บท
ตั้งค่า

บทที่2. ต่อ

รติมาก้มหลบตาผู้เป็นป้าแอบคิดในใจว่าแววตาคุณพริ้งช่างเหมือนแววตาของนางมารร้ายไม่มีผิด แต่เมื่อนึกถึงว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของเธอและพ่อแม่ของเธอก็รักมันมากเพียงไหน ซ้ำยังมีอีกสี่ชีวิตที่เธอจะต้องใส่ใจ และหากมีโอกาสเธอก็อยากจะดูแลพวกเขาแม้ว่าคนเหล่านั้นจะไม่ใช่ญาติพี่น้อง แต่อย่างน้อยๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้คนเหล่านี้ก็ดูแลเธอมาอย่างดี เธอก็คงจะทอดทิ้งพวกเขาไม่ได้ และหากมีหนทางใดที่จะทำให้คนเหล่านั้นได้กินดีอยู่ดีเธอก็ไม่รีรอที่จะทำมัน

“หากเขาไม่รับแกแทนน้องรตา ก็อย่ากลับมาที่นี่อีก ไสหัวไปให้พ้นเลยนะ จำเอาไว้”.

เสียงคุณพริ้งเสมือนดังอยู่ริมหูบาง มันดังก้อง ชัดเจนจนเธอรู้สึกว่าขนในร่างกายลุกชันเพราะความหวั่นหวาด เธอจะต้องพยายามทำให้เขายอมรับเธอแทนพริมรตาให้ได้ รติมาสูดหายใจลึกๆ เรียกความมั่นใจ

“คุณชาคริตคะ...ได้โปรดเถอะนะคะ น้องมดจะทำหน้าที่แทนพี่รตาทุกอย่าง ได้โปรดรับน้องมดไว้แทนนะคะ”

รติมาแข็งใจเดินมาทรุดนั่งคุกเข่าต่อหน้าคนซึ่งนั่งเฉยราวรูปปั้น และหากเขาเป็นรูปปั้นจริงๆ ก็นับว่าเป็นรูปปั้นที่หล่อเหลาเอาการอยู่แม้จะติดเย็นชาไปบ้างก็ตามที

บ้าจังน้องมดคิดอะไรเนี่ย...เธอเอ็ดตัวเองในใจที่แม้ในขณะที่หวาดกลัวคนตรงหน้าเธอก็ยังแอบชื่นชมเขา

“ทำไมฉันจะต้องเชื่อเธอด้วย”

“ก็...ก็เพราะน้องมด เอ่อ...”

“เงินป้าของเธอก็รับไปแล้ว บ้านของเธออย่างไรมันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน คนพวกนั้นฉันก็ไม่รู้จัก เรื่องของพวกเธอมันไม่เกี่ยวกับฉันเลยสักนิด ฉันไม่จำเป็นต้องสนใจด้วยซ้ำว่าเธอจะอยู่หรือไป และไม่สนด้วยว่าพริมรตาจะมาไหมเพราะฉันนึกอยู่แล้วว่าพวกเธอมันก็เป็นพวกที่มีแต่เปลือก”

ชาคริตเอ่ยออกมาเหมือนนั่งอยู่ในใจเธอ เขารู้ได้อย่างไรกัน รติมาเงยหน้ามองคนตัวสูงอย่างเจ็บช้ำและหวั่นใจว่าเธอจะต้องสูญเสียบ้านและพวกแม่จิตจะต้องลำบาก

“แม้ฉันจะมองไม่เห็นแต่ฉันก็รู้ทุกเรื่องที่ฉันอยากรู้ อย่าคิดว่าจะมาหลอกกันง่ายๆ พวกเธอจะต้องชดใช้ให้ฉันแน่ๆ ไม่ต้องห่วง ออกไปได้แล้ว ฉันไม่อยากรับรู้หรือได้กลิ่นของใครในห้องนี้”

ชาคริตตวาดดังลั่นจนหญิงสาวสะดุ้งด้วยความตกใจ ใบหน้านวลซีดเผือด

“ฉันบอกให้ออกไป!”

รติมาลนลานลุกขึ้นอย่างหวาดกลัวเมื่อร่างสูงหันมา ใบหน้านั้นบึ้งจัด ดูน่ากลัวเหลือเกิน หญิงสาวรีบก้าวออกจากห้องนั้นโดยเร็วแม้เรี่ยวแรงแทบไม่มีจะให้เดิน ความอดสูเจ็บปวดและสูญเสียมากมายไหล่บ่าเข้ามาสู่จิตใจดวงน้อย บ้านที่เป็นสมบัติชิ้นเดียวซึ่งเธอรับรู้ว่ามี บ้านที่พ่อกับแม่ของเธอสร้างขึ้นด้วยความรักก็คงจะถูกคุณพริ้งขายทอดตลาดตามที่พูดไว้อย่างแน่นอน แล้วตอนนี้เธอเองก็ยังกลายเป็นคนไร้บ้านเสียแล้ว เพราะบัดนี้คุณพริ้งได้ปิดรั้วบ้านไม่เปิดต้อนรับเธออีกต่อไป ซ้ำแม่จิตซึ่งติดตามเธอออกมาด้วยนั้นคงต้องลำบากเพราะเธอ...

คุณประเสริฐบอกกับเธอว่าเจ้านายของเขาใจดีเห็นทีคุณประเสริฐคงหลอกให้เธอตารยใจเสียกระมัง เพราะที่เธอได้เจอเขาเมื่อครู่ เธอไม่ได้รู้สึกหรือสัมผัสกับความใจดีของเขาแม้แต่น้อย หญิงสาวคิดอย่างทดท้อ

“เป็นอย่างไรบ้างคะคุณหนู” แม่จิตซึ่งนั่งรออยู่ในห้องรับแขกปรี่เข้ามาหาเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล ในขณะที่รติมาส่ายหน้าช้าๆ อย่างสิ้นหวัง

“ไม่เป็นไรนะคะ คุณหนูยังมีแม่จิต เราไปอยู่บ้านนอกกัน ที่นั่นแม่จิตยังมีที่ทางพอได้ทำมาหากินแม้มันจะแปลงเล็กๆ แค่ไม่กี่งาน แล้วแม่จิตก็ยังคงมีเงินเก็บบ้าง ไม่ต้องกลัวนะคะ”

หญิงชราเอ่ยอย่างอารี ลูบหลังลูบไหล่ผู้ที่นางเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยด้วยความรักสุดหัวใจ

“น้องมดละอายใจเหลือเกิน ที่แม้จะเรียนจบมีปริญญาติดตัวแต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ น้องมดนี่มันไร้ค่าไม่มีประโยชน์ อย่างที่คุณป้าว่าจริงๆ”

“ไม่เลยค่ะ คุณหนูของแม่จิตมีค่าเสมอ อย่าคิดแบบนั้นสิคะ” นางปลอบเบาๆ

“แม่จิตขา เราจะทำอย่างไรกันดี บ้านของน้องมดจะต้องถูกขายทอดตลาดแน่ๆ แม้แต่สมบัติชิ้นเดียวของพ่อแม่ที่มีอยู่น้องมดก็รักษาไว้ไม่ได้ น้องมดเป็นลูกที่แย่เหลือเกิน” หญิงสาวเอ่ยออกมาทั้งน้ำตา

“มันไม่ใช่ความผิดของคุณหนูนี่คะ เงินทองข้าวของนั้นล้วนแต่หาใหม่ได้ค่ะ เชื่อเถอะค่ะว่าคนอย่างคุณพริ้งไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองลำบากหรอก คนเห็นแก่ตัวแบบนั้นทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสุขสบาย คนอื่นจะทุกข์อย่างไรก็ช่างหัว”

“คุณป้าบอกว่าหากน้องมดทำไม่สำเร็จจะเอาบ้านไปจำนองแล้วก็จะหาบ้านใหม่อยู่กันแค่คนในครอบครัว แล้วถ้าหากบ้านถูกยึด แล้วคุณป้าไปอยู่บ้านหลังใหม่จริงๆ พวกพี่จอย พี่จุ๊บแจง พี่แสงก็ต้องลำบากด้วยเพราะต้องตกงาน น้องมดห่วงพวกพี่ๆ มากกว่า”

“โถ คุณหนูของแม่จิต ยังมีแก่ใจห่วงคนอื่น...”

แม่จิตโอบกอดร่างบางไว้อย่างแสนรัก รติมานั้นเป็นคนจิตใจดีและเห็นอกเห็นใจคนอื่นเสมอ ดูเอาเถิดตัวเองก็ยังจะเอาไม่รอดยังมีแก่ใจห่วงคนอื่นๆ

“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปคะ” แม่จิตถามขึ้นเมื่อหญิงสาวเช็ดน้ำตาหยดสุดท้ายแห้งเหือดจากใบหน้านวล

“เราก็คงต้องไปค่ะ เขาไม่ยอมให้น้องมดอยู่แทนพี่รตา”

“ช่างเถอะค่ะ ก็ดีแล้วนี่คะ เราไม่ได้เป็นคนก่อเรื่อง ก็ไม่จำเป็นต้องยอมรับผิดแทนใคร”

“แต่น้องมดก็ยังหวังว่าให้เขาอยากให้น้องมดอยู่แทน เพราะเราก็เป็นฝ่ายผิด เราทำให้เขาตาบอดนะคะ ถึงแม้ว่าน้องมดจะไม่ได้เป็นคนสร้างปัญหานี้ขึ้น แต่คุณป้ากับพี่รตาต้องลำบากแน่ๆ หากเขาปฏิเสธน้องมด”

“ยังจะห่วงคนใจร้ายพวกนั้นอีก”

แม่จิตกล่าวอย่างอัดอั้น รติมาดูจะห่วงใยทุกคนจนนำพาเรื่องร้ายๆ มาสู่ตัว แต่นางก็รู้ว่ารติมารู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ เธอรักทุกคน แม้สองแม่ลูกคู่นั้นจะร้ายกาจกับเธอและนางเองก็ไม่เคยสอนให้เธอโกรธหรือเกลียดใคร ที่พูดไปอย่างนั้นก็แค่อัดอั้นใจเท่านั้นเอง

“ก็น้องมดสงสารเขานี่คะ หากเขายอมรับให้น้องมดอยู่แทน บ้านก็ยังคงเป็นของเรา และน้องมดจะหาทางไถ่คืนบ้านจากเขาในสักวันหนึ่ง แต่ตอนนี้เราหมดหวังแล้ว เราไปกันเถอะค่ะ..”

หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแห้งระโหย ร่างบางซึ่งกำลังลุกขึ้นจากพื้นก็พลันเซถลา พร้อมกับสติที่ดับวูบไม่ทันได้ยินเสียงกรีดร้องตกใจของแม่จิต..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel