บทที่ 3

พศินเอื้อมมือไปหยิบซองสีน้ำตาลที่วางอยู่บนโต๊ะมาเปิดดู ในซองนั้นมีภาพถ่ายในหลายอิริยาบทของฮัสซัน บุตรชายคนโตของชีคเฒ่าเบซาล ซึ่งปัจจุบันได้วางมือจากการปกครองอาณาจักรอาซาฮัส และได้แต่งตั้งมอบหมายให้ฮัสซันรับหน้าที่ดูแลและปกครองอาซาฮัสแทนเขา

เมื่อพิจารณาภาพถ่ายเหล่านั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน พบว่าชีคฮัสซันนั้นเป็นชายหนุ่มรูปงาม อายุน่าจะประมาณยี่สิบหกหรือยี่สิบเจ็ดปี เขามีรูปร่างสูงโปร่ง โครงหน้าค่อนข้างยาว ผมสีน้ำตาลเข้มยาวเกือบละต้นคอ จมูกเป็นสันตรง คิ้วเข้มและมีริมฝีปากบางได้รูป แต่ที่ดูโดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่อยู่ภายใต้ขนตางอนยาวนั้น ฮัสซันไม่ได้หล่อเข้มดังบุรุษเพศทั่วไป แต่ความหล่อของเขานั้นผสมผสานกันอย่างลงตัว ทำให้ใบหน้าของเขางดงามวิจิตรราวกับเทพบุตร

ซึ่งมันตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง กับการคาดเดาของศิญากรณ์บุตรสาวเพียงคนเดียวของเขา ทำให้พศินอดคิดไม่ได้ว่าขนาดในภาพถ่ายยังดูดีขนาดนี้ ตัวจริงจะดูหล่อบาดตาบาดใจสาวขนาดไหน ถ้าศิญากรณ์มีโอกาสได้พบกับฮัสซัน เธอจะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจหรือไม่ พศินยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนที่จะเก็บรูปเข้าซองไว้อย่างเดิม จากนั้นก็โทรศัพท์กลับไปคุยกับชีคเบซาล เพื่อบอกเล่าถึงผลการเจรจาพูดคุยกับบุตรสาว เกี่ยวกับการแต่งงานระหว่างเธอกับฮัสซัน

ชีคเฒ่าเบซาลรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อรู้ว่า หญิงสาวที่เขารักและเอ็นดูเธอราวกับเธอเป็นบุตรสาวของเขา อีกทั้งยังหมายหมั้นปั้นมืออยากให้เธอมาเป็นลูกสะใภ้คนโตนั้น ปฏิเสธการแต่งงานกับฮัสซันทั้งที่ยังไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน แต่อย่างน้อยหญิงสาวก็ตกลงรับปากที่จะเดินทางมาพำนักที่อาซาฮัส พร้อมกับบิดาเป็นเวลาถึงหนึ่งเดือนเต็ม

บางทีภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนนั้นอาจจะทำให้ศิญากรณ์เปลี่ยนใจ หันกลับมายอมรับการแต่งงานกับฮัสซันบุตรชายคนโตของเขาก็เป็นได้ ถึงแม้ว่าในช่วงนั้นบุตรชายของเขาจะต้องเดินทางไปติดต่อธุรกิจที่ประเทศอังกฤษก็ตามที แต่ว่าการเจรจาจะใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์เท่านั้น อย่างน้อยเขาก็เดินทางกลับมาทัน ก่อนที่หญิงสาวและบิดาของเธอจะเดินทางกลับประเทศไทย

หลังจากที่วางสายจากพศิน ชีคเฒ่าเบซาลก็นั่งครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องของศิญากรณ์ จนไม่รับรู้ถึงการมาของบุตรชายทั้งสองของเขา

“พ่อกำลังคิดอะไรอยู่ครับ” ฮัสซันเอ่ยถาม

“พวกเจ้าเองหรือ...นั่งก่อนสิ...พ่อกำลังอยากพบเราสองคนอยู่พอดี” ฮัสซันกับอัซซานั่งลงตรงข้ามบิดา ซึ่งถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีอายุเกือบเจ็ดสิบปี แต่ทว่าก็ยังคงมีบุคลิกลักษณะที่น่าเกรงขาม

“พ่อมีเรื่องอะไรจะพูดกับเราหรือครับ” อัซซาเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย

“ความจริงเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเจ้าโดยตรงหรอกนะอัซซา มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่ชายของเจ้า แต่ว่าพ่ออยากให้เจ้ารับรู้ด้วย”

“เรื่องของพี่ฮัสซัน...เรื่องอะไรครับ...คงจะไม่ใช่เรื่องการแต่งงานของพี่ฮัสซัน กับผู้หญิงที่พ่อหมายตาไว้หรอกนะครับ”

“ก็เรื่องนี้แหละที่พ่อจะพูดกับพวกเจ้า”

“ผู้หญิงคนนั้นตอบตกลงที่จะแต่งงานกับพี่ฮัสซันแล้วหรือครับ” อัซซาถามผู้เป็นพ่อด้วยความสนใจใคร่รู้ แต่คำตอบที่ได้รับกลับไม่เป็นไปตามที่เขาคิดไว้

“เปล่าเลย ในทางตรงกันข้ามซีญ่าตอบปฏิเสธ และคัดค้านการแต่งงานในครั้งนี้”

“ตอบปฏิเสธ!! ผู้หญิงคนนั้นบ้าหรือโง่กันแน่ที่ปฏิเสธการแต่งงานกับพี่ฮัสซัน โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย หรือเธอไม่รู้ตัวว่าตนเองโชคดีแค่ไหน ที่พี่ฮัสซันยอมตกลงแต่งงานด้วย”

ฮัสซันที่นั่งเงียบมานานรับฟังคำบอกเล่าจากปากของพ่ออย่างสงบ แต่ภายในใจของเขานั้นหาได้สงบอย่างที่เขาแสดงออก แต่มันกลับร้อนรุ่มจนกลายเป็นความโกรธแค้น ที่เธอผู้นั้นบังอาจปฏิเสธการแต่งงานกับเขา ซึ่งมีฐานะเป็นถึงชีคที่ปกครองอาณาจักรอาซาฮัสที่ยิ่งใหญ่

‘ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธชีคฮัสซัน แต่เธอกลับกล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าแม้แต่จะคิด’

เสียแรงที่เขาหลงรักเธอ และรู้สึกดีใจเมื่อบิดามาพูดจากับเขาเกี่ยวกับเรื่องการหมั้นหมาย และการแต่งงานกับศิญากรณ์ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ แน่ แต่เขาจะสั่งสอนให้เธอรู้ว่าการปฏิเสธความต้องการของเขานั้น จะต้องได้รับผลตอบแทนเยี่ยงไร เมื่อคิดถึงตรงนี้ดวงตาของฮัสซันก็แข็งกร้าวขึ้นมาทันที แต่มันแค่ชั่วแวบเดียวจึงไม่มีใครทันได้สังเกตเห็น

“พี่ฮัสซันพี่จะไม่พูดอะไรหน่อยหรือ ผู้หญิงเขาปฏิเสธการแต่งงานกับพี่นะ”

“แล้วจะให้พี่ทำอย่างไร”

“พี่จะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ โดยที่ไม่ทำอะไรเลย เมื่อฝ่ายโน้นเขาปฏิเสธมาก็จบกันไปแค่นี้นะหรือ นี่มันไม่ใช่นิสัยปกติของชีคฮัสซันแน่” น้องชายของเขาคาดเดาความรู้สึกของพี่ชายได้เป็นอย่างดี แต่ฮัสซันยังไม่ทันได้พูดโต้ตอบอะไร พ่อของพวกเขาก็พูดขัดขึ้นมาซะก่อน

“จริงอยู่ที่ซีญ่าปฏิเสธการแต่งงาน แต่ใช่ว่าคำตอบนี้จะเปลี่ยนแปลงมิได้ อย่างน้อยเธอก็ตอบตกลงที่จะเดินทางมาพักที่อาซาฮัส พร้อมกับบิดาของเธอตามคำชวนของพ่อ และจะพักอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งเดือน ไม่แน่ว่าภายในเวลาหนึ่งเดือนที่ซีญ่าพักอยู่ที่นี่ อาจจะทำให้ซีญ่าเปลี่ยนใจหรือเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจ”

“พวกเขาจะเดินทางมาเมื่อไรครับ” ฮัสซันถามด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึก

“อีกสองสัปดาห์”

“แต่ว่าช่วงนั้นพี่ฮัสซันจะต้องเดินทางไปลอนดอนเพื่อเจรจาธุรกิจนี่ครับ หรือว่าจะให้ผมเดินทางไปที่นั่นแทน” อัซซาเสนอตนเองที่จะไปทำหน้าที่เจรจาธุรกิจในครั้งนี้แทนพี่ชาย แต่ฮัสซันปฏิเสธ

“ไม่จำเป็นหรอกอัซซา เรื่องงานพี่จะเป็นคนจัดการเอง”

“หมายความว่าพี่จะไม่อยู่ต้อนรับเธอ พี่แน่ใจแล้วหรือ เธอเป็นนางในดวงใจของพี่ไม่ใช่หรือ”

ชีคเฒ่ารู้สึกแปลกใจกับคำพูดของบุตรชายคนเล็ก นี่หมายความว่าฮัสซันหลงรักศิญากรณ์ทั้งที่ยังไม่เคยเจอตัวจริง เห็นเพียงแค่ภาพถ่ายก็ยังติดตาตรึงใจบุตรชายของเขาได้ถึงเพียงนี้ มิน่าละตอนที่พูดถึงเรื่องการแต่งงานของฮัสซันกับศิญากรณ์ บุตรชายจึงไม่ปฏิเสธและยอมตกลงทำตามความต้องการของเขาอย่างง่ายดาย

ในตอนนั้นเขายังอดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมบุตรชายจึงยอมทำตามความต้องการของเขาแต่โดยดี ที่แท้มันเป็นแบบนี้เอง เมื่อเขารู้ว่าฮัสซันมีใจให้ศิญากรณ์ ก็ยิ่งทำให้ชีคเฒ่าเบซาลมีความปรารถนาที่จะจัดการแต่งงานให้กับคนทั้งคู่ เห็นทีคงจะต้องเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับพศินอย่างจริงจังอีกครั้ง