บทที่ 3
นับตั้งแต่มารดาเสียชีวิตไปเมื่อห้าปีก่อน บิดาของเธอก็เลือกผู้หญิงร้ายกาจจอมมารยาอย่างกานดามาเป็นภรรยาใหม่ กานดาอายุสี่สิบสองปี ส่วนลูกชายอายุยี่สิบเจ็ดปี นั่นหมายความว่าเจ้าหล่อนตั้งท้องตั้งแต่ตอนอายุราวๆ สิบห้าปีเท่านั้น
แต่ความจริงข้อนี้ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย นิสัยหน้าไหว้หลังหลอกของกานดาต่างหากที่ทำให้นัทชาเป็นทุกข์ ทางด้านบิดาก็เอาใจใส่ภรรยาใหม่และหลงใหลกันราวกับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ไม่เคยสนใจใยดีเลยว่าเธอจะมีชีวิตอย่างไร มีหลายครั้งหลายหนที่เธอถูกเอกพลลวนลาม พยายามปลุกปล้ำขืนใจ แต่พอบอกกับผู้เป็นพ่อ กลับโดนดุด่าหาว่าสร้างเรื่องโกหก
เธอต้องอยู่อย่างหวาดระแวง คอยระวังตัวอยู่ตลอดเพื่อไม่ให้พลาดท่าเสียที จนกระทั่งสอบติดคณะพยาบาลศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง แล้วย้ายออกไปอยู่ที่หอพักกับเพื่อน นั่นแหละถึงได้รอดพ้นจากความคิดชั่วร้ายของเอกพล
แต่มาถึงวันนี้ พ่อแท้ๆ ของเธอกลับพยายามยัดเยียดเธอให้ตกเป็นของคนเลว โดยไม่คิดถึงจิตใจเธอเลยแม้แต่น้อย...
“น่านไม่แต่งค่ะ” นัทชายืนยันคำเดิม เสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน “อีกไม่กี่วันน่านก็จะถูกเรียกตัวไปทำงานที่โรงพยาบาลแล้ว เพราะฉะนั้นคุณพ่อคงจะลงโทษน่านด้วยการกักบริเวณไม่ได้” พูดแล้วหญิงสาวก็ตั้งท่าจะหมุนตัวเดินออกจากห้องโถงไป
“ลืมเรื่องงานพยาบาลนั่นไปได้เลย” ภานุเดชรั้งเธอไว้ด้วยคำพูด
“คุณพ่อ...” นัทชาขยับจะถามว่ากำลังหมายความว่าอย่างไร
“พอแต่งงานกันแล้ว คุณพ่อจะให้ตาเอกเข้ามาดูแลรีสอร์ตแทน เธอก็ต้องช่วยสามีดูแลธุรกิจครอบครัว เพราะฉะนั้นเลิกคิดจะไปทำงานเป็นพยาบาลเสียยัยน่าน เงินเดือนแค่ไม่เท่าไร แถมยังต้องคอยเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวคนอื่นอีก สกปรกจะตาย!” กานดาเป็นคนให้คำตอบ ถ้อยคำดูถูกนั้นทำให้นัทชาหันไปจ้องหน้า ขยับจะเถียงให้เจ็บแสบ
“ถ้าแกเข้าใจแล้วก็ขึ้นข้างบนซะ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก แค่เตรียมตัวให้พร้อมก็พอ แกมีเวลาอีกสองสัปดาห์สำหรับการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว” ภานุเดชตัดบทก่อนที่ลูกสาวจะพ่นคำพูดร้ายๆ ใส่ภรรยาสุดที่รักอีก
นัทชากำมือแน่น ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินรดแก้มนวล ตรงกันข้ามกับสีหน้าและแววตาที่ว่างเปล่า ยามจ้องมองบิดาผู้ที่เคยเป็นที่พึ่งพาสุดท้ายของชีวิต แต่ตอนนี้กำลังเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ทำลายชีวิตให้ยับเยิน
หญิงสาวแค่นยิ้มส่งให้กานดาและเผื่อแผ่ไปยังเอกพล ไม่พูดอะไรอีกเลยในตอนที่เดินเลี่ยงขึ้นไปบนห้องตามคำสั่ง มือบางกำแน่นจนเล็บจิกลงบนฝ่ามือ
ไม่ว่ายังไงก็ตาม...การแต่งงานจะไม่มีวันได้เกิดขึ้นแน่!
คืนนี้มีงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเพื่อนตำรวจที่สนิทสนมกันมาก ภานุเดชกับกานดาจึงควงกันไปร่วมงาน เอกพลปฏิเสธโดยการอ้างว่ามีงานรออยู่อีกกองพะเนิน และคืนนี้คงต้องค้างคืนที่คอนโดมิเนียมสุดหรูใจกลางเมือง ซึ่งมารดาออดอ้อนขอให้ภานุเดชซื้อให้เขาเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อสามปีก่อน
แต่ความจริงแล้วนั่นเป็นแค่เรื่องโกหก...
เอกพลไม่เคยทำงานและไม่คิดจะทำด้วยซ้ำ แค่ใช้เงินจากแม่กินเหล้าเข้าบ่อนอยู่อย่างทุกวันนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องหาเรื่องให้ตัวเองเหน็ดเหนื่อยเลย เอาไว้แต่งงานกับนัทชาแล้วได้เป็นเจ้าของรีสอร์ตเมื่อไร เขาจะหอบเงินเข้าไปคลายเครียดในบ่อนให้มากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
เมื่อพ่อเลี้ยงกับมารดาพากันออกไปจากบ้านแสนคำภาแล้ว พวกสาวใช้ก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนยังเรือนคนใช้ด้านหลัง ไม่ได้สนใจเรื่องของเจ้านายอีก นั่นจึงเป็นทางสะดวกสำหรับการทำเรื่องชั่วๆ ตามที่เอกพลกับมารดาช่วยกันวางแผนเอาไว้ เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่จะได้เพชรน้ำงามอย่างนัทชา รวมถึงทรัพย์สมบัติทุกอย่างของตระกูลแสนคำภามาครอบครอง
เอกพลย่องผ่านความมืดตรงไปยังห้องของนัทชา เอากุญแจที่มารดาแอบหยิบฉวยออกมาจากพวงกุญแจสำรองมาสอดใส่ลงในลูกบิด เมื่อได้ยินเสียงคลิกเบาๆ ที่บ่งบอกว่าสามารถผ่านเข้าไปได้แล้ว เขาจึงค่อยๆ ดันประตูเปิดเข้าไป ภายในห้องไม่ได้มืดมากนัก ยังมีแสงสว่างจากดวงจันทร์ส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ ชายหนุ่มมองเตียงนอนที่มีผ้าห่มคลุมอยู่ ย่นคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อพบว่านัทชาไม่ได้อยู่บนเตียง
