บท
ตั้งค่า

บทที่ ๗ หวงผัว!

“โมจิว่า สีม่านมันดูสว่างไปหน่อย...คือผนังบ้านก็เป็นสีฟ้าอ่อนอยู่แล้ว ถ้าเอาม่านสีสว่างไปด้วยอีก มันจะยิ่งทำให้ห้องดูโปร่งจนเกินไป แสงเข้าได้ง่าย...ถ้าเปลี่ยนเป็นสีทึบกว่านี้ จะลงตัวพอดี”

“น้ำเงินได้ไหม” เสียงทุ้มถามเชิงคิด

“อื้อ ก็โอเคนะ...ลองดูไหม โมจิเอาแคทตาล็อคพวกม่านมาด้วย ลือลองเลือกดูได้เลย” แพทย์หญิงมนกานต์หรือหมอโมจิผู้เรียบร้อย และเพียบพร้อม มาในชุดกระโปรงยาวกรอมเข่า...กับเสื้อลูกไม้แขนสั้นสีชมพูอ่อน

ผมเผ้าเข้าทรงดำขลับเรียบถูกม้วนเก็บเป็นทรงฟักทองไว้อย่างเรียบร้อย

“หึ ก็โอเคนะ...” บุคคลที่สามที่ไม่ได้ตกอยู่ในสายตาและบทสนทนาของคนทั้งคู่ นั่งเบ้ปากพูดเลียนแบบสามีอยู่บนรถเข็นสีชมพูเข้ม ที่เธออ้อนให้เขาซื้อให้...เพราะไม่อยากนั่งบนรถเข็นคนป่วยทั่วไป

“เอาสิ คิดไม่ผิดเลยที่เลือกปรึกษาโมจิ...คนอะไรเก่งไปเสียทุกอย่าง” เอ่ยชมจากใจจริง หากแต่ก็ไม่วายแอบปรายตามองภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายที่ส่งสายตาไม่ชอบใจมองมาอยู่

เขาชอบที่จะเย้าให้เธอเจ็บใจเล่น...หวังกว่านั้นคือเธอทนไม่ได้จนมาขอหย่าขาด

“ก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้น โมจิก็แค่ชอบแต่งบ้านเลยพอมีความรู้เรื่องพวกนี้อยู่บ้าง”

“บังเอิญเราหยุดพอดี ก็เลยหาโอกาสดูแลบ้านซะหน่อย...คนที่หวังว่าจะให้ดูแลให้ ก็ดันไม่ได้เรื่องแต่แรกแถมยังมาบาดเจ็บแบบนี้อีก”

“อ้อ เกือบลืมไปเลย...คุณพิกเล็ทเป็นยังไงบ้างคะ หายปวดหรือยัง?”

“ไม่โทรมาถามตอนกลับไปถึงบ้านแล้วละคะ” เธอเบ้ปากมองบนใส่แบบไม่ปิดบัง

“ลือ...ภรรยาลือเขามีปัญหาทางด้านระบบประสาทด้วยหรือเปล่า ทำไมปากเบี้ยวแบบนั้น” คนสุภาพเรียบร้อยเล่นมุกฉบับหมอ พร้อมขำน้อยนิดอย่างน่ารัก...แบบไม่ถือสา จนคนเห็นตามต้องขำภรรยาตัวเองไปด้วย

หึ...พิลาเรศตกเป็นส่วนเกินอีกหน เมื่อคนทั้งคู่เลือกลายผ้าม่านจากแคทตาล็อค ด้วยกันอย่างสนุกสนาน

“อะแฮ่ม” เธอขากคอเสียงดังขัดจังหวะ อยู่หลายที...กว่าสามีจะหันมามองได้

“มีอะไร”

“หิวน้ำ”

“ก็เข็นรถไปสิ...มือก็มี น้ำอยู่ใกล้ๆ” ใบหน้าจัดเต็มที่แต้มเครื่องสำอางราคาแพงเอาไว้อย่างลงตัว งอง้ำหนักเมื่อได้ยินสามีพูดมาแบบนั้น

“เอื้อมไม่ถึง”

“ภรรยาลือเจ็บข้อมือเหรอ โมจินึกว่าเจ็บข้อเท้า” คนกลั้นขำว่าเข้าให้ จนคนอ้างว่าเอื้อมไม่ถึงอยากจะคว้าแก้วน้ำบนโต๊ะขว้างออกไปให้โดนหัวหล่อน

โครม!

สายตาสองคู่มองมายังต้นเสียงด้วยความตกใจไม่แพ้

พิลาเรศลงทุนเทตัวเองลงสู่พื้นล่างเพื่อเรียกร้องความสนใจ ถึงฤๅชัชจะทราบแบบนั้นแต่ก็ยังรีบเข้ามาพยุงเธอรีบด่วน...จนแพทย์หญิงผู้เพียบพร้อม กระตุกวูบที่แววตา

“ทำบ้าอะไรฮึ!” น้ำเสียงเข้มเอ่ยถามประโยคเดิมๆที่ชอบถามเธออยู่เป็นนิจ ด้วยแววตาเชิงดุ

“ก็บอกแล้วไง...ว่าเอื้อมไม่ถึง” น้ำเสียงอ่อยบ่น  อุบอิบตอบเขาไม่เต็มเสียง

หากแต่สายตาที่บ่งบอกชัยชนะก็จ้องมองไปยังแพทย์หญิงผู้ยืนอึ้งโดยที่ยังไม่ได้กล่าวอะไร

“เจ็บตรงไหนไหมคะคุณพิกเล็ท?” เมื่อได้สติก็รีบถลาเข้ามาถามด้วยความแสร้งเป็นห่วง จนคนกองอยู่กับพื้นต้องเบ้หน้าให้

ไม่ทันที่จะมีใครได้ตอบ คนรีบร้อนด้วยความเป็นห่วงแบบไม่ทันได้สังเกตตัวเองก็ช้อนร่างของภรรยาขึ้นสู่อ้อมแขนแกร่ง เดินฉับไปวางหล่อนบนโซฟา...เพื่อตรวจบริเวณข้อเท้าว่ามีความแตกหักเพิ่มหรือไม่

“อ๊ะ...” คนแสร้งร้องก้มลงมองความห่วงใยของสามีด้วยความปลื้มปริ่ม คิ้วโก่งดังคันศรก็ส่งสัญญาณของผู้ชนะไปยังผู้ที่กำลังหน้าเรียบหุบยิ้มฉับใส่ เมื่อได้เห็นความห่วงใยรีบด่วนจากสามีเธอ

“เจ็บเหรอ!” แววตาคมกริบจริงจังหันขึ้นสบ จนคนยิ้มร่าต้องหุบลงพร้อมแสร้งหน้าเบ้แสดงความเจ็บปวดใส่ทันใด

“นิดหน่อยค่ะ” คนรู้ทันถอนหายใจใหญ่ เมื่อรู้ว่าภรรยาคงจะไม่ได้เจ็บปวดมากมายอย่างที่โอดก่อนหน้า

“มันน่าปล่อยให้เจ็บแทบตายจริงๆ” เขาบ่นให้พร้อมส่ายหัว

“เห็นทีจะเป็นแบบนั้นไปไม่ได้หรอกลือ คุณพิกเล็ทมีสามีที่คอยห่วงใยเธอมากมายขนาดนี้...เธอคงจะไม่ถูกปล่อยให้เจ็บแทบตายได้ง่ายๆ” น้ำคำประชดทอดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะไม่มีอะไร...ออกมาจากปากคนยิ้มสุภาพ

เหมือนเตือนสติคนไม่ทราบว่าตัวเองกำลังห่วงภรรยาอย่างออกนอกหน้า...ให้ได้หยุดชะงัก

“เราแค่ทำตามหน้าที่หมอ” เขากลับไปใส่ใจความรู้สึกเธออีกหน

“โอ๊ย!”

“เจ็บมากขึ้นเหรอ?” แล้วคนที่ทำตามหน้าที่ก็ถลาเข้าใส่ภรรยา จนคนแกล้งร้องขำคิกเข้าให้

“คุณหมอของเมีย ทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่องเลยสักนิดค่ะ!”

“มันน่าจับลงโยนลงไปบนพื้นอีกสักรอบ” กัดฟันว่ากลบเกลื่อนฟอร์มที่เพิ่งจะเสีย

“โมจิว่า ลือพาคุณพิกเล็ทขึ้นไปพักผ่อนบนห้องเถอะ...เราว่าจะกลับแล้ว สรุปลือเอาผ้าม่านสีครามเข้มนะ”

“ขอบใจโมจิมากเลยนะ ที่มาช่วยเราวันนี้...ตกลงตามนั้นเลยจ้ะ” น้ำเสียงอ่อนโยนทอดผ่านแววตาอบอุ่น จนคนแอบน้อยใจเมื่อครู่ใจชื้นขึ้นมา

ยกเว้นบุคคลที่สามที่ร่วมฟัง เธออยากจะโยนตัวเองลงพื้นอีกรอบเพื่อขัดจังหวะที่ขัดหูขัดตานี้

“ยินดีจ้ะ เราขอตัวก่อนนะ...หายไวไวนะคะคุณพิกเล็ท”

“ค่ะ!” เธอสะบัดหน้าใส่แบบไม่สงวนทีท่า จนแววตาคมต้องดุเข้าให้อีกหน

“เดี๋ยวเราเดินไปส่ง”

“จะขึ้นห้องหรือจะนั่งอยู่ตรงนี้ก่อน” เขาทรุดตัวลงนั่งข้างเธอ ทอดสายตาไร้ความหมาย หลังจากที่ส่งเพื่อนสาวขึ้นรถเรียบร้อย

“ขึ้นห้อง”

ตอบแบบไม่ต้องคิด

“อ๊ะ” คนถูกช้อนเข้าไปยังวงแขนแกร่งที่หมู่นี้เธอได้เข้าไปอยู่ในนั้นบ่อยๆ รีบคว้าหมับเข้าที่ต้นคอของเขา...แบบตกใจที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

“อย่าซน” เขาว่า...เมื่อเธอซุกใบหน้าลงซบกับกล้ามหน้าอกของเขา พร้อมถูไถไปด้วย

“อื้อ..หอมจัง” คนลอยหน้าว่า มิได้สนใจคำห้ามปรามของเขาแม้แต่น้อย

“มันน่าโยนทิ้งลงพื้นนี่จริงๆ” ฝีเท้าหนักแน่นฉับขึ้นบันไดอย่างไม่สะทกสะท้านในน้ำหนักตัวเบาหวิวของภรรยา ต่อให้เธอจะมีหน้าอกคัพD แต่สัดส่วนอื่นบนร่างก็แสนจะบางเรียวเล็ก

“อ๊าย...” เธอผวาคว้ากอดรอบต้นคอเขาแน่นกว่าเดิม เมื่อเขาจะโยนเธอลงบนพื้นอย่างที่ปากว่าจริงๆ

ลำคอแกร่งเปล่งเสียงหัวเราะกังวานอยู่ภายในเพียงนิด มุมปากเผยรอยยิ้มหยักเพียงหน่อย

พิลาเรศแอบมองกิริยาของเขาด้วยใจเป็นสุข ไม่เคยมีมาก่อนเลยที่เธอจะได้ใกล้ชิดเขาออกจะบ่อยครั้งเหมือนหนนี้

“นอนพักไป เดี๋ยวจะลงไปดูความเรียบร้อยของบ้าน” แต่วงแขนที่โอบรอบคอเขาอยู่ ไม่ได้ปลดปล่อยให้เขาได้จากไป...เมื่อเขาวางเธอลงบนเตียงนุ่ม

“อย่าเพิ่งไปสิคะ อยู่เป็นเพื่อนพิกก่อน” เสียงอ้อนราดรดลงบนต้นคอขาวของเขา พร้อมโน้มใบหน้าเขาลงหาตัวจนชิด

“อย่าซน” เขาปรามเสียงต่ำ สบตากับความมารยาของเธอด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย

“หื้อ อย่าเพิ่งไปเลยนะคะ” เขาไม่ทันได้ตั้งตัว...ก็ถูกเธอดึงลงไปกองบนเตียงด้วยกัน อย่างง่ายดาย

พลันคนที่เจ็บข้อเท้าก็พลิกร่างของเขาให้อยู่เบื้องใต้ทันที จนเขาต้องเป็นฝ่ายเบิกตาโพลงขึ้น

“ทำบ้าอะไร!” มือแกร่งถูกทับไว้จนแน่นจากเรียวแขนเล็ก ข้อเท้าที่ว่าเจ็บกดลำขาแกร่งเขาเอาไว้เสียจนเขาเริ่มเข้าใจว่าเธอไม่ได้เจ็บมันจริงๆ

“ทำในสิ่งที่ควรทำมาตั้งนานแล้วยังไงล่ะคะ” แล้วซอกคอขาวแกร่ง ก็ถูกซุกไซร้จากใบหน้าร้อนแรงที่แต่งแต้มสีจัด...แบบไม่ปราณีคนดิ้นพล่าน

“หยุดเดี๋ยวนี้!” เขาตวาดลั่น หากแต่เธอกลับไมได้สะทกสะท้านต่อความโกรธนั้นแต่อย่างใด

“หยามเกียรติความเซ็กซี่เร่าร้อนกันมานานเกินไปละ วันนี้แหละ...พิกจะเผด็จศึกคุณให้ได้!”

แรงสตรีหรือจะสู้แรงบุรุษ...หากแต่กำหนัดของบุรุษก็ถูกปลุกง่ายกว่าอิสตรี

“อ๊ะ!” พญานาคที่ถูกกดเบียดมาสักพัก...เริ่มตอบสนองจนกึ่งกลางกายสาวต้องสะดุ้งแบบตกใจเพียงนิด

“ปล่อย!” คนกัดฟันว่า เริ่มรับรู้การตอบสนองของร่างกายตน

เขาก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง...ที่มีเลือดเนื้อ มีกำหนัด มีความต้องการ!

“อ๊า...” เธอส่งเสียงเมื่อถูกกลับทิศพลิกลงสู่ใต้ร่างแทน หากแต่น้ำเสียงนั้นกลับส่งออกมาแบบเร่าร้อนสมใจ

“อู๊ว...” แล้วเขาก็ทำสิ่งที่เธอรอคอยมาแสนนาน ริมฝีปากนุ่มประทับลงบนซอกคอขาว ในเชิงลงโทษ...ที่เธอทำให้เขาต้องแตกพานเช่นนี้

“ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด...” แล้วเสียงที่ช่างมาขัดจังหวะในเวลาเดิมๆ ก็ดังขึ้นจากกระเป๋ากางเกงของคนที่กำลังจะระบายกำหนัดลงสู่ซอกคอขาวๆที่เอียงหน้าเปิดรับอย่างเต็มที่

“โห้ย...มันน่าตามไปฆ่าคนโทรมาถึงบ้านจริงๆ” เธอบ่นเมื่อเขาผละออกไปจากร่างทันทีเพื่อรับสายที่โทรเข้ามา

“ว่าไงครับแม่”

พิลาเรศมองบนทันใด ที่แท้คนที่เธอต้องตามไปฆ่าก็คือคนที่อยากจะฆ่าเธอหมกห้องน้ำทิ้งไม่ต่างนี่เอง

“ได้ครับแม่ เดี๋ยวผมลงไปเปิดให้ครับ”

ช็อค! ดันมาถึงบ้านแล้วเสียด้วย มาได้ทันเวลาพอดีสินะคุณแม่ย่าขา! เธอร่ำร้องอยู่ภายในใจ พร้อมใบหน้าฮึดฮัด

“แม่มา” เขาบอกกล่าวเธอแค่นั้น ก่อนจัดระเบียบเสื้อผ้าให้เข้าที่

“จะมาทำไมก็ไม่รู้”

“ปากเนี่ย ให้มันระวังหน่อย” เขาเอ็ดจริงจัง

“ก็มันจริงนี่ คนกำลังเข้าได้เข้าเข็มแท้ๆ”

“จะลงไปด้วยไหม?” ถึงเขาจะอยากใจร้ายกับเธอแค่ไหน...แต่ความเป็นสุภาพบุรุษที่ต้องทำหน้าที่สามี ก็เตือนให้เขาทำแบบนั้นได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่

“ลงไปสิ อุ้มด้วย” เธออ้าแขนอ้อนเขาเต็มที่

“เดินไปเลย หายเจ็บแล้วนี่” แล้วเขาก็นึกได้ว่าเธอใช้ข้อเท้าข้างนั้น ด้วยแรงมากโขจัดการกับเขายังไง

“เกลียดคนรู้ทัน!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel