บทที่ 2
“ถ้วยนี้มันผิดพลาดทางเทคนิค เดี๋ยวมินขอทำอีกถ้วยเดียวนะคะ รับรองถ้วยนี้อร่อยชัวร์”
“ต่อให้ทำจนเครื่องปรุงหมดตู้ รสชาติมันก็คงเป็นเหมือนในถ้วยตรงหน้าเรานั่นแหละ อร่อยจนกินไม่ลง ดูจากหน้าทุกคนก็คงรู้” นิรัชหันไปมองหน้าทุกคนในครัว ที่ส่งยิ้มแห้งๆ มายังเขาพร้อมกับพยักหน้ารับนิดๆ
“พี่ใจร้าย” นีรชาแยกเขี้ยวให้นิรัชที่พูดซะตรงไม่ถนอมน้ำใจน้องกันบ้างเลย แม้ท่าทางเหมือนจะโกรธแต่นีรชาก็ไม่เคยโกรธนิรัชแต่อย่างใด เหล่าพนักงานทุกคนต่างก็รู้ดีว่าสองพี่น้องนี้รักกันมากแค่ไหน บางครั้งแม้อาหารที่นีรชาทำนั้นจะไม่อร่อยแต่คนที่ทานจนหมดคือนิรัช
“ออกจากครัวได้แล้ว พี่มีงานให้มินทำ”
“อะไรคะ” ดวงตากลมโตของนีรชามองไปยังพี่ชาย เพราะตั้งแต่เรียนจบปริญญามาเธอนั้นเข้ามาช่วยงานที่นี่ตลอด ซึ่งนิรัชก็ให้เธอทำงานเพื่อเพิ่มประสบการณ์จริงให้มากขึ้น วันไหนที่เธอเรียนรู้งานได้มากพอนิรัชอาจมอบหมายงานที่สำคัญมากกว่านี้ให้รับผิดชอบก็เป็นได้
“ออกไปประชุมกับพี่ข้างนอก เร็วเข้าเดี๋ยวไม่ทัน ลูกค้ารออยู่”
“หลับแน่ยายมิน” เสียงบ่นกระปอดกระแปดของนีรชาดังขึ้น ถึงจะอยากเรียนรู้งานให้มากแต่การเข้าประชุมกับลูกค้า คืองานที่เธอไม่ค่อยจะชอบสักเท่าไหร่เลยจริงๆ
“เมื่อกี้เราพูดว่าอะไรนะ” นิรัชได้ยินคำพูดของนีรชาเมื่อครู่แล้ว แต่แกล้งที่จะถามไปเท่านั้นเอง ซึ่งคนเป็นน้องก็รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธทันที
“เปล่าค่ะ”
“เปล่าก็รีบไปล้างไม้ล้างมือ จะได้ออกไปกัน”
“ค่ะๆ” นีรชาส่งยิ้มแห้งๆ ให้พี่ชาย ก่อนจะรีบล้างไม้ล้างมือแล้วตามนิรัชออกไป เย็นนี้ค่อยเข้ามาใหม่เพราะเวลานั้นอาจารย์ของเธอคงว่างพอที่จะสอนและชิมอาหารจากฝีมือลูกศิษย์หัวไวคนนี้ นีรชายิ้มกับตัวเอง เธอมีความสุขกับการได้ทำอาหารโดยลืมคิดถึงคนชิมไปเสียสนิทว่าอาหารที่เธอทำนั้นจะอร่อยถูกปากพวกเขาไหม
เมื่อนีรชากลับออกไปแล้ว บรรดาพนักงานในห้องครัวทั้งเชฟ ผู้ช่วยเชฟและอื่นๆ ต่างพากันถอนหายใจออกมาดังเฮือกใหญ่ พวกเขาลงความคิดอย่างเป็นเอกฉันท์ไม่มีใครเป็นฝ่ายค้านแม้แต่เสียงเดียว มติคือ นีรชานั้นเหมาะกับการเป็นผู้บริหารมากที่สุดอย่าเข้าครัวเลย สาธุ
“เราเนี่ยนะ ชอบทำอาหารแต่ฝีมือไม่ได้เรื่อง” พูดไปนิรัชมักก็ส่ายหัวให้น้องสาวคนเดียวของเขา
“ก็มินกำลังฝึกฝนอยู่นี่ไงค่ะพี่”
“กี่ปีมาแล้วที่พี่ได้ยินแบบนี้”
“อืม... ก็แค่สี่ห้าปีเอง” นีรชานับนิ้วตัวเองเพราะเธอจำได้ว่าฝากตัวเป็นศิษย์กับเชฟเฉินตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย แต่เพราะเรียนหนักจึงไม่ได้เรียนทำอาหารอย่างจริงจังมากเท่าตอนนี้ที่จบและคว้าใบปริญญามานอนกอดได้แล้ว
เพราะมารดาทำอาหารอร่อยมากบวกกับครอบครัวมีธุรกิจด้านโรงแรมและเรือสำราญ นีรชาจึงมีความฝันมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าอยากเป็นเชฟที่ทุกคนติดใจในรสชาติอาหารที่เธอได้ปรุงได้ทำ และได้เห็นได้ทานอาหารอร่อยๆ จากเชฟเฉินมาตั้งแต่ยังจำความได้ด้วยแล้ว นีรชาก็ยิ่งทิ้งความฝันไม่ได้ แต่อีกหน้าที่ของเธอคือการขึ้นเป็นผู้บริหารบริหารงานของครอบครัวด้วยเช่นกัน นีรชาจึงเรียนบริหารธุรกิจด้านการจัดการโรงแรมและท่องเที่ยว พอจบมาก็สานความฝันของตัวเองต่ออย่างไม่ลังเล
นีรชารู้ว่าเชฟเฉินนั้นเก่งเรื่องการทำอาหารชนิดหาตัวจับยาก ดัดแปลงสูตรและเมนูอาหารได้เป็นร้อยๆ ชนิด มีคนจะซื้อตัวเชฟให้ไปทำงานด้วยก็หลายคนแต่เชฟกลับเลือกที่จะอยู่ที่โรงแรมครอบครัวเธอ โดยให้เหตุผลว่าผูกพัน ส่วนนิรัชนั้นเปิดโอกาสให้นีรชาได้ลองทำทุกอย่าง ถ้าหากวันไหนนีรชารู้ใจตัวเองว่าชอบอะไร แม้จะเป็นเรื่องการทำอาหารชายหนุ่มก็จะสนับสนุนน้องอย่างเต็มกำลัง แต่ก็ไม่วายพูดให้น้องสาวหมดกำลังใจ
“เรียนทำอาหารกับเชฟเฉินมาตั้งห้าปี แต่รสชาติอาหารฝีมือเราก็ยังไม่เป็นสับปะรด”
“ของแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป การทำอาหารต้องใจเย็นและละเอียดอ่อน ไม่งั้นจะไม่อร่อย” น้องสาวเอ่ยเถียงข้างๆ คูๆ ส่วนคนฟังส่ายหน้าให้อีกครั้งก่อนจะลูบศีรษะของนีรชาไปมาด้วยความเอ็นดู
“พี่ล่ะสงสารแฟนเราในอนาคตจริงๆ มีหวังท้องเสีย ท้องผูก เข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นแน่ ถ้าต้องกินขอาหารที่เราทำทุกวัน”
“เชอะ...ถ้ามินยังทำอาหารจนพี่ แม่ เชฟเฉิน หรือแม้แต่ทุกคนชมว่าอร่อยไม่ได้ มินจะไม่แต่งงานเด็ดขาด” ความตั้งมั่นของนีรชาทำให้คนฟังแอบยิ้ม ก่อนจะพูดเสริม
“เดี๋ยวพี่สร้างคานให้ รับรองอยู่นานและถาวรแน่”
“พี่แมน” นีรชาเท้าสะเอวมองหน้านิรัชที่ยิ้มกว้างมีความสุขกับการแกล้งแหย่น้องสาวให้งอนแก้มป่องได้แบบนี้
“พี่พูดผิดตรงไหน เอานะๆ ถ้าผู้ชายที่แสนจะโชคดีคนนั้นมีจริง เดี๋ยวพี่ทำประกันชีวิตไว้ให้” พูดจบนิรัชก็หัวเราะออกมา ประโยคแรกๆ คล้ายจะดีแต่ลงท้ายทะแม่งๆ จนนีรชาแยกเขี้ยวโชว์ฟันขาวที่เรียงเป็นแถวให้คนเป็นพี่ไปอีกรอบ แกล้งเธอล่ะไม่มีใครเกินนิรัช
“พี่บ้า ไม่คุยด้วยแล้ว” นีรชางอนตุ๊บป่องเดินไปยังรถที่จอดอยู่หน้าโรงแรม ซึ่งมีเลขาของนิรัชยืนรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อขึ้นรถครบทั้งหมดจึงเดินทางไปประชุมทันที เพราะอีกไม่กี่วันทริปเรือสำราญจะถูกจัดขึ้น และบุคคลสำคัญหลายคนจะร่วมเดินทางไปด้วย
ทริปเรือสำราญครั้งนี้ไม่ใช่แค่ทริปท่องเที่ยวรอบโลกธรรมดาทั่วไป เพราะนักธุรกิจใหญ่ท่านหนึ่งจะจัดแสดงผลงานศิลปะให้ผู้ที่สนใจได้ชื่นชมด้วย ซึ่งศิลปะเล่านั้นล้วนเป็นของสะสมของท่านเอง งานครั้งนี้จะถูกจัดขึ้นบนเรือที่กำลังแล่นอยู่กลางทะเล รายละเอียดในการดำเนินงานจึงต้องถูกวางแผนและจัดขึ้นเป็นอย่างดี ห้ามไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆ ทั้งเรื่องความปลอดภัยของผู้ร่วมทริปและศิลปะ เพราะแขกที่ได้รับเชิญไปชมงานศิลปะและท่องเที่ยวไปในตัวคือกลุ่มคนที่เพียงเอ่ยชื่อก็ต้องร้องอ๋อกันทั้งประเทศ
