเบาๆ กลัวผู้เป็นพ่อโกรธ เธอกับโรมันตกลงกันไว้เมื่อวันก่อนว่าจะให้เขาไปส่งเธอซึ่งโรมันก็ยอมตกลง มอร์แกนถึงยืนนิ่งค้างทำตัวไม่ถูก วันแรกที่ตั้งใจจะไปส่งลูกกลับถูกอดีตเลขาตัดหน้าไปเสียได้
"พ่อไม่โกรธหนูใช่มั้ยคะ" คนตัวเล็กทำหน้ารู้สึกผิดพร้อมส่งสายตาปริบๆ เจอลูกอ้อนแบบนี้ใครจะไปโกรธลงกันล่ะ
"ไม่โกรธหรอกลูก ดีแล้วมิลินจะได้ไม่ร้องไห้กลับบ้าน"
"พ่อคะหนูโตแล้วนะคะไม่ร้องไห้แล้ว" มิลินนึกไปถึงตอนเด็กที่เธอเข้าเรียนแรกๆ ยังไม่คุ้นชินพอพ่อไปส่งก็มักจะร้องไห้อยากกลับบ้านทุกที
"ลูกของพ่อโตขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย" ลูกสาวโตขึ้นทุกวันเขาเองก็แก่ตัวลงทุกวัน ภาพหนูน้อยตัวเล็กวิ่งซนรอบบ้านยังคงตราตรึงอยู่ในใจเขาตลอดวันนี้ลูกสาวกลับโตขึ้นจนผิดหูผิดตา
"ใช่ค่ะลูกเราโตแล้วเพราะฉะนั้นคุณต้องเลิกกังวลว่าลูกยังไม่โตได้แล้วนะคะ มิลินอายุ20แล้วค่ะ" กุลธิดาเสริมทัพเธอไม่อยากให้สามีกังวลลูกจนเกินไปกลัวลูกจะเครียด สิ่งเดียวที่มอร์แกนไม่เคยบังคับลูกคือเรื่องการเรียนไม่ว่าลูกๆ อยากเรียนอะไรเขาก็พร้อมจะสนับสนุน ถึงเกรดจะไม่ดีแบบคนอื่นแต่ถ้าลูกเรียนแล้วมีความสุขก็พอแล้ว
"ใช่ครับพ่อโตจนควรมีแฟนแล้ว" มิเกลที่ใส่ชุดนักเรียนเดินออกจากห้องมาได้ยินที่พ่อแม่และพี่สาวคุยกันก็รีบเสริมขึ้น
"ถ้าจะมีแฟนพ่อต้องผ่านด่านพ่อไปให้ได้ก่อน" มอร์แกนไม่บังคับลูกไม่ให้มีแฟนอีกแล้วเพราะเขาลองคิดถึงตัวเองตัวเป็นวัยรุ่น ทุกคนก็ล้วนมีความต้องการทั้งนั้นแต่คนที่จะมาเป็นแฟนลูกสาวของเขาต้องผ่านด่านเขาให้ได้
"งั้นคงเป็นสาวโสดไปถึงอ40 ปี" มิเกลยังคงเอ่ยต่อทำเอามอร์แกนหันไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับลูกชายทันที สองพ่อลูกพากันมวยปล้ำใส่กันจนผู้เป็นแม่ต้องเข้าไปหยิกที่แขนของทั้งคู่ให้หยุด
"เล่นอะไรกันคะโตๆ กันแล้ว คุณก็ชวนลูกเล่นอะไรก็ไม่รู้" นับวันมอร์แกนยิ่งชอบทำตัวเป็นเด็กเขาเมื่อหลายสิบปีก่อนหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
"หนูไปก่อนนะคะ อาโรมคงจะมาแล้ว" คนตัวเล็กกำลังจะวิ่งลงไปด้านล่างแต่ก็ไม่ลืมที่จะหอมแก้มผู้เป็นพ่อและแม่ก่อนจะจุ๊บที่หน้าผากของน้องชายเบาๆ
"ผมโตแล้วนะไม่ต้องจุ๊บแล้วก็ได้" มิเกลเอ่ยเสียงเข้มใบหน้าแดงๆ เขาโตแล้วแต่พี่สาวก็ชอบทำเหมือนเขาเป็นเด็กน้อยอยู่เรื่อย มิลินสะพายกระเป๋าวิ่งไปหาโรมันที่มานั่งคอยก่อนที่ทั้งคู่จะออกไป
