เลขาคนใหม่-1
สไวยาเดินลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้องพักในตอนสายของวัน รีฮานรับปากว่าจะหาที่อยู่ใหม่ให้ ที่ซึ่งสะดวกและเหมาะสมสำหรับการเป็นเลขาส่วนตัวของเขา
เสียงล้อเล็กๆ ของกระเป๋าเดินทางหมุนไปตามแรงลากของคนที่เดินนำ หญิงสาวอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์ดูสบายๆ ลักษณะการแต่งกายที่ไม่ได้สะดุดตา ผมสีน้ำตาลที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์เป็นเงาถูกรวบมัดไว้ด้านหลัง แต่ในความธรรมดายังมีความเฉิดฉายด้วยรูปร่างที่สมส่วน อีกทั้งใบหน้าที่สวยสะดุดตา ซึ่งนี่เองที่กลายเป็นจุดสนใจของใครบางคนที่ยืนเตร็ดเตร่อยู่บริเวณนั้น
‘นั่น ผู้หญิงคนนั้น’
ชายคนหนึ่งคิดในใจ ก่อนจะสะกดรอยตามหญิงสาวที่เดินไปขึ้นรถแท็กซี่ริมถนน จนเมื่อรถคันดังกล่าวเคลื่อนออกไปแล้ว ชายผู้นี้ถึงได้ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาแล้วกดเบอร์โทรหาพรรคพวกของตนเอง
ไม่นานนักสไวยาก็มาถึงโรงแรมดิเอมิเรตส์พาราไดซ์ หญิงสาวยืนรออยู่หน้าลานน้ำพุของโรงแรมซึ่งรอบข้างเป็นแนวต้นปาล์มสูงให้ความร่มรื่น รีฮานนัดเธอไว้ที่นี่ตอนเที่ยงตรง แต่นี่ก็เลยเวลามาร่วมสิบนาทีแล้วยังไม่มีทีท่าว่าเขาจะโผล่มา หรือว่าชายหนุ่มจะเปลี่ยนใจเลิกจ้าง
ไม่นะ ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอคงต้องอดตายแน่
พอคิดได้ดังนั้นแล้วก็เริ่มรู้สึกเป็นกังวล แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนชะเง้อมองออกไปนอกถนน ซึ่งเมืองนี้รถราที่วิ่งผ่านไปแต่ละคันก็เร็วฉิวราวกับจะเหาะ ตามขอบทางหรือเกาะกลางยังคงความเขียวขจีของต้นไม้ ทว่าแสงแดดแผดเผาร้อนระอุแม้จะใส่เสื้อแขนยาวคลุมอย่างมิดชิด
ขณะนี้อุณหภูมิร้อนถึง 40 องศาเซลเซียส ร่างบางทอดสายตามองตึกสูงที่อยู่ไกล้ชายฝั่ง แสงอาทิตย์สะท้อนยอดตึกเป็นประกายวาววับ เส้นขอบฟ้าของนครใหญ่นั้นเรียงรายไปด้วยสิ่งปลูกสร้าง ทั้งที่ตั้งตระหง่านและที่กำลังก่อสร้างเป็นเครนสูงอีกหลายต่อหลายแห่ง สมกับเป็นสถานที่ซึ่งนักลงทุนต่างจ้องแสวงหาผลกำไรบนผืนทรายที่เปรียบเสมือนสรวงสรรค์ของพวกเขา
รถซีดานคันหนึ่งจอดนิ่งอยู่ริมถนนมาสักพักแล้ว สไวยาเริ่มสังเกตว่าคนในรถเปิดกระจกมองมาที่เธอหลายครั้ง ใจหนึ่งก็คิดว่าหรือนั่นจะเป็นคนของรีฮาน เขาอาจไม่มีเวลาว่างพอจะมารับเธอด้วยตนเองจึงส่งลูกน้องมา ซึ่งนั่นก็คงจะไม่แปลก เพราะคนระดับเขาหรือจะมาใส่ใจอะไรกับผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเธอ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น สไวยาก็เดินเข้าไปใกล้รถยนต์คันดังกล่าวอีกนิด จนพอจะมองเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ในรถเป็นชายชาวอาหรับในชุดกันดูร่า4สีขาวแขนยาวคอปก ดูจากท่าทางแล้วไม่น่าจะใช่บอดี้การ์ดของนักธุรกิจหนุ่ม เมื่อมั่นใจเช่นนั้นก็หันหลังกลับทันที แต่พอจะก้าวเท้าเดินต่อก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“หยุด!”
เสียงนั้นทำให้สไวยาชะงักกึก ก่อนจะหันไปและเห็นว่ามีชายร่างสันทัดสองคนก้าวลงมาจากรถคันนั้น พวกเขาวิ่งตรงมาที่เธอ ซึ่งแน่นอนว่าพวกนั้นย่อมต้องไม่ใช่ผู้ประสงค์ดี
‘แย่แล้ว’ สไวยาคิดในใจ พลางหุบก้านมือจับที่ใช้ลากกระเป๋าเดินทางลงก่อนจะหิ้วมันแล้ววิ่งหนีสุดชีวิต โดยมีชายสองคนนั้นวิ่งตามมาติดๆ
ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าจะวิ่งเข้าไปในฝูงชนแต่ถูกหนึ่งในคนร้ายดักเอาไว้ทำให้เริ่มจนมุม ทางเดียวที่จะหนีรอดก็คือต้องวิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่ง แต่รถราที่นี่วิ่งเร็วอย่างกับจรวด เธอจะผ่านไปได้อย่างไรกับถนนตั้งหลายเลน
“เฮ้! ทางนี้!”
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นห่างจากจุดที่เธอยืนหันรีหันขวางไปเล็กน้อย รีฮานยืนอยู่ข้างรถคาดิแลคสีเงินยวงรุ่นพิเศษที่ประตูด้านคนขับเปิดกว้าง เขาเล็งปืนไปที่ชายฉกรรจ์สองคนที่ทำท่าจะวิ่งตามมากระทั่งพวกนั้นหยุดชะงัก เปิดโอกาสให้สไวยาอ้อมขึ้นมานั่งบนรถได้สำเร็จ เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วชายหนุ่มจึงเก็บปืนและก้าวขึ้นรถก่อนจะรีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้สองคนร้ายชี้มือชี้ไม้ตะโกนโหวกเหวกอย่างโกรธเคือง
“ฉันนึกว่าคุณจะไม่มาซะแล้ว” ร่างบางหายใจหอบและเอนไปกับเบาะนุ่มอย่างหมดแรง รีฮานได้โอกาสจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“พวกนั้นเป็นใคร ทำไมต้องตามจับเธอด้วย?”
“ฉันก็ไม่รู้ ฉันไม่รู้จักคนพวกนั้น” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงหอบเหนื่อยราวจะขาดใจ นับว่าโชคดีที่รีฮานมาได้จังหวะ เธอตั้งใจจะกล่าวขอบคุณเขาแต่ชายหนุ่มกลับซักไซ้ไม่หยุด
“เธอเคยมีปัญหาอะไรกับใครที่ไหนรึเปล่า ตอนอยู่แอร์พอร์ตเธอก็เคยบอกว่ามีคนตามล่าเธอ ขอโทษที่ตอนนั้นฉันไม่เชื่อ แต่ฉันไม่อยากรับคนที่มีปัญหาเข้ามาทำงานด้วยหรอกนะ” เขาระแวง
เมื่อถูกไล่เลียงมากเข้า คนขวัญเสียก็เริ่มเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้ ตอบได้แต่คำว่า ‘ไม่รู้’
สไวยาอดพ้อไม่ได้ว่าแค่มาติดอยู่ที่นี่ยังแทบจะเอาตัวไม่รอดแล้ว จะให้เธอไปมีเรื่องมีราวกับใครได้ แต่ชายหนุ่มกลับคาดคั้นราวกับเธอเป็นผู้ต้องหา สักพักคนมาใหม่ก็นิ่งเงียบไป หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเนื้อวูบวาบบอกไม่ถูก จู่ๆ สมองก็ตื้อคล้ายสติล่องลอยจนควบคุมไม่ได้
“เอ้า ว่าไงล่ะ?” รีฮานยังคาดคั้นต่อ แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบจึงหันมามอง และทันเห็นว่าร่างบางค่อยๆ หมดแรงคอพับไปกับเบาะ หมดสติไปต่อหน้าต่อตาเขา
“เฮ้! สไวยา” ชายหนุ่มร้องเรียก พลางหักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าจอดข้างทาง พยายามแก้ไขหาทางทำให้อีกฝ่ายฟื้นขึ้นมา ซึ่งไม่กี่นาทีต่อจากนั้นหญิงสาวก็เริ่มขยับตัว เปลือกตาหนักค่อยๆ เผยอขึ้นก่อนจะกะพริบถี่
รีฮานมองเธออย่างจดจ้อง ก่อนจะยื่นขวดน้ำให้ดื่มและออกรถขับต่อไปกระทั่งถึงบริเวณที่เป็นท่าเทียบเรือ จากตรงนี้มองออกไปจะเห็นชายฝั่งที่มีน้ำทะเลสีเขียวตัดกับขอบฟ้า มีเรือยอร์ชของบรรดามหาเศรษฐีหลายลำจอดเทียบท่าอยู่
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม?” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย ชายหนุ่มจึงรีบบอกเพราะเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายดูหวาดระแวง
“เดี๋ยวเราจะข้ามเรือไปฝั่งโน้น พอดีฉันมีธุระ”
พอรู้ว่าจะต้องนั่งเรือ หญิงสาวก็ถึงกับหน้าถอดสี สไวยาไม่ได้พูดอะไรต่อได้แต่เดินตามไปอย่างเงียบๆ กระทั่งถึงเรือยอร์ชส่วนตัวของนักธุรกิจหนุ่มซึ่งคอฟมันยืนรออยู่บนเรือแล้ว
รีฮานก้าวขึ้นไปและส่งมือมาให้จับ แต่หญิงสาวปฏิเสธทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเสียหน้าจนต้องเดินเลี่ยงไปทางอื่น ในแววตาเข้มคู่นั้นดูเหมือนเขาจะคาดโทษเธอไว้กลายๆ
หลังเรือเริ่มออกจากฝั่ง คนเอวบางเริ่มหน้าซีดและออกอาการกระอักกระอ่วน หากรีฮานไม่ได้สังเกตเห็น เขายังคงพาเดินไปยังห้องพักด้านในอย่างช้าๆ ซึ่งอารมณ์นั้นคนมาใหม่ไม่ได้สนใจความหรูหราของสถาปัตยกรรมภายในเรือยอร์ชราคาหลายสิบล้านเลย รู้แต่ว่าเท้าที่ก้าวไปแต่ละก้าวนั้นเริ่มไม่ค่อยจะแตะพื้น ซ้ำทุกสิ่งรอบตัวก็ดูเหมือนกับจะหมุนได้
‘เวียนหัวชะมัด’ ร่างบางคิดนใจ ขณะที่สติตอนนั้นก็เริ่มพร่าเลือนลงทุกขณะ
“เป็นอะไรรึเปล่า?”
รีฮานเห็นแล้วว่าเธอมีอาการผิดปกติ แต่เมื่อเขาถามเธอกลับนิ่งเฉยจนน่าโมโห โดยหารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายกำลังสะกดกลั้นอยู่
ครั้นเขาคาดคั้นหนักเข้ารายนี้ก็เลยฝืนต่อไปไม่ไหว ร่างบางวิ่งหาห้องน้ำและอาเจียนพรวดออกมาจนหมด เล่นเอาเจ้าของเรือถึงกับยืนงง ได้แต่สั่งให้คนของเขาซึ่งทำหน้าที่คอยรับใช้ในเรือช่วยกันพยุงคนป่วยไปพักและหายาพร้อมกับซุปร้อนๆ ให้ทาน
ชายหนุ่มก็ไม่คิดว่าเธอจะเมาเรือ ซึ่งพอรายนั้นได้ทานยาแก้เมาและซุปร้อนๆ เข้าไปก็รู้สึกดีขึ้น
สไวยาไม่รู้เลยว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน แต่เมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในห้องเลย เดาว่ารีฮานคงขึ้นไปคุยธุระกับเพื่อนตามที่เขาบอก คนป่วยจึงได้แต่นั่งมองชายฝั่งผ่านกระจกหน้าต่างของเรือยอร์ชลำนี้ ซึ่งเวลานั้นพระอาทิตย์ก็คล้อยต่ำลงทุกทีแล้ว สักพักใหญ่ๆ เจ้าของเรือและคนสนิทของเขาถึงได้เดินทางกลับขึ้นมา
กรุงอาบูดาบี เมืองหลวงของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ที่นี่คือมหานครที่มีพื้นที่สีเขียวมากกว่าความแห้งแล้งของผืนทราย สถานที่ที่รายล้อมไปด้วยตึกสูงระฟ้าในย่านใจกลางเมือง ดินแดนแห่งหาดทรายอันสวยงามกับแสงแห่งพระอาทิตย์สว่างไสว สีครามของท้องฟ้าจรดผืนน้ำในทะเลอาระเบียนเป็นจุดสนใจของผู้คนและนักท่องเที่ยว ทั้งความเจริญรุดหน้าทางด้านสถาปัตยกรรมยังทำให้ดินแดนแห่งนี้เป็นที่ใฝ่ฝันของใครหลายๆ คน
แสงอาทิตย์หายลับไปในช่วงเวลาใกล้ค่ำ รีฮานขับรถยนต์คันหรูพาสไวยาที่นอนหลับมาตลอดทางผ่านประตูเหล็กลายสวยเข้าไปยังคฤหาสน์ส่วนตัวบนพื้นที่กว่าสิบเอเคอร์5 บริเวณด้านหน้าและโดยรอบมีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา สองข้างทางที่รถเคลื่อนผ่านถูกจัดเป็นสวนและลานน้ำพุขนาดใหญ่ มองตรงไปเห็นความอลังการของสถาปัตยกรรมสีขาวหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นอาหรับ
ครั้นพอนักธุรกิจหนุ่มขับรถมาจอดบริเวณหน้าคฤหาสน์เรียบร้อย เขาก็ดับเครื่องและหันมาเรียกหญิงสาวที่ยังคงหลับอยู่ตรงเบาะข้างคนขับ
“สไวยา...ตื่นเถอะ ถึงแล้ว”
หญิงสาวรู้สึกตัวขึ้นมาอย่างสะลืมสะลือหลังรู้สึกว่ามีคนกำลังเรียกชื่อเธออยู่ น้ำเสียงทุ้มนุ่มลึกราวกับเสียงเรียกที่เคยได้ยินเมื่อตอนเด็กๆ จนเผลอคิดว่าเสียงนี้เป็นบิดาจึงขานรับ ทำให้รีฮานซึ่งกำลังจะเปิดประตูลงไปชะงักเล็กน้อยและหันกลับมา
แสงสลัวจากด้านนอกส่องลอดเข้ามาพอจะทำให้เห็นใบหน้าสวยหวานชัดขึ้น ดูเหมือนเธอกำลังอมยิ้ม ชายหนุ่มก้าวลงจากรถและไปเปิดประตูด้านที่เธอนั่งพร้อมเรียกเบาๆ อีกครั้ง
“สไวยา...ถึงแล้ว”
ครั้งนี้หญิงสาวเอนตัวมาใกล้เสมือนโหยหาไออุ่นจากอ้อมกอด แต่ที่กายของเธอกำลังแนบอิงอยู่นั้นหาใช่อ้อมอกของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาไม่
‘ดูท่าจะละเมอ’ รีฮานคิดในใจ ก่อนตัดสินใจเรียกให้ดังขึ้นอีกนิด
คราวนี้เธอได้สติ ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับทำหน้างง ประหนึ่งว่าเมื่อครู่ยังได้อยู่กับผู้เป็นพ่อ ได้ซบได้โอบกอดให้หายคิดถึง ทว่าพอลืมตาตื่นขึ้นมาทุกสิ่งทุกอย่างกลับมลายหายไปสิ้น สำนึกแล้วว่าเจ้าของแผ่นอกที่อิงแอบไปนั้นคือผู้เป็นนาย ร่างบางจึงรีบผละออกด้วยความละอาย
“คุณรีฮาน...ที่นี่ที่ไหนคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่าง
ข้างทางเป็นภาพของต้นไม้ท่ามกลางแสงส้มสลัวของไฟสนาม ละอองน้ำพุพวยพุ่งเป็นฝอยในอากาศ คฤหาสน์หลังใหญ่สะท้อนอยู่ในแววตาสีเทาคู่นี้ มันช่างยิ่งใหญ่และงดงามอย่างกับภาพวาดในกรอบหรู
“ที่นี่คือบ้านของฉัน” เขาแนะนำและเอ่ยปากชวนเธอลงมาข้างล่าง
ความรู้สึกของสไวยาตอนนี้ เธอช่างเหมือนกับแมลงตัวน้อยๆ ที่หลงเข้ามาในอาณาจักรอันแสนวิเศษ ร่างบางยืนหมุนไปมาและมองบรรยากาศรอบๆ ตัว เสียงน้ำพุดังกระเซ็นราวกับเป็นเครื่องดนตรีชั้นยอด พอหลุดจากห้องเช่าโกโรโกโสมาได้ก็ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นสถานที่สุดวิเศษเช่นนี้
“สวยจังเลยค่ะ ว่าแต่พาฉันมาที่นี่ทำไมคะ ไหนคุณบอกว่าจะหาที่พักให้ฉัน?” สไวยาทัก คนเป็นนายจึงพยักหน้า
“ก็ที่นี่ไง ที่พักของเธอ ที่ที่เหมาะสมที่สุดเพราะฉันจะได้ติดต่อเธอได้สะดวกทุกเวลา” พูดจบก็เดินตรงไปที่ประตูบานใหญ่
คนรับใช้ในบ้านทยอยออกมาต้อนรับราวกับเขาเป็นเจ้าชาย สตรีที่นี่แต่งกายด้วยชุดอาบายา6คลุมศีรษะด้วยผ้าฮิญาบ7สีดำ รีฮานแนะนำคนมาใหม่ให้บรรดาคนรับใช้รู้จัก ก่อนจะสั่งให้แม่บ้านพาสไวยาไปยังห้องพักที่จัดเตรียมไว้
“ค่ะ คุณรีฮาน” แม่บ้านของคฤหาสน์รับคำผู้เป็นนาย ก่อนจะหันมาบอกหญิงสาวที่ยืนทำหน้าใคร่รู้
“ตามฉันมาค่ะ”
ซัลมา แม่บ้านของที่นี่เป็นหญิงอาหรับวัยกลางคนซึ่งท่าทางนิ่งเฉยและสุขุม นางเป็นใหญ่และดูแลความเรียบร้อยต่างๆ ภายในบ้าน สไวยาสังเกตว่านางเพียรมองมาที่เธอตลอดเวลาด้วยสีหน้าประหนึ่งมีคำถาม ทว่าในแววตาคู่นั้น สไวยาอ่านไม่ออกว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
ซัลมาพาผู้มาใหม่เดินเข้าไปในบ้าน ผ่านประตูโค้งกว้างเข้าไปเป็นห้องโถงใหญ่เพดานสูง ด้านในมีบันไดสองฝั่งเชื่อมขึ้นไปยังระเบียงชั้นบน ซึ่งบนชั้นสองยังมีทางเดินเชื่อมต่อไปอีกยังห้องต่างๆ ทั้งฝั่งซ้ายขวาคาดว่าไม่ต่ำกว่าสิบห้อง ตอนนั้นผู้ติดตามเริ่มสงสัยแล้วว่าทำไมถึงพาเธอขึ้นมาบนนี้
“เอ่อ ห้องพักฉันไม่ได้อยู่ด้านหลังหรอกหรือคะ?”
“...” ซัลมาไม่ตอบ บอกแค่ว่านางมีหน้าที่แค่จัดการตามคำสั่งเจ้าของบ้านเท่านั้น ซึ่งพอพูดจบแม่บ้านประจำคฤหาสน์ก็พาเธอเลี้ยวซ้ายไปตามระเบียงที่เป็นลายเส้นสีน้ำตาลทอง เลี้ยวขวาอีกรอบตรงมุมและตรงเข้าไปจนสุด จากนั้นจึงหยุดยังประตูห้องหนึ่งซึ่งเป็นสีครีมทั้งบาน นางไขกุญแจเปิดประตูห้องดังกล่าวให้ก่อนเอ่ยบอกสไวยาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“นี่คือห้องพักของคุณค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยิ้มและค้อมศีรษะนิดๆ อย่างเกรงใจ
วินาทีแรกที่ได้เห็นสภาพแวดล้อมภายในห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราก็ถึงกับตะลึง รีฮานเจตนาจะให้เธอพักที่นี่จริงหรือ นี่ไม่ต่างกับโรงแรมหรูระดับห้าดาวเลย ทำไมเจ้านายใหม่ของเธอถึงได้ใจดีอะไรขนาดนี้
หลังคนใช้นำกระเป๋าเข้าไปเก็บ ซัลมาก็เอ่ยแนะนำส่วนต่างๆ ของบ้านให้ทราบพอสังเขป รวมถึงกฎระเบียบในบ้านและเวลาตั้งโต๊ะอาหาร สไวยาถึงเพิ่งทราบว่าเธอจะต้องลงไปร่วมโต๊ะกับรีฮานด้วย ซึ่งแม่บ้านวัยกลางคนก็ชี้แจงว่าเป็นหน้าที่ เพราะคอฟมันก็ทำแบบนี้เสมอ หญิงสาวก็เลยไม่กล้าทักท้วงได้แต่พยักหน้ารับฟังอย่างเงียบๆ เห็นสีหน้าและแววตาจับจ้องของซัลมาแล้วไม่กล้ามีปัญหา เพราะดูท่าคุณแม่บ้านรายนี้จะเจ้าระเบียบเอาเรื่อง
ขณะนี้แม่บ้านวัยกลางคนเดินจากไปแล้ว ดูเหมือนนางไม่ค่อยอยากเจรจากับเธอสักเท่าไหร่ ตลอดเวลาที่แนะนำก็เหมือนคอยหยั่งเชิงคนมาใหม่ อาจจะด้วยเพราะบุคลิกและความที่มีอาวุโสทำให้สไวยารู้สึกเกรงใจ อีกอย่างว่าที่เลขาก็ตระหนักดีว่าเธอเป็นแค่ลูกจ้างธรรมดาคนหนึ่ง
เวลานี้ภายในห้องพักสุดหรูมีแค่ร่างบางยืนอยู่เพียงลำพัง หญิงสาวมองไปรอบๆ ห้องซึ่งด้านในตกแต่งอย่างดีด้วยวัสดุและเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง พลางคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะได้มาทำงานกับรีฮาน ชาตินี้ทั้งชาติเธอก็ไม่มีปัญญาหาของพวกนี้มาได้แน่ แต่ในความดีใจนั้นก็ยังมีความกังวลซ่อนอยู่ เพราะต่อไปนี้เธอจะต้องอยู่ที่นี่ในฐานะเลขาส่วนตัวของนักธุรกิจหนุ่ม ซึ่งยังไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อแลกกับเงินเดือนเดือนละเจ็ดพันดีแรห์ม แต่นั่นก็คงไม่หนักหนาสาหัสเกินกว่าที่จะรับไหว
จากจุดที่สไวยายืนอยู่นี้มองออกไปที่หน้าต่างจะเห็นวิวของสวนหย่อมหลังบ้านพอดี ทิศตะวันตกมีศาลาต้นปาล์มดูลึกลับและมีลานน้ำพุอีกแห่งอยู่ที่นั่น พ้นแนวพุ่มไม้ออกไปเป็นสระว่ายน้ำกว้างที่ดูเหมือนจะมีห้องฟิตเนสส่วนตัวข้างๆ ด้วย ด้านหลังสุดเป็นลานโล่งที่เหมือนกับไว้ทำอะไรสักอย่าง อาณาบริเวณกว้างมากถึงขนาดต้องมองออกไปไกลลิบกว่าจะสุดขอบกำแพงรั้ว และแม้เวลานี้จะค่ำแล้ว แต่แสงไฟจากเสารอบๆ ทางเดินนับร้อยดวงก็ยังส่องสว่างให้บรรยากาศแลสวยงามน่าหลงใหล
‘ง่วงนอนชะมัด’ ความคิดนี้แล่นเข้ามาในหัว ยิ่งพอได้เห็นที่นอนนุ่มๆ หญิงสาวยิ่งนึกอยากจะพุ่งตัวเข้าไปหา แต่ก็ต้องตัดใจเดินเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเพราะเที่ยวตะลอนๆ มาทั้งวัน
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ที่คิดว่าเหมาะสม คนมาใหม่ก็หันมองนาฬิกาเรือนทองติดผนังที่บอกเวลาว่าขณะนี้ใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้ว เดาว่าตอนนี้ทุกคนคงจะง่วนอยู่ในห้องครัวเพื่อจัดเตรียมโต๊ะอาหารสำหรับบรรดาท่านๆ ทั้งหลาย ซึ่งเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่มีใครอาศัยอยู่บ้าง แล้วถ้าเกิดทุกคนรู้ว่ารีฮานพาลูกจ้างเข้ามาพำนักอยู่ในบ้านจะเกิดอะไรขึ้น
จะว่าไปเขาก็ดูจะให้สิทธิพิเศษเธอมากมายเหลือเกิน ตอนแรกสไวยาคิดแค่ว่าคงจะได้ซุกหัวนอนอยู่ในเรือนคนใช้ด้วยซ้ำ
ทว่ายังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหน้าห้อง
ก๊อก ๆ ๆ
