7.บทสนทนาของความร้าวฉาน ep3
หญิงวัยเกือบห้าสิบที่ยังดูสาวและสวยงามละเมียดละไม แต่มีสีหน้าและแววตาที่ดูหม่นกว่าที่ควร หล่อนเดินนำสาวใช้ที่ช่วยกันยกสำรับอาหารหวานคาวจากตึกหน้าไปยังเรือนไทยทรงปั้นหยาหลังใหญ่ทางด้านหลังที่อยู่ท่ามกลางสวนที่ร่มรื่น
“ใครมาไม่ทราบค่ะแม่ศรี..”
เสียงร้องบอกของสาวใช้ทำให้ปลายเท้าที่เตรียมจะเดินไปด้านหลังต้องหยุดกึก
“เอาล่ะหล่อนไปก่อน เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง..”
เจ้าหล่อนร้องบอกสาวใช้แล้วหมุนร่างไปยังประตูด้านข้างที่อยู่ห่างจากตรงนั้นไม่มาก มันทำให้หล่อนอดแปลกใจเสียไม่ได้ว่า ทำไม คนที่มาวันนี้ไม่เข้าทางประตูหน้าเพราะจะมียามคอยให้ความสะดวก
“มาหาใครคะ!!!คุณอรรถ..”
คำถามเลือนหายไปเมื่อบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าคืออรรถพงษ์ สามีที่จากกันยาวนานถึงยี่สิบสี่ปีเต็ม ทันทีที่หล่อนได้มองเห็นเขา หัวใจก็ไหววูบเสียวซ่านและเจ็บแปลบขึ้นมาในบัดดล จากความรู้สึกแค้นเคืองจนคิดว่าเกลียดชังจนไม่อยากจะให้อภัยและตั้งสัตย์ปฏิญาณว่าชาตินี้จะไม่ขอพบหน้า แปรเปลี่ยนเป็นถวิลหา มันก่อให้เกิดความบีบคั้นในหัวใจอย่างยิ่งยวด
มือเท้าของหล่อนรู้สึกมันอ่อนล้าจนแทบจะทรงกายไว้ไม่ได้ เมื่อได้เห็นเขาอีกครั้ง หล่อนจึงจ้องมองเขาแทบไม่กระพริบตา
“ศรีวิมุต..”
อรรถพงษ์ร้องเรียกภรรยาเพียงคนเดียวของเขา และหล่อนก็เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ยังถูกเก็บเอาไว้ในหัวใจจนป่านนี้
“สบายดีใช่ไหม..”
คำถามที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากหยักได้รูปประกอบกับสายตาที่จ้องมองมาด้วยความห่วงใยมันบ่งบอกถึงสายใยแห่งความผูกพันที่ผสานอย่างเหนียวแน่น หล่อนอยากจะลืมเรื่องราวแต่หนหลังแล้วโผเข้าไปหาเขา ซุกกายอยู่ในวงแขนของเขา ให้อกกว้างของเขาเป็นที่ซับน้ำตาที่กำลังจะรื้นไหลออกมา แต่ไม่สามารถจะทำเช่นนั้นได้
“จะสนใจทำไมกับความเป็นอยู่ของฉัน..”
คำพูดที่ดูห่างเหินจนไกลเกินเอื้อมทำให้อรรถพงษ์ที่เฝ้ารักเฝ้าคิดถึงหล่อนต้องรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจอย่างสาหัส
“ว่าธุระของคุณมาจะดีกว่า ก่อนที่ยามจะมาไล่คุณออกไปจากที่นี่..”
อรรถพงษ์สูดลมหายใจเข้าปอดลึก
“ขอพบนายคณิน..”
ศรีวิมุตจ้องหน้าเขานิ่ง
“จะพบเขาทำไมอีก หรือยังทำให้เขาเจ็บไม่พอ..ไม่เพียงแต่เขาที่เจ็บ..ยังมีฉันอีกคนที่ชาตินี้จะไม่ยอมให้อภัยคนอย่างคุณ ฉันว่าทางที่ดีให้จบกันไปจะดีกว่า หากจะให้ดีก็ควรจะถือว่า เราต่างก็ตายจากกันไปแล้ว..”
หล่อนพูดจบก็ทำท่าจะปิดประตูแต่อรรถพงษ์ผลักไว้ก่อนจะแทรกร่างเข้ามา
“เหตุการณ์ครั้งนั้น มีคนวางแผนไว้ก่อนหน้า มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะศรีวิมุต ผมรักคุณเสมอ รักคุณคนเดียว ผมไม่เคยทรยศคุณ..”
“ไปหลอกเด็กเถอะ..”
“ใครหรือแม่ศรี..”
เสียงที่แทรกมาจากเบื้องหลังทำให้ศรีวิมุตต้องกระพริบตาถี่ ๆ แล้วก้าวห่างจากประตูออกมา
“ฉันถามว่าเธอคุยกับใครอยู่..เอ๊ะ!!!..”
กัญญาภัคที่ตามมาเพื่อจะไปสมทบกับคุณอัจฉราแม่ของคณินต้องนิ่งงันเมื่อมองชัดว่าบุคคลที่ยืนอยู่กับศรีวิมุตเป็นใคร
“อ๋อ ที่แท้ก็ก็สามีของเธอนี่เอง..”
“อิฉันไม่มีสามีค่ะ เขาได้ตายไปนานแล้ว ไม่เหลือแม้ดวงวิญญาณให้คิดถึง..”
กัญญาภัคยิ้มหยันเมื่อก้าวเข้ามาพร้อมกับกวาดสายตามองดูสภาพของอรรถพงษ์
“ยังไม่ตายอีกหรือ ไอ้ชายชู้ ไอ้คนทรยศ แกยังมีหน้ามาเหยียบที่นี่อีกหรือ..ไปนะ ไปให้พ้น ไป..”
“คุณนั่นแหละที่ไม่ควรอยู่ที่นี่ คุณนั่นแหละที่ควรจะตายไปตั้งนานแล้ว เพราะแผนการของคุณใช่ไหม ใช่ไหม..”
อรรถพงษ์ตวาดเสียงใส่หน้าหล่อนจนต้องถอยห่างออกมา
“ยาม ยาม ยาม ..”
กัญญาภัครีบตะโกนร้องเรียกยามให้มาตรงนั้น
“ลากผู้ชายคนนี้ออกไป แล้วอย่าให้มันเข้ามาอีก หากมันยังดื้อดึง แจ้งตำรวจหรือไม่ก็ฆ่าทิ้งซะ..”
ชายฉกรรจ์สามคนกรูกันเข้าไปล็อคแขนของเขาแล้วเปิดประตูออกกว้าง
“ฉันขอพบนายคณิน เขาอยู่ไหม ศรีวิมุต เขาอยู่ไหม..”
ศรีวิมุตใจเต้นแรงเมื่อเห็นกัญญาภัคพยักหน้าให้ยามเหมือนกับอนุญาตให้ยามทำร้ายเขา
“เขาอยู่ที่โรงพยาบาล..”
หล่อนรีบร้องบอก ทำให้อรรถพงษ์รีบสลัดแขนออกจากการจับกุมของชายฉกรรจ์สองคนก่อนจะวิ่งออกไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายตาของศรีวิมุตที่แอบมองตามไปจนลับตา
“ไหนว่าเขาตายจากใจแล้วไง ยังปกป้องเขาอีกทำไม อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ เธอรีบบอกว่าคุณคณินอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อที่จะให้เขารีบไป..บ้าที่สุด ใจอ่อนจนได้..นึกถึงเหตุการณ์เมื่อยี่สิบสี่ปีก่อนเอาไว้ อย่าลืมสิ..”
หล่อนกระแทกเสียงใส่หน้าศรีวิมุตก่อนจะเดินไปยังเรือนไทยของคุณอัจฉราทางด้านหลัง
อรรถพงษ์ตรงไปที่โรงพยาบาลเขาขอพบนายคณินทันที แต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายนัก เมื่อพนักงานถามชื่อของเขา เขาทำอ้ำอึ้งแต่บังเอิญว่าขณะนั้นนายคณินลงมาจากห้องทำงานทางด้านบน อรรถพงษ์ไม่รอช้ารีบตรงเข้าไปหาเขาทันที
“คณิน..”
เสียงเรียกนั้นทำให้คณินหันไปมองแต่ก็ต้องขบกรามแน่นเมื่อเห็นชัดว่าเป็นอรรถพงษ์
“นายมีเหตุผลอะไรทำแบบนี้ ยืดที่ดินของฉันแล้วให้ลูกชายมากดขี่ลูกของฉัน นายทำเพื่ออะไร ลงที่ฉันสิ การตายของพ่อฉัน เกี่ยวกับนายใช่ไหม นายเป็นคนอยู่เบื้องหลัง นายทำให้พ่อของฉันต้องตรอมใจตาย พ่อของฉันเฝ้าจงรักภักดี แต่นายยังทำได้..”
“จงรักภักดีหรือ แล้วเงินจำนวนมหาศาลมันหายไปไหน ถ้าไม่เพราะโอนให้นาย นายมันลูกคนเดียวไม่ใช่หรือ หรือจะเถียงพ่อของนายมีเมียน้อย มีลูกใหม่..หรือเป็นลูกชู้..”
...ผลัวะ..
กำปั้นหนัก ๆ ของนายอรรถพงษ์เสยเข้าอย่างจังที่ปากของนายคณินจนเลือดกลบท่ามกลางสายตาของพยาบาลและคนไข้ ยิ่งไปกว่านั้นคิอพาทิศกับพิมพ์วิภาที่ได้รับแจ้งว่ามีคนบุกเข้ามาหาพ่อของเขาด้วยท่าทางที่ไม่สู้ดี พวกเขาจึงรุดมาอย่างรวดเร็วและทันได้เห็นพ่อของพวกเขาถูกอรรถพงษ์ชกหน้า
“คุณพ่อ..”
พาทิศรีบก้าวเข้าไปพร้อมกับยามอีกสองคน
“พามันออกไป..”
“ฉันจะไม่ยอมให้อภัยการกระทำของนายคณิน ไอ้โง่ คนที่เลวร้ายคือคนที่อยู่ข้างกายของนาย คนที่รักนายมาจนป่านนี้มีคนเดียวเท่านั้น โชษิตา..”
“ลากมันออกไป..”
คณินตะโกนบอกยามให้รีบลากอรรถพงษ์ออกไปก่อนที่เขาจะพูดพร่ำอะไรออกมามากไปกว่านั้น
“ฉันจะมาอีก เรายังต้องคุยกัน ฉันจะไม่ยอมให้นายเป็นฝ่ายกระทำอีกต่อไป..”
“คุณพ่อคะ พิมพ์ว่าทำแผลก่อนดีไหมคะ..”
“ไม่ต้อง..”
คณินพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไปทางด้านหลัง
“พ่อครับ มันเรื่องอะไรกันครับ ผู้ชายคนนั้นเป็นใครครับพ่อ..”
พาทิศพยายามร้องถาม แต่นายคณินก็ปิดปากเงียบแล้วเดินหนีไป ทำให้ทั้งสองได้แต่ยืนงงอยู่กับที่
“แกว่าอะไรนะ มันบุกไปถึงโรงพยาบาลชกหน้าคุณคณินด้วยหรือ เลวที่สุด..ดวงมันแข็งจริง น่าจะตายตั้งแต่เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนโน้นแล้ว..”
“ยังมีอีกครับ เรื่องที่คุณผู้หญิงให้ผมไปสืบว่า คุณโภคาธรไปทำอะไรที่ไหน..”
“ว่ามา..”
“เขาเข้าไปดูแลที่ดินกว่าสามร้อยไร่ ซึ่งเดิมเป็นของนายอรรถพงษ์..ตอนนี้กำลังเปลี่ยนแปลงจากพืชไร่เป็นสวนส้มกับฟาร์มเห็ดและลงแปลงดอกไม้ ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาติดต่อขอซื้อที่ดินที่ติดกับที่ดินแปลงนี้เยื้องไปทางด้านหลังที่มีน้ำตก แล้วเตรียมตัดถนนให้เชื่อมต่อกับถนนสายหลัก..”
“นี่คุณคณินเริ่มลำเอียงแล้วหรือนี่ เขาให้มันมากขนาดนั้นได้ยังไงฉันไม่ยอม..”
“และที่ห่างจากที่ดินแปลงนั้น เป็นที่อยู่ของนายอรรถพงษ์กับเมียและลูกชายหญิงครับ..”
“อะไรนะ!!!มันยังอยู่อีกหรือนี่ โชษิตามันยังไม่ตาย พวกมันยังอยู่ แถมมีลูกด้วยกัน..”
หล่อนรู้สึกตะครั่นตะครอด้วยแรงริษยาและความชิงชังที่สุมไว้ในอก
“คุณพาทิศมาค่ะคุณผู้หญิง..”
“แกออกไปก่อน..”
หล่อนปรับสีหน้าให้สดใสขึ้นเมื่อมองเห็นพาทิศ พิมพ์วิภาและชลลิณี หญิงสาววัยเดียวกับพิมพ์วิภาเดินเข้ามา
“คุณพ่อล่ะจ๊ะ กลับมาด้วยไหม..”
“คุณพ่อมาก่อนเราครับแม่ คงอยู่บ้านคุณย่า..”
กัญญาภัคยังคงยิ้มละไมทั้งที่ใจอดคิดไม่ได้ว่า เขาอาจจะแอบไปหาโชษิตา
“นั่งสิจ๊ะ แม่มีเรื่องจะไหว้วานนะพาทิศ..”
“อะไรครับแม่..”
“ตอนนี้คุณพ่อได้ซื้อที่ดินเอาไว้แปลงหนึ่ง ให้โภคาธรไปดูแล แต่มันเป็นงานหนักมากสำหรับเขา แม่อยากให้พาทิศไปช่วยพี่อีกแรงจะได้ไหม หาเวลาว่างในช่วงที่เป็นวันหยุดหรือเวลาที่ไม่มีคนไข้..”
“ได้ครับแม่..”
“มากันเหนื่อย ๆ ไปอาบน้ำก่อนเถอะลูก ให้หนูชลลิณีอยู่กับแม่ที่นี่แหละ..”
เจ้าหล่อนเริ่มแผนการหนึ่งทันที และรอจนลูกชายหญิงคล้อยหลังจึงหันมาหาชลลิณี รวบมือหล่อนไว้อย่างปลอบโยน
“ลูกสะใภ้คนโตของแม่ จะต้องเป็นหนูคนเดียวเท่านั้น..”
หญิงสาววัยยี่สิบสอง ยิ้มเอียงอาย
“โภคาธรไม่มีอะไรเสียหายเลย เขาเหมือนผ้าขาวที่สะอาด เป็นคนดีมากคนหนึ่ง หนูจะไม่ผิดหวังหากได้แต่งงานกับผู้ชายอย่างเขา เพราะฉะนั้น ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ไม่ว่าเขาอยู่ไหน ไปที่ไหน ขอให้หนูเป็นเหมือนเงาตามตัวเขา คอยดูแลเขาอย่าให้คลาดสายตา หนูจะทำได้ไหมจ๊ะ..”
ชลลิณียิ้มกว้าง
“หากคุณป้าเห็นสมควร ชลก็ยินดีค่ะ..”
“ดีมากจ้ะ พรุ่งนี้ก็ไปที่ไร่นั้นนะจ๊ะ ไปดูแลเขาแทนป้า อย่าให้ใครเข้าใกล้เขาได้ เพราะลูกสะใภ้ของป้าต้องเป็นหนูเท่านั้นจำเอาไว้นะจ๊ะ..”
“ค่ะ..”
กัญญาภัคยิ้มเย็นทั้งที่ใจยังชิงชังที่ชลลิณีเป็นลูกสาวของธนายุต ชายคนหนึ่งที่เคยฝากรอยแผลไว้ให้หล่อนต้องเจ็บปวดมาจนถึงทุกวันนี้ ทุกครั้งที่หล่อนได้มองเห็นหน้าพาทิศลูกชายของหล่อนก็จะทำให้นึกถึงเขาคนนี้ขึ้นมา
