บทที่ ๒ ชีวิตหัวหน้าวง
“ตู๊ด...ตู๊ด....ตู๊ด.....” เสียงสั่นไหวของโทรศัพท์มือถือเครื่องบาง ดังมาในความรู้สึกอันแสนไกลห่างสำหรับผู้ได้ยิน มือเรียวบางพยายามควานหาต้นตอของเสียง แต่ยังไม่ยอมลืมตา...เธอรู้สึกว่า เตียงนอนวันนี้ทำไมดูคับแคบไปหน่อย
“ปั๊ก...!” คนตั้งใจจะกลิ้งไปควานหาต้นตอต่อที่โต๊ะข้างเตียง...ต้องชนเข้ากับของแข็งบางอย่าง จนต้องเอามือมาลูบศีรษะที่ได้รับผลกระทบ
“หือ...” แสงลอดผ่านรูม่านตา...เริ่มทำให้เธอเข้าใจว่าที่แห่งนี้น่าจะไม่ใช่บนเตียงซะละ...
ฟึบ! เธอลุกขึ้นนั่งทันใดจนเข่าชนเข้ากับพวงมาลัยรถคันหรูของสามี
“โอ๊ย...เจ็บทั้งหัวเจ็บทั้งเข่า นี่เผลอหลับไปตอนไหนวะเนี่ย?”
“ตื๊ด...ตื๊ด...” พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นชื่อสายเรียกเข้าที่โทรศัพท์เครื่องบางวางอยู่เบาะข้างคนขับ
“ว่าไงโพนี่”น้ำเสียงงัวเงียว่าพร้อมเกาศีรษะ...ความเมื่อยขบจากการนอนไม่ถูกท่านัก ทำเอาเธอต้องบิดร่างกายไปมา
“เจ้อยู่ไหนแล้ว!”
“อยู่บนรถ...”
“กำลังจะออกมาแล้วใช่ไหม...รีบมาด่วนเลยนะ อีกสามสิบนาที...” ดวงตาที่ยังมีขี้ตาเกรอะกรังเบิกโพลงขึ้น แล้วสมองก็ลำดับเหตุการณ์ในหัวให้เสร็จสรรพ พิลาเรศโยนโทรศัพท์ทิ้งทันใด มือขวากดสตาร์ทเครื่อง...มือซ้ายหมุนพวงมาลัย เท้าขวาแตะคันเร่งอัตโนมัติ... ออกตัว!
เส้นผมยุ่งที่พันกันจนยุ่งเหยิง...ถูกช่างฝีมือดีพ่นสเปรย์ใส่แบบไม่สนใจการหวีในภายหลัง มือชำนาญสางผมจับตวัดไปมาตามทรงที่ตั้งใจเอาไว้
“เจ้หลับตา!” คนช่วยเปลื้องเสื้อผ้าเบื้องล่างในชุดสีแดงกรุยกรายว่าให้อย่างใจร้อน ก่อนพิลาเรศจะรู้สึกเย็นวาบไปทั้งกาย
“นี่กะจะให้เจ้โป๊กลางนี้เลยใช่ไหม!” ...คนพยายามหรี่ตามอง หากแต่ก็ต้องหลับเพราะสเปย์พ่นมาอย่างไม่ยอมหยุด ยิ่งแรงทึ้งจากการเซ็ตที่มากกว่าเดิม...
“เจ้จะกลัวอะไรกับการแก้ผ้า ชุดที่เจ้ใส่มาก็พร้อมถอดตลอดอยู่แล้วนี่” แดนเซอร์ในวงอีกคนว่าอย่างขำขัน ก่อนส่งชุดใหม่ให้นักร้องนำเป็นผู้สวมใส่ให้แบบทุลักทุเล
“ขอน้ำหอมหน่อย...ซักแห้งขนาดนี้กลัวกลิ่นจะออก” นักร้องนำหรือเพลินเพลงผู้ได้เรื่องได้ราวกว่าใครเร่งแก้ปัญหาพร้อมหันไปมองที่เข็มนาฬิกาอย่างร้อนใจ
“เอ้ย เบาๆดิ!” คนลืมตาได้หันมาตวาด ช่างแต่งหน้าที่แทบจะกระชากหน้าเธอเข้าไปหา
“หน้าหนาขนาดนี้ เบามือกลัวจะไม่สมฐานะ” ด้วยความสนิททำให้หยอกล้อได้แบบไม่เกรงใจ ก่อนแปดป้ายรองพื้นเบอร์หนึ่งรัวลงมาให้ ตามความเหมาะสมของสีผิว
“เสร็จงานก่อนเถอะ มีเคลียแน่”
“ซอรี่ ฉันไม่อยู่จนงานเสร็จหรอกย่ะ”
“โอ๊ย...ทารองพื้นหรือฉาบปูนเนี่ย ถึงมันจะดูหนาแต่มันก็คือใบหน้าจ้ะ ไม่ใช่ผนังห้อง!”
“เจ้ เงียบเหอะน่า เดี๋ยวก็ไม่เสร็จกันพอดี” ลูกน้องเอ็ดเข้าให้จนเธอต้องสูดลมหายใจเข้าออกให้ลึก เหอะ...ยอมให้พวกมันหนึ่งวันก็ได้ ข้อหาที่เธอมาสายแบบลืมงานสนิท
“แย่แล้วเพลิน เครื่องเสียงมีปัญหา! เปิดเพลงไม่ได้” โพนี่ผู้สังเกตสถานการณ์รอวิ่งหน้าตั้งเข้ามารายงานอย่างโวยวาย
“โธ่เอ้ย วันซวยอะไรวะเนี่ย” นักร้องนำกุมขมับที่เหงื่อเริ่มซิบแบบท้อแท้
“แล้วทีมเครื่องเสียงว่ายังไง?” น้ำเสียงเฉียบขาดจากคนที่กำลังหลับตา เพราะช่างแต่งหน้ามือฉมังกำลังแปดป้ายสีเรื่อปนกากเพชรลงบนเปลือกตา...ที่กำลังนิ่งอย่างใช้ความคิด
“ขอเวลาแก้ปัญหาสามสิบนาทีค่ะเจ้”
“อีกกี่นาทีถึงเริ่มแสดง?” เสียงนิ่งของหัวหน้าวงทำเอาทุกคนเริ่มใจชื้น
“สิบนาทีเจ้...” เพลินเพลงผู้กังวลที่สุดว่าน้ำเสียงสั่น
“อีพีช กูให้มึงนาทีละพัน...ถ้ามึงจัดให้กูสวยสำเร็จได้” ผู้จัดการวงเอ่ยอัดฉีดช่างแต่งหน้าผู้ร่วมชะตากรรมกันมาตลอดตั้งแต่เปิดวงทันที
“จัดให้!”
“และตอนนี้นะครับก็ถึงช่วงเวลาที่สำคัญช่วงเวลาหนึ่ง...ก็คือการมอบของขวัญสุดพิเศษให้กับคุณอาทิตย์ประธานกรรมการบริหารอาวุโส...ในวันครบรอบวันเกิดของท่าน ซึ่งของขวัญชิ้นนี้ ไม่ใช่ของใครที่ไหน...คุณหญิงสายสมรนั่นเองครับ” แล้วเสียงปรบมือดังลั่น ก็กระหึ่มก้องไปทั้งงาน
“ว่าแต่ของขวัญที่ว่านี้...เป็นอะไรหรือคะคุณสุเมธ?” พิธีกรสาวเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงชวนตื่นเต้น
“ผมว่า...อาจจะเป็นเพราะคุณหญิงสายสมรท่านทราบดีครับว่า คุณอาทิตย์เนี่ยท่านโปรดปรานศิลปะดนตรีทางแถบอีสาน ท่านก็เลยคัดสรร....ศิลปะดนตรีคุณภาพให้มาแสดงเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับท่านในวันนี้ครับ”
“โอ้โห...แค่ฟังก็ตื่นเต้นแล้วค่ะ คุณอาทิตย์พร้อมหรือยังคะ?” ผู้นั่งยิ้มมีความสุขอยู่ท่ามกลางแขกคนสำคัญนั่งเรียงรายล้อมส่งยิ้มอยู่หน้าเวที พร้อมพยักหน้า
“งั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา...เชิญรับชมพร้อมกันเลยครับผม!”
“คุณหญิงสายสมรเหรอ?” คนที่เตรียมแก้ปัญหาเรื่องเครื่องเสียงได้แล้ว หยุดชะงักอยู่หลังเวทีเมื่อได้ยินชื่อที่พอจะนึกสาเหตุต่างๆออกได้
“มีอะไรหรือเปล่าเจ้?” โพนี่ผู้ตื่นตะหนกกว่าใครเอ่ยอย่างหวาดเสียวว่าเรื่องซวยๆจะยังไม่สิ้นสุดลงอีก
“ตั้งใจทำให้สุดความสามารถ” สามสาวที่เหลือพยักหน้าให้ พร้อมเปิดเสียงใสกังวานนำไปก่อน
