พิศวาสรักคาสโนวา

96.0K · จบแล้ว
วรนิษฐา
63
บท
4.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขาหล่อ มีเสน่ห์ น่าหลงใหล แต่ภายใต้ความน่าหลงใหลนั้นก็แฝงความแพรวพราว ที่แสนร้ายกาจ นั่นทำให้นีรชาตั้งแง่กับดาราหนุ่ม ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ไม่ถูกต้องในสายตาของเธอเสมอ ยิ่งรู้ว่าเธอไม่ชอบตนเอง พชรก็ยิ่งตามตอแยก่อกวนนีรชา ทำให้เธอหงุดหงิดและหวั่นไหวแปลกๆ

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักประธานดารารักแรกพบพระเอกเก่งฟินๆโรแมนติกรักหวานๆ

บทที่ 1

เสียงดังของมีดที่กระทบกับเขียงหรืออะไรซักอย่าง ดังกึกก้องและต่อเนื่องมาจากตำแหน่งครัวของโรงแรมชื่อดังระดับห้าดาว เหล่าพนักงานในห้องครัวทั้งเชฟผู้ช่วยเชฟและคนอื่นๆ ต่างพากันเอาใจช่วยหญิงสาวรูปร่างบอบบาง ที่กำลังง่วนอยู่กับการปรุงอาหารตรงหน้าเตา

ปุก ปุก

ปัง ปัง

โป๊ก โป๊ก

เพล้งงงงง

เสียงสุดท้ายแทบจะไม่ต้องเดาว่าคือเสียงอะไร เพราะต้นเหตุของเสียงคือจานเซรามิคใบสวยที่ถูกแม่ครัวหัวป่ามือสมัครเล่นเผลอทำหล่นกระแทกกับพื้นห้องครัวจนแตก เศษจานกระจัดกระจายไปทุกทิศ

“อุ๊ย! ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ” เสียงของ นีรชา พัชรพิบูรณ์พล หรือที่หลายคนเรียกติดปากด้วยชื่อเล่นว่ามิน สาวสวยอายุ 21 ปี ทายาทคนเล็กของธุรกิจโรงแรมและเรือสำราญดังเอ่ยขึ้นพร้อมหน้าเจื่อนๆ ยอมรับผิดที่เธอทำจานแตกเป็นใบที่เท่าไหร่ก็ลืมนับ

นีรชานั้นจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านบริหาร แต่ความหวังสูงสุดของเธอคืออยากเป็นเชฟที่มีรสมือเป็นเลิศ เป็นตำนานของเชฟที่ถูกเอ่ยถึง จึงหมั่นเข้าไปศึกษาหาความรู้จากเชฟเฉิน เชฟชื่อดังที่มีฝีมือการทำอาหารนั้นนีรชายกให้เป็นปรมาจารย์ เชฟเฉินเป็นเชฟของโรงแรมที่นีรชามอบตัวเองให้เป็นศิษย์และมาเรียนรู้เทคนิคเรื่องทำอาหารอย่างสม่ำเสมอ

รวมทั้งยังยื่นเรื่องขอเข้าเรียนด้านการประกอบอาหารถึงอิตาลี และเธอได้ไปสอบมาเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือคือการรอฟังคำประกาศผล ขณะรอก็เข้ามาฝึกปรือฝีมือให้ชำนาญ แต่ความที่ไม่ค่อยมีพรสวรรค์เรื่องเข้าครัวสักเท่าไหร่ จึงทำให้นีรชามักทำนั่นนี่แตกเป็นประจำอย่างเช่นวันนี้

“คุณมิน ไม่ต้องเก็บค่ะ เดี๋ยวพวกเราทำเอง” เสียงของผู้ช่วยเชฟดังขึ้น พวกเขาชินกับการมาของนีรชา ชินเสียงเขียง เสียงมีด และเสียงอุปกรณ์ประทบกันรวมไปถึงเสียงจานแตก

“ขอบใจจ้ะ” เสียงใสๆ ของนีรชาเอ่ยรับ ก่อนจะหมุนตัวกลับไปหน้าเตา น้ำในหม้อกำลังเดือดปุดๆ อยู่ มือบางหยิบนั่นนี่ใส่เมนูต้มยำกุ้งตามสูตรที่ได้ร่ำเรียนมา วันนี้เธอมาโรงแรมแต่เช้ามาถึงก็หมกตัวอยู่ในครัว ซ้อมฝีมือการทำอาหารอย่างขะมักเขม้น ซึ่งมุมหนึ่งในครัวได้ถูกนีรชาจับจองเป็นของตัวเองเรียบร้อย

ผ่านไปเกือบห้านาที เสียงปรบมือของนีรชาก็ดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง บ่งบอกว่าเมนูของเธอวันนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แต่ทุกคนในครัวพากันสะดุ้งไปเป็นแถบๆ จากนั้นขนเส้นเล็กๆ ของพวกเขาก็พร้อมเพรียงกันตั้งชัน

“เสร็จแล้ว ทุกคนมาชิมให้มินหน่อยนะ” คำสั่งของนีรชาคือคำเด็ดขาด เพราะเธอเป็นถึงทายาทของโรงแรมที่พวกเขาทำงานอยู่ ทุกคนในห้องครัวต่างมองหน้ากันไปมากระพริบตาปริบๆ ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการเกี่ยงกึ่งเถียง

“ป้าไปก่อน”

“ไปพร้อมกัน” นี่คือประโยคที่บ่งบอกว่าทุกคนแสนจะยินดีและเต็มใจชิมอาหารเมนูที่นีรชาทำ เพราะล้วนแต่เกี่ยงและผลักกันให้เดินไปข้างหน้า

“มาทุกคนนั่นแหละ วันนี้อร่อยนะ มินรับประกัน” เจ้าของเมนูต้มยำกุ้งแม่น้ำน้ำข้นส่งยิ้มหวานให้ พร้อมกับประโยคที่แสนจะมั่นใจตามเคย เมื่อเป็นคำสั่งเหล่าพนักงานก็ต้องทำตาม ทุกคนหยิบช้อนขึ้นมาเป็นอาวุธและเดินเรียงแถวไปชิมอาหารที่วางอยู่ตรงหน้านีรชาด้วยหน้าตาขื่นขมแต่พูดไม่ได้

คนที่หนึ่ง คนที่สอง คนที่สามและกระทั่งถึงคนสุดท้ายต่างได้ชิมเมนูต้มยำกุ้งแม่น้ำน้ำข้นฝีมือของนีรชากันชนิดครบทุกคน ถ้าไม่ท้องเสียก็คงดี ถ้าแสบท้องก็ค่อยหายาทาน แต่ตอนนี้พวกเขาตาแดงก่ำราวกับจะร้องไห้ ทั้งคำชมหรือคำตินั้นนีรชายังไม่ได้ยินแม้แต่คำเดียว เธอจึงโมเมเอาเองว่าอร่อย

“ทุกคนทำหน้าแบบนี้ อร่อยใช่ไหม”

“ค่ะ/ครับ” ถ้าอยากทำงานที่นี่ต่อพวกเขามีสิทธิ์พูดได้เพียงคำนี้เท่านั้น คำชมแบบขอไปทีของเหล่าพนักงานกลับทำให้นีรชายิ้มกริ่ม แสดงว่าฝีมือเธอพัฒนาขึ้นมากแล้วแน่ๆ ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาชิมบ้าง

“อย่างนั้นเหรอ ไหนขอชิมหน่อยสิ” เพียงคำแรกน้ำต้มย้ำกุ้งแม่น้ำน้ำข้นก็พุ่งออกมาจากปากอิ่มของนีรชา รสชาติพิสดาร เค็มปี๋ เปรี้ยวโด่งและเผ็ดมากนี่มันอะไรกัน

พรวดดดด!!!

“น้ำค่ะคุณมิน” พนักงานคนหนึ่งรีบนำน้ำเข้ามาให้นีรชา เธอรับไว้ก่อนจะดื่มไปจนหมดแก้ว ใบหน้าขาวอมชมพูตอนนี้เปลี่ยนเป็นแดงก่ำเพราะความเผ็ด

“ทุกคนชิมไปได้ยังไงเนี่ย ไม่บอกมินล่ะว่าไม่อร่อย”

“เอ่อ” คนต่างอ้ำอึ้ง เพราะพวกเขาน้ำท่วมปาก พูดได้เสียเมื่อไหร่กัน เพราะทั้งเกรงใจและเกรงกลัวต่อนีรชา จึงได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน

“งั้นเดี๋ยวมิน ทำให้ชิมใหม่ รับรองครั้งนี้อร่อยแน่”

“หา... ทำอีก” ประโยคนี้ดังออกมาจากทุกคนก็ว่าได้ พวกเขามองหน้ากันแล้วทำตาปริบๆ อย่างน่าสงสารเป็นที่สุด

“ใช่ค่ะ ทำอีก เพราะถ้วยนี้มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ รสชาติถึงประหลาดแบบนี้ รอสิบนาทีเดี๋ยวมินทำให้ชิมใหม่นะ” นีรชาทำท่าคิดถึงสาเหตุที่ทำให้รสชาติของต้มย้ำกุ้งแม่น้ำน้ำข้นฝีมือเธอนั้นเปลี่ยนไปจากของเชฟเฉินมากราวฟ้ากับเหว หรือเพราะเกลือเค็มไป มะนาวเปรี้ยวไป พริกเผ็ดไปกันนะ

“เอ่อๆ คุณมินคะ ป้าว่า...”

“อะไรคะป้าเจี๊ยบ” ยังไม่ทันที่ป้าเจี๊ยบจะได้ตอบ เสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้น ประโยคธรรมดาของเขาช่างพูดได้กินใจจนทุกคนแทบร้องไห้

“พอเถอะ ไม่ต้องทำแล้ว แค่ดูจากหน้าตาก็รู้ว่ารสชาติไม่ผ่าน”

“คุณแมน” ทุกคนในห้องครัวราวกับเจอแสงสว่างขึ้นมาทันทีเมื่อนิรัชเดินเข้ามา แววตาของพวกเขาต่างขอบคุณเจ้านายหนุ่มกันอย่างพร้อมเพรียง

“โถ่พี่แมน”

“หรือพี่พูดไม่จริง” คนเป็นพี่ชายยืนมองน้องสาวที่ชอบการทำอาหารมาก แต่ผ่านมากี่ปีรสชาติการทำก็ยังคงที่และดูเหมือนจะดิ่งลงเหวด้วยซ้ำ ไม่มีใครกล้าพูดหรือขัดว่าสิ่งที่นีรชาทำนั้นไม่อร่อย พวกเขามีหน้าที่ชิมตามชะตากรรม นั่นเพราะความเกรงอกเกรงใจด้วยความที่หญิงสาวคือเจ้าของโรงแรม แต่มีอยู่เพียงไม่กี่คนที่กล้าพูด หนึ่งในนั้นคือเขาและเชฟเฉิน เชฟที่นีรชามาฝากตัวเป็นศิษย์ก้นครัว แม้น้องสาวคนนี้จะร่ำเรียนมาหลายปีแต่ก็ยังไม่ได้เศษเสี้ยวฝีมือของเชฟเฉินเลยสักนิด