พิศวาสร้อนประติมากรยอดรัก

140.0K · จบแล้ว
หงส์ จันรัญจวน
84
บท
3.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ชาคริต ประติมาไพบูลย์ ประติมากรหนุ่มรูปหล่อต้องตกอยู่ในโลกมืดจากความประมาทของหญิงสาวเสเพลคนหนึ่ง และเขาก็ต้องการให้เธอมารับปิดชอบการกระทำของตนด้วยการให้มาดูแลเขา แต่แล้วคนที่ถูกส่งมากลับกลายเป็นหญิงสาวอีกคน ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจมากแต่ด้วยคำขอร้องของทนายผู้เสมือนญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ ทำให้เขาจำต้องให้ รติมา อรุณวลัย ดูแลเขาแทน ความอ่อนโยนและเอาใจใส่ของเธอทำให้ใจกระด้างของเขาเอนเอียง และเมื่อได้สัมผัสร่างงามด้วยความไม่ตั้งใจซึ่งแม้มองไม่เห็นก็ทำให้เขาร้อนไปทั้งกายความปรารถนาที่พลุ่งพล่านจนยากจะระงับ เขาจึงหาทางให้เธอมาใกล้ชิด ด้วยการปั้น ทรวงอัปสรา... ประติมากรรมอันเป็นสัญลักษณ์ของโรงปั้นอันลือชื่อ ทรวงอัปสรา รูปปั้นนางอัปสราอันงดงามจึงเป็นสื่อที่ทำให้ความรักของพวกเขางอกงาม และเร่าร้อน... จนยากจะห้ามใจ เพราะเธอจะต้องเปลือยกายให้เขาลูบไล้แทนการมองด้วยสายตา... ประติมากรรูปงามจะทำเช่นไรให้มดตัวเล็กๆ เช่นเธอ อยู่กับเขาตลอดไป...

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบัน

บทนำ

โครมมม เพล้งงง! เสียงข้าวของหล่นแตกกระจายพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนราวกับสัตว์บาดที่พยายามจะดิ้นรนออกจากบ่วงแร้วของนายพรานดังก้องไปทั้งบริเวณคฤหาสน์หลังงาม...

“ออกไป๊! ออกไป.. ฉันไม่อยากรับรู้ว่าใครอยู่ตรงนี้ทั้งนั้น หยุด แล้วไม่ต้องมามองฉันแบบสมเพชเวทนาอย่างนั้น ออกไปให้หมด ออกไปๆ”

เสียงห้าวด้วยโทสะดังออกมาจากริมฝีปากหยักสวยราวสตรีของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มนั้นประกอบด้วยใบหน้าเรียวได้รูป จมูกโด่งคมสันรับกับริมฝีปากหยักสวยได้รูปนั้นบิดเบ้สั่นระริก แต่ไม่มีใครได้เห็นแววตาของเขาเพราะถูกพันปิดไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวสะอาดที่พันรอบศีรษะทุยสวย ร่างสูงทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง เมื่อเสียงฝีเท้าที่ทั้งเดินและวิ่งวุ่นวายพร้อมกับเสียงร้องวี้ดว้ายของผู้หญิงดังขึ้นด้วยจริตจนน่ารังเกียจในความคิดของเขานั้นเงียบลง

“ฉันจะต้องไม่ทนทุกข์ทรมานเพียงคนเดียว คนที่ทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้ต้องชดใช้...”

“เอ่อ คุณชาคริตครับ ผมมาแล้วครับ”

เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นทำให้ร่างที่นั่งคุดคู้อยู่กับพื้นหันมาตามเสียงแต่สีหน้านั้นก็ยังดูหงุดหงิดและเกรี้ยวกราดอยู่ แม้ไม่เห็นใบหน้าทั้งหมดของเขาผู้มาใหม่ก็พอรู้ได้ว่า หากดวงตาซึ่งถูกผ้าพันไว้นั้นเผยออกมาอย่างเป็นปรกติ มันคงลุกโพรงด้วยเพลิงโทสะที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเข้าใกล้เขา ชาคริต ประติมาไพบูลย์

“ผมต้องการให้ผู้หญิงคนนั้นชดใช้อย่างสาสม”

“เอ่อ แต่ว่า...”

“ผมหวังว่าคุณจะทำให้ผมได้ หรือว่าพอผมมองไม่เห็นคุณก็จะทอดทิ้งผมไปอีกคน”

“ไม่หรอกครับ ผมไม่มีวันทิ้งคุณคริสหรอกครับและคุณคริสก็แค่มองไม่เห็นชั่วคราวเท่านั้นนะครับ”

“นี่คือคำปลอบใจที่ผมไม่อยากได้ยิน” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“เอาเป็นว่า ผมจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อคุณ”

คุณประเสริฐ บริรักษ์ ทนายและเลขาคนสนิทซึ่งอยู่กับเขามาเนิ่นนานจนเหมือนญาติสนิทเพียงคนเดียวที่ชาคริตมีอยู่พูดออกมาแผ่วเบาทว่าหนักแน่น

ชายวัยกลางคนมองดูผู้เป็นนายด้วยความรู้สึกตีบตันเขาเข้าใจดีว่าชาคริตเจ็บปวดเพียงใด ดวงตาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่าห้าสิบปีมองชายหนุ่มซึ่งเขารักเหมือนบุตรชายด้วยความสงสารจับใจและเจ็บปวด แต่ชาคริตคงเจ็บปวดมากกว่าเขาหลายร้อยเท่านัก..

“ผมจะจัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุด คุณคริสวางใจเถิดครับ..”

คุณประเสริฐกลับไปแล้วแต่ร่างสูงยังคงยืนนิ่ง ใบหน้าคมกระด้าง ชายหนุ่มนึกถึงคืนแห่งความเลวร้ายแล้วก็นึกคับแค้นใจผู้หญิงคนนั้น

พริมรตา ผู้หญิงที่ทำให้เขาต้องอยู่ในโลกมืดเพราะความสำมะเลเทเมาของเธอ เขารู้จักเธอดีเพราะหญิงสาวสวยในสังคมผู้มีอันจะกินพริมรตานับว่าสวยสะดุดตาเสน่ห์แรงคนหนึ่งหากแต่เขาไม่เคยคิดพิศวาสผู้หญิงเช่นเธอ

คืนวันนั้นเขาขับรถกลับจากโคราชเพราะไปควบคุมดูแลการก่อสร้างโรงปั้นชาครียาระหว่างทางกลับกรุงเทพฯ เกิดฝนตกหนักและถนนช่วงที่เขาขับรถมาถึงนั้นก็ลาดชันและเป็นหุบเหวแม้ไม่ลึกนักแต่หากเกิดอุบัติเหตุรถตกลงไปก็อาจจะถึงแก่ชีวิตได้ และตรงช่วงนี้นี่เองเขาก็พบว่ามีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งตามหลังมาแต่ลักษณะของการขับขี่ของผู้อยู่บนรถนั้นดูจะไม่มั่นคงซ้ำยังเปิดไฟสูงทำให้เป็นอุปสรรค์ในการขับขี่ของผู้ร่วมทาง และทันใดนั้นเองรถยนต์คันนั้นก็พุ่งตรงมายังรถของเขาด้วยความเร็วที่เหมือนคนขับไม่สามารถควบคุมได้แล้วก็ชนรถของเขาเต็มแรงเสียงโลหะกระทบกันดังสนั่นท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำ รถคันนั้นไถลไปบนท้องถนนที่ไร้รถสัญจรยามดึกสงัดแล้วจอดแน่นิ่งเหมือนโชคเข้าข้าง ส่วนรถของเขานั้นเสียหลักพุ่งลงข้างทางที่เป็นที่ลาดชันและเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่เขาสามารถประคองรถได้เพียงไม่กี่วินาทีก็พ่ายแพ้ให้แก่สภาพพื้นที่ที่เลวร้าย...

เขาได้ยินเพียงเสียงระเบิดดังสนั่นและความรู้สึกที่เหมือนใครเอาค้อนมาทุบศีรษะแรงๆ และเมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบเพียงความมืดมน