บท
ตั้งค่า

นางโจร

“เธอชื่อสไวยาครับ...สไวยา รานี”

คอฟมันรายงานขณะพารีฮานมาทำแผลที่โรงพยาบาล

นายของเขาแค่ถูกยิงถากๆ เข้าที่ต้นแขนขวา และไม่ว่าอีกฝ่ายจะเจตนาหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าเมื่อคืนรีฮานหลบไม่ทัน มีหวังลูกกระสุนจากปากกระบอกปืนได้ฝังซี่โครงไว้เป็นที่ระลึกแน่

หัวหน้าบอดี้การ์ดหนุ่มสอบถามจนมั่นใจแล้วว่าหญิงสาวไม่ใช่คนของอาลีที่ถูกส่งมา เวลานี้คนต้นเหตุยังอยู่ในห้องโดยมีลูกน้องคนสนิททั้งสองของเขาเฝ้าเอาไว้ คนหนึ่งชื่อฮาคิมเป็นชาวอัลไวยาห์โดยกำเนิด คนตัวใหญ่ทำงานให้กับรีฮานมาเป็นเวลาร่วมสิบปีแล้ว ส่วนอีกคนที่เข้าไปสอบสวนชื่อซาฟา เขาผิวขาวร่างสันทัดและมีมนุษยสัมพันธ์กว่า ที่สำคัญรายนี้น้ำเสียงนุ่มนวลและไม่ห้าวเท่ากับฮาคิม ที่บางครั้งเวลาได้ยินคนตัวใหญ่พูดทีไรฟังดูแล้วอึดอัด

จากการให้ซาฟาไปสอบถามได้ความมาว่าหญิงสาวเป็นชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาจากประเทศไทย ที่หน้าตาไม่เหมือนชาวเอเชียแถมยังพูดภาษาอาหรับได้คล่องปรื๋อนั่นก็เพราะว่าเธอเป็นลูกครึ่ง มีบิดาเป็นชาวอาหรับ มารดาเป็นชาวไทยเชื้อสายอินเดีย นามสกุลรานีที่ใช้อยู่ก็เป็นของมารดา ส่วนเรื่องที่เธอเข้ามาในห้องของรีฮานนั้น เจ้าตัวบอกว่ากำลังหลบเจ้าของห้องๆ หนึ่งซึ่งกลับเข้ามาพอดีตอนที่เธอกำลังค้นหาบางอย่างในห้องของเขา

“แม่นั่นเป็นสปายรึ?” รีฮานทัก

“ก็คงทำนองนั้นครับ เธอบอกว่ามีคนจ้างให้เธอทำงานนี้ แต่นั่นไม่ใช่การล้วงความลับคุณ เพราะเธอแค่บังเอิญปีนลงมาจากระเบียงดาดฟ้าแล้วเห็นว่าห้องคุณไม่ได้ล็อกประตูหลังไว้ก็เท่านั้นเอง”

พอฟังที่คอฟมันอธิบายก็ผงกหัวทำเหมือนเข้าใจ ยังมีอีกหลายอย่างที่รีฮานอยากรู้แต่ซาฟาไม่ได้ถาม

นักธุรกิจหนุ่มอยากทราบประวัติของสไวยาทั้งหมดว่าเธอเป็นใครมาจากไหน และมาทำอะไรที่ดูไบ ซึ่งเขาจะต้องรู้ให้ได้ในไม่ช้า ชายหนุ่มจะเป็นผู้สอบสวนเธอด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังให้ซาฟาไปสืบข้อมูลประวัติความเป็นมาโดยละเอียดของสไวยามาอีกด้วย

ขณะที่สไวยากำลังนั่งหันรีหันขวางอยู่ภายในห้องนอนที่ถูกควบคุมตัวอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาในห้องและหยุดอยู่ที่หน้าประตู หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นไปเห็นชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่าน ลักษณะท่าทางของเขาเหมือนไม่ได้บาดเจ็บเท่าไหร่นัก เสื้อคลุมสีดำที่สวมทับปกปิดผ้าพันแผลไว้อย่างมิดชิด

รีฮานสั่งให้บอดี้การ์ดทั้งสองคนออกไป เขาต้องการอยู่กับเธอเพียงลำพัง ซึ่งนั่นทำให้หญิงสาวนึกประหวั่นอยู่ในใจ แต่เวลานี้แววตาของคนตรงหน้าไม่มีทีท่าจาบจ้วงล่วงเกินแม้แต่น้อย

“คุณเป็นยังไงบ้างคะ?” สไวยาเอ่ยถามด้วยความรู้สึกผิด ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้แต่ตอบสั้นๆ

“เจ็บ” เจ้าของห้องเดินมานั่งยังปลายเตียงและถอดเสื้อคลุมออกวางไว้ข้างๆ เผยให้เห็นผลพวงจากการกระทำของคนตรงหน้าอย่างชัดเจน ที่ผ้าพันแผลยังมีเลือดซึมออกมานิดๆ

“เจ็บมากมั้ยคะ?” ดูเหมือนสีหน้าของหญิงสาวแลให้ความสนใจกับผลงานของตัวเอง ไม่รู้ว่าเพราะสำนึกผิดหรือปลื้มที่สามารถทำให้เขาเลือดตกยางออกได้ ฝ่ายชายก็เลยตอบเหมือนไม่ค่อยจะสบอารมณ์

“ก็เจ็บ...ท่าจะผิดหวังสิที่ไม่แม่นอย่างที่ควรจะเป็น การจะเอาชีวิตฉันได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ”

สไวยาส่ายหน้าและชี้แจงว่าเธอไม่ได้มีเจตนาจะทำร้าย หากแค่ต้องการป้องกันตัว รีฮานถึงยกมือปัดอย่างไม่ใส่ใจนัก มีอย่างอื่นที่เขาอยากรู้มากกว่าคำแก้ตัวของเธอ

“ช่างเถอะ...ว่าแต่ทำไมถึงริจะมาเป็นโจร?”

คำถามนั้นทำเอาคนถูกกล่าวหาทำหน้าอึ้ง สไวยาแก้ต่างว่าตนเองไม่ใช่โจรแต่แค่รับจ้างล้วงความรับ โดยอ้างเหตุผลว่าถ้าไม่ทำก็จะไม่มีกิน คนได้ยินฟังแล้วก็จ้องหน้า

“จะเป็นสปายหรืออะไรก็เถอะ ถ้าลองจ้องจะขโมยความลับมันก็โจรเหมือนกันนั่นแหละ...แล้วทำไมไม่กลับประเทศเธอไปซะ มาอยู่ทำอะไรที่นี่?” รีฮานคาดคั้น ดูเหมือนอีกฝ่ายจะถอนใจเล็กน้อยก่อนตอบ

“ฉันก็อยากกลับ ฉันถูกส่งมาทำงานเป็นโคออดิเนเตอร์กับบริษัทรับเหมาในดูไบ แต่กระเป๋าฉันโดนขโมยที่แอร์พอร์ต ทั้งพาสปอร์ตและวีซ่าอยู่ในนั้นหมด เงินที่พกติดตัวตอนนั้นก็ไม่เยอะ แค่พอหาที่ซุกหัวนอนได้นี่ก็บุญเท่าไหร่แล้ว ฉันพยายามติดต่อขอความช่วยเหลือจากบริษัทและสถานทูตแต่แล้วเรื่องก็เงียบหาย ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน แล้วถ้าคุณจับฉันส่งตำรวจอีก ฉันก็คงจะโดนหลายข้อหา ฉันไม่อยากตายอยู่ในคุกประเทศคุณหรอกนะ” คำอธิบายที่พร่างพรูออกมาราวน้ำหลาก สะท้อนความรู้สึกอึดอัดและคับแค้นอยู่ในที น้ำเสียงฟังดูอ่อนล้า แม้แต่รีฮานเองยังต้องลอบถอนใจ

“ฟังดูก็น่าเห็นใจนะ ถ้าที่เธอพูดออกมาเป็นความจริง”

“ฉันสาบานได้ ถ้าฉันโกหกคุณแม้แต่คำเดียวขอให้ฉันเดินออกไปจากที่นี่แล้วตกท่อระบายน้ำเลยสิเอ้า” สไวยาไม่รู้จะยืนยันอย่างไรแล้วจึงได้อ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามสไตล์คนไทย รีฮานได้ยินก็อมยิ้มนิดๆ ไม่รู้ว่าแม่สาวต่างชาติสรรหาวิธีสบถสาบานเช่นนี้มาจากไหน

“เอาเป็นว่าฉันเชื่อเธอก็ได้ ฉันจะไม่ส่งเธอให้ตำรวจแล้วกัน” ชายหนุ่มรับปาก คนฟังค่อยใจชื้น แต่ไม่วายต่อรองอีกนิดว่าเขาต้องไม่ส่งเธอให้พวกลูกน้องกลัดมันของเขาด้วย

รีฮานยิ้มมุมปากนิดๆ ก่อนพยักหน้าแทนคำตอบ แต่อีกฝ่ายเริ่มลังเล อะไรทำให้ชายหนุ่มเปลี่ยนใจง่ายขนาดนี้

“ว่าแต่คุณต้องการอะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยน?” ขณะที่ถามก็เกรงกลัวในคำตอบ ซึ่งอีกฝ่ายก็ย้ำชัดและตรงประเด็น

“ตัวเธอ” รีฮานระบุ พลางจับจ้องท่าทางการตอบสนองของฝ่ายหญิงที่มีต่อเขา แน่นอนว่าสไวยาปฏิเสธเสียงแข็ง

เธอคิดว่าเขาจะเลิกล้มความคิดทุเรศนี่แล้วเสียอีก อุตส่าห์ยอมคุยด้วยดีๆ พาลประณามว่าผู้ชายก็เป็นเหมือนกันหมด หื่น กระหาย หมกมุ่น รีฮานฟังแล้วนึกขำ ถามตามตรงว่าหญิงสาวมีความหลังอะไรกับเรื่องพวกนี้หรือเปล่า เคยถูกใครล่อลวงหรือไงถึงได้จงเกลียดจงชังผู้ชายนัก

“ใจเย็นสิ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นซักหน่อย ขอโทษที่ตอนแรกเผลอทำกิริยาทรามๆ ใส่เธอ แต่ตอนนั้นไม่รู้มันเป็นบ้าอะไร พอเห็นเธอแล้วมันเกิดความรู้สึกอย่างว่าขึ้นมาจริงๆ”

“นี่คุณ!” สไวยาทำตาเขียวใส่ รีฮานจึงรีบยกมือยั้ง

“ใจเย็นน่า ไม่ต้องห่วงหรอก ตอนนี้ฉันควบคุมตัวเองได้แล้ว รู้สึกมีสติขึ้นมาเยอะเลยตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ไม่รู้ว่าเธอโชคดีหรือฉันโชคร้ายนะที่มาถูกยิงเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเมื่อคืนนี้เธอคงลำบาก สงสัยก่อนหน้าเมาไปหน่อยเลยทำอะไรดิบๆ ลงไป หวังว่าเธอคงจะเข้าใจนะ”

“เอ่อ...” หญิงสาวถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่บอกกับตัวเองว่าไม่ ใครจะไปเข้าใจ ลองมาเจอแบบเธอบ้างจะยังมีหน้ามาสั่งให้คนอื่นเข้าใจได้อีกหรือเปล่า

ร่างบางรู้สึกสับสนกับชายคนนี้ เขาเป็นคนยังไงกันแน่ ก่อนหน้าก็ทำดุดันป่าเถื่อน มาตอนนี้กลับสุภาพจริงใจแลเป็นมิตร ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาสรุปใครบ้าหรือใครกันแน่ที่เมา

“นี่ ฉันมีข้อเสนอ ถ้าเธอตกลง เรื่องทุกอย่างก็จะจบลงภายในวันนี้” เขาเริ่มประเด็นใหม่เมื่อเห็นสไวยายังนั่งนิ่ง เมื่อได้ยินคำว่าข้อเสนอ ฝ่ายหญิงก็ดูเริ่มจะมีน้ำเสียงเย็นลง

รีฮานบอกว่าเขากำลังต้องการเลขาส่วนตัวมาทำงานแทนคอฟมัน สไวยามีคุณสมบัติตามที่เขาต้องการเพราะเธอพูดได้ทั้งภาษาอังกฤษและอาหรับ ที่สำคัญ...เขาชอบความหยิ่งทระนงของเธอ

“หมายความว่าคุณจะให้ฉันมาทำงานกับคุณ...มาเป็นเลขาคุณน่ะเหรอ?” สไวยาถามย้ำอย่างไม่แน่ใจ

“ใช่ ฉันจ้างเธอ แต่เธอจะต้องมาทดลองทำงานกับฉันดูก่อนเป็นเวลาหนึ่งเดือน หลังจากนั้นฉันถึงจะให้ค่าจ้างเธอเดือนละเจ็ดพันดีแรห์ม3...ตกลงมั้ย?”

สไวยาเริ่มคำนวณตัวเงินในหัวสมอง ถ้าตีค่าเป็นเงินดอลลาร์อาจจะไม่มากเท่าไหร่ แต่ถ้าคำนวณออกมาเป็นเงินไทยก็มากโขเอาการ ที่แน่ๆ มันมากกว่าเงินเดือนล่าสุดที่เธอได้รับในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานด้วยซ้ำ

“แล้วระหว่างหนึ่งเดือนนี้ล่ะ ฉันจะได้อะไรตอบแทน?”

รีฮานได้ยินแล้วก็ส่ายหัว ผู้หญิงครึ่งค่อนโลกนี่เหมือนกันหมดหรือไร พอเห็นเงินแล้วชอบทำตาโต ซึ่งเจ้าตัวเองอาจจะไม่รู้สึก แต่เขาในฐานะคู่สนทนาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าอย่างชัดเจน

“หนึ่งเดือนระหว่างทดลองงานเธอจะไม่ได้อะไรเลย แม้แต่ดีแรห์มเดียว”

“อ้าว! ทำไมอย่างงั้นล่ะ?” เจ้าตัวเริ่มโวยวายและกล้าที่จะต่อปากต่อคำมากขึ้น รีฮานถึงอ้างว่าเป็นการชดเชยค่ารักษาพยาบาลเมื่อคืน นี่เขาไม่เอาเรื่องก็ดีเท่าไหร่แล้ว อีกฝ่ายเลยหน้าเจื่อนเถียงไม่ออก

“สรุปจะเอายังไง...ตกลงหรือปฏิเสธ?” เขาทวงถาม

“เอ่อ...” คนลังเลยังคิดหน้าคิดหลังไม่รับปาก

“ยังต้องคิดอะไรอีก โอกาสดีๆ รอเธออยู่ตรงหน้านี่แล้ว คิดดู ถ้าเธอปฏิเสธมันจะน่าเสียดายขนาดไหน ไหนจะโอกาส ไหนจะความสามารถที่เธอมี เธอจะทิ้งมันและมาทำตัวเป็นโจรเป็นสายสืบแบบนี้น่ะเหรอ?...ลองคิดดูสไวยา มีอีกกี่คนที่อยากได้โอกาสแบบเธอ?” รีฮานโน้มน้าว แต่เมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้าหนักใจจึงไม่เร่งรัด เขาให้โอกาสเธอคิดทบทวนข้อเสนอของเขาเป็นเวลาหนึ่งคืน พรุ่งนี้ตอนสายๆ เขาจะมาฟังคำตอบ

“งั้นคืนนี้เธอก็นอนพักผ่อนให้สบาย ฉันอนุญาตให้เธอออกไปข้างนอกห้องนอนนี่ได้แต่ไม่ใช่นอกห้องพักนะ ฉันไม่อยากให้ใครเห็นว่าเธออยู่ในห้องพักส่วนตัวของฉัน เธออยากอาบน้ำหรือทำอะไรก็แล้วแต่ ส่วนฉันจะกลับไปนอนที่บ้าน แล้วพรุ่งนี้เจอกัน...หวังว่าคงจะไม่ชิ่งหนีไปไหนนะ เพราะถ้าจะหนีฉันได้ เธอต้องหนีให้ไกล ไม่ก็ออกนอกประเทศไปเลย เพราะถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะลากเธอกลับมา” เขาขู่ทิ้งท้ายก่อนเดินออกจากห้อง สไวยาถึงถอนใจเฮือกใหญ่ พลางคิดว่ามันจะดีจริงหรือถ้าต้องไปทำงานกับมาเฟียใจยักษ์อย่างนี้

ภายใต้คฤหาสน์ที่โอ่อ่ากว้างขวางของรีฮาน ร่างสูงใหญ่ของเจ้าของบ้านเดินลงจากบันไดชั้นสอง สายตามองตรงมายังชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงสง่าและใบหน้าชวนฝันที่นั่งรออยู่บนโซฟารับแขก บุรุษผู้นี้มีศักดิ์เป็นถึงรัชทายาทแห่งรัฐอัลไวยาห์ นครใหญ่ของประเทศที่อยู่ทางตอนใต้ของทะเลอาระเบียนติดกับฝั่งตะวันตกของกรุงอาบูดาบี

“มาแต่เช้าเลยนะครับเชค”

คำกล่าวทักทายที่ดูเป็นกันเองทำให้เชคซาราฟเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมากว่าสิบปีทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ สืบเนื่องมาจากรุ่นบิดาที่เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยกันมา ทำให้มรดกแห่งความสัมพันธ์ที่ว่าตกทอดมาจนถึงรุ่นปัจจุบัน

“ฉันได้ข่าวว่านายถูกยิง ฝีมือผู้หญิงเสียด้วย” เชคซาราฟหยอกนิดๆ ก่อนจะลุกขึ้นมาทำทีขอดูแขน แต่พอเผลอกลับใช้มือกดไปที่แผลจนรีฮานสะดุ้ง พอเห็นท่าทางเข่นเขี้ยวของเพื่อนแล้วกลับยืนหัวเราะชอบใจ

ที่เชคซาราฟรู้ข่าวไวขนาดนี้เพราะคอฟมันเป็นคนบอก เนื่องจากสองคนนี้สนิทสนมกันไม่น้อย รัชทายาทหนุ่มยังแปลกใจเมื่อรู้ว่าเธอเป็นคนเดียวกับหญิงสาวที่รีฮานเคยช่วยไว้ตอนเกิดพายุทราย แต่ไหนกลับตอบแทนน้ำใจได้เจ็บแสบขนาดนี้ แต่ที่ข้องใจหนักไปกว่านั้นคือรีฮานเกิดไปเสนอรับเธอเข้าทำงานเป็นเลขาแทนที่คอฟมัน ซึ่งใครก็รู้กันดีว่ารายนั้นควบตำแหน่งนี้มาตั้งนาน การตัดสินใจสายฟ้าแลบในครั้งนี้แม้แต่หัวหน้าบอดี้การ์ดหนุ่มเองก็ยังงง

“เห็นคอฟมันบอกว่าเธอโดนขโมยเอกสารสำคัญไปหมด ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่าในดูไบเนี่ยเหรอ ที่นั่นขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยเลยนะ” เชคซาราฟซัก

“ผมเองก็ข้องใจ” รีฮานตอบและเสริมว่าตนกำลังให้คนไปสืบประวัติความเป็นมาอยู่ อีกไม่นานคงได้รู้รายละเอียดกันมากกว่านี้ ถึงตอนนี้เขาเองก็ยังตอบอะไรมากไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ คือรีฮานมีบางสิ่งบางอย่างที่อยากรบกวนให้รัชทายาทหนุ่มช่วยดำเนินการให้

ทางด้านของสไวยา หลังจากตอบตกลงรับข้อเสนอที่รีฮานจะจ้างเธอมาทำงานเป็นเลขาส่วนตัว หญิงสาวก็กลับมาที่ห้องเช่าราคาถูกเพื่อตั้งหลัก เงินที่เหลือติดตัวก็แค่พอจ่ายค่าเช่าห้องงวดล่าสุดและค่ารถแท็กซี่อีกเล็กน้อยเท่านั้น ค่าจ้างที่อุตส่าห์ลงทุนลงแรงลอบเข้าไปเก็บหลักฐานถึงโรงแรมก็สูญไปพร้อมกับแผนการที่ล้มเหลว เงินมัดจำก็ถูกยึดไป ซ้ำยังโดนผู้ว่าจ้างด่าส่งมาอีก โชคยังดีที่มีข้อเสนอของรีฮาน แม้จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ดีกว่าอดตายอยู่ในดินแดนกลางทะเลทรายแบบนี้

ยิ่งนึกก็ยิ่งอนาถใจ ไม่รู้ชีวิตจะตกต่ำไปถึงไหน ตอนอยู่เมืองไทยก็หนีไม่พ้นโดนตราหน้าว่าเป็นเมียน้อย ทั้งที่ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังมันขมขื่นสักเพียงไหน แถมพอจะมีหน้าที่การงานมั่นคงก็มาถูกลอยแพอีก ชีวิตก็เลยเคว้งอย่างที่เห็น

“พ่อคะแม่คะ ช่วยคุ้มครองลูกด้วย ขอให้สิ่งที่หนูเลือกเป็นสิ่งที่ถูกต้องด้วยเถอะค่ะ” เสียงคร่ำครวญเบาๆ กลางห้องเช่าโทรมๆ แต่เธอมีปัญญาหาที่ซุกหัวนอนได้เพียงเท่านี้จริงๆ สำนึกในตอนนี้เฝ้านึกถึงแต่หน้าของผู้เป็นบิดากับมารดา แม้พวกท่านจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่สไวยารู้สึกเหมือนทั้งสองยังอยู่กับเธอตลอดเวลา อยู่ในล็อกเก็ตอันนี้

หญิงสาวมองไปที่กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินใบเล็ก มันเป็นสิ่งมีค่ามากที่สุดในชีวิต จี้ล็อกเก็ตที่บิดาตั้งใจทำขึ้นเพื่อเธอ เป็นเสมือนตัวแทนของพ่อที่ติดตัวหญิงสาวมาตั้งแต่เล็ก เป็นศูนย์รวมความรักระหว่างผู้เป็นบุพการีทั้งสอง

“รีนา ป่านนี้เธอจะรู้มั้ยนะว่าฉันอยู่ที่ไหน?” เสียงครวญต่อไปถึงเพื่อนสนิทที่อยู่ยังต่างแดน ตั้งแต่เกิดเรื่องกับสไวยา ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย

‘อยากกลับบ้าน’ ราวกับเสียงเพรียกจากก้นบึ้งของหัวใจ ขณะที่กำลังลงมือเก็บเสื้อผ้าซึ่งมีอยู่ไม่กี่ชุดลงกระเป๋าเดินทาง น้ำตาแห่งความอดสูก็ปรี่ออกมาอย่างไม่รู้ตัว นึกเวทนาในชะตากรรมของตนเองนัก ต่อจากนี้วิถีชีวิตจะดำเนินต่อไปอย่างไร ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่รอเธออยู่เบื้องหน้า โดยที่หญิงสาวไม่อาจล่วงรู้ได้เลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel