บทที่ 2
ทันทีที่พศินเดินเข้าไปในบ้าน ซีญ่า หรือ ศิญากรณ์ บุตรสาววัยสิบสองปีก็วิ่งเข้ามากอดเขา โดยมีแม้นวาดผู้ที่ทำหน้าที่แม่นมเดินตามมาไม่ห่าง
“คุณพศินหายไปไหนมาคะ ดิฉันกับคุณซีญ่าเป็นห่วง”
“เกิดเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยก็เลยทำให้กลับช้า แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว”
“หน้าและแขนของพ่อไปโดนอะไรมาคะ” เด็กน้อยวัยเพียงสิบสองปีถามบิดาด้วยความห่วงใย
“โดนซ้อม”
“ตายจริง! ใครกันคะที่ซ้อมคุณพศิน แล้วแจ้งความหรือยังคะ”
“บอกแล้วไงว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน” พศินเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้แม้นวาดและลูกสาวฟัง ก่อนจะปิดท้ายด้วยประโยคที่ว่า
“ทำไมวันนี้ซีญ่าไม่ไปโรงเรียน”
“ก็ซีญ่าเป็นห่วงพ่อนี่คะ”
“เราก็เลยถือโอกาสเกเรหยุดเรียนหนึ่งวัน” ศิญากรณ์พยักหน้าแทนคำตอบพร้อมรอยยิ้มที่สดใส
หนึ่งอาทิตย์ถัดมา...ชีคเบซาลพร้อมคนสนิทได้เดินทางมาที่บ้านของพศิน เขามาเพื่อกล่าวลาเพราะในค่ำคืนนี้เขาจะต้องเดินทางกลับ “อาซาฮัส” ซึ่งเป็นอาณาจักรที่เขาปกครองดูแล หลังจากที่เคยเลื่อนการเดินทางกลับมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องมาจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ในวันนั้นเองพศินได้แนะนำให้ชีคเบซาลรู้จักกับบุตรสาวเพียงคนเดียวของเขา
เมื่อ ชีคเบซาลเห็นศิญากรณ์เขาก็รู้สึกถูกชะตาและหลงรักเธอในทันที นั่นอาจเป็นเพราะเขาไม่เคยมีบุตรสาวมาก่อน มีเพียงบุตรชายสองคนเท่านั้น เบซาลจ้องมองสาวน้อยดั่งต้องมนตร์สะกด ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนที่จ้องมองกลับมานั้นสดใสยิ่งนัก อีกทั้งรอยยิ้มของเธอทำให้เขาเหมือนตกอยู่ในภวังค์ รอยยิ้มนั้นเปรียบได้ดั่งแสงสว่างของดวงจันทร์ในยามค่ำคืนอันมืดมิดบนดินแดนทะเลทราย
เบซาลใช้เวลาตลอดบ่ายวันนั้นอยู่กับพศินและสาวน้อยซีญ่า รวมถึงได้ทานอาหารไทยแสนอร่อยฝีมือของแม้นวาดอีกด้วย ทุกคนที่นั่นได้ให้การต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง ก่อนที่ชีคเบซาลจะกลับเขาได้เอ่ยปากขอรูปถ่ายของพศินและบุตรสาวไว้เป็นที่ระลึก พศินเดินไปหยิบรูปถ่ายดังกล่าวมายื่นส่งให้ โดยแนบรูปถ่ายของศิญากรณ์เพิ่มไปให้อีกสองใบ พร้อมทั้งอวยพรให้เขาเดินทางกลับ “อาซาฮัส” ด้วยความปลอดภัย
ชีคเบซาลกล่าวขอบคุณพศินอีกครั้งสำหรับความช่วยเหลือ รวมถึงมิตรภาพที่เขาหยิบยื่นให้ และได้แต่หวังว่า “อาซาฮัส” จะมีโอกาสได้ต้อนรับเขาและบุตรสาวสักครั้งในฐานะ “อาคันตุกะ”
แต่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่ากว่าที่ทั้งสองคนจะได้ไปเยือน “อาณาจักอาซาฮัส” นั้นต้องกินเวลาร่วมสิบปี และการเดินทางในครั้งนั้นจะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของศิญากรณ์ ผู้หญิงซึ่งเป็นเจ้าของรอยยิ้มที่เปรียบเสมือนแสงสว่างของดวงจันทร์ ในยามค่ำคืนอันมืดมิดบนดินแดนทะเลทราย ชนิดที่เจ้าตัวเองก็ยังคาดไม่ถึง...
...สิบปีต่อมา...
“แต่งงาน!” ศิญากรณ์ หรือ ซีญ่าอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ บิดาของเธอก็พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“ใช่ แต่งงาน”
“พ่อล้อซีญ่าเล่นใช่ไหมคะ ล้อเล่นแบบนี้ซีญ่าไม่ขำนะคะ”
“พ่อพูดเรื่องจริง ใครจะเอาเรื่องสำคัญแบบนี้มาล้อเล่นกันละซีญ่า”
“นี่มันยุคโลกาภิวัฒน์นะคะพ่อไม่ใช่ยุคโบราณ ถึงจะมีการจัดการแต่งงานแบบคลุมถุงชน ซีญ่าไม่ยอมหรอกนะคะ ถึงอย่างไรซีญ่าก็จะไม่แต่งงานด้วยวิธีนี้เด็ดขาด”
“ลูกปฏิเสธทั้งที่ยังไม่เคยพบ และทำความรู้จักกับว่าที่เจ้าบ่าวของลูกเลยสักครั้ง พ่อว่ามันเป็นการตัดสินใจที่เร็วเกินไปหน่อยนะ”
“ไม่จำเป็นต้องพบกันหรอกค่ะ เพราะถึงอย่างไรซีญ่าก็ไม่คิดจะแต่งงานกับเขาอยู่แล้ว ว่าแต่เขาเป็นใครกันคะ” พศินไม่ได้ตอบคำถามของบุตรสาวในทันที แต่เลือกที่จะทบทวนความทรงจำของหญิงสาวแทน
“ลูกยังจำลุงเบซาลได้ไหม”
“ลุงเบซาล!?” ศิญากรณ์พยายามนึกทบทวนความจำของตนเอง เกี่ยวกับบุคคลที่บิดากล่าวถึง ภาพของหนุ่มใหญ่ใจดีแดนอาหรับผุดขึ้นในความคิดของเธอ
“นึกออกแล้ว...ลุงเบซาลคนที่พ่อเคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนใช่ไหมคะ”
“ใช่แล้วลูก เรื่องที่เกิดขึ้นมันผ่านมานานเป็นสิบปีแล้ว พ่อยังนึกว่าซีญ่าลืมไปแล้วซะอีก”
“ไม่ลืมค่ะ ไม่ลืม...แล้วลุงเบซาลมาเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้คะ”
“เกี่ยวข้องโดยตรงเลยละซีญ่า เพราะลุงเบซาลได้ติดต่อทาบทามพ่อ เพื่อสู่ขอลูกให้กับลูกชายคนโตของเขา”
“ยิ่งแล้วเข้าไปใหญ่...พ่อจะให้ซีญ่าแต่งงานกับคนเถื่อนแดนอาหรับเหรอคะ”
“คนเถื่อนที่ไหนกัน ฮัสซันเป็นถึงชีคแห่งอาณาจักรอาซาฮัส ที่ถือได้ว่าเป็นเมืองแห่งขุมทรัพย์กลางทะเลทราย เพราะลุงเบซาลและลูกชายทั้งสองคนของเขาเป็นเจ้าของธุรกิจบ่อน้ำมัน รวมไปถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของอาซาฮัส”
“เขาจะเป็นอะไรหรือยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่เกี่ยวข้องกับซีญ่า แล้วไอ้อาณาจักรอาซาฮัสของเขาอยู่ตรงไหนในแผนที่โลกก็ไม่รู้ บ้านป่าเมืองเถื่อนแบบนั้นถ้าไม่จำเป็น ซีญ่าก็ไม่อยากไปเหยียบดินแดนนั้นหรอกค่ะ”
“ในเมื่อซีญ่ายังไม่เคยไปที่นั่น แล้วซีญ่ารู้ได้อย่างไรว่าอาซาฮัสเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน” พศินถามบุตรสาวเพียงคนเดียวของเขาด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
“ถึงแม้ว่าไม่เคยไปที่นั่นแต่ก็เดาได้ไม่ยากหรอกค่ะ และที่พ่อบอกซีญ่าว่าเขาเป็นถึงชีคที่ปกครองอาณาจักรอาซาฮัสที่ยิ่งใหญ่ แต่ไม่มีปัญญาที่จะหาเมียด้วยตัวเองเหรอคะ คงจะหน้าตาอัปลักษณ์มากละสิ หรือไม่ก็อ้วนลงพุงจนแม้แต่จะขยับไปไหนแต่ละทีก็ยังทำได้ยาก ร้อนถึงลุงเบซาลต้องทำหน้าที่หาเมียให้ลูกชายของตัวเอง”
พศินยิ้มให้กับคำเหน็บแนมของบุตรสาว ยามที่พูดถึงชีคฮัสซันว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ
“ทำไมลูกถึงคิดว่าฮัสซันจะหน้าตาอัปลักษณ์ ถ้าลูกอยากรู้ว่าเจ้าบ่าวของลูกหน้าตาเป็นอย่างไรก็เปิดดูในซองนี้” พศินเลื่อนซองสีน้ำตาลไปตรงหน้าศิญากรณ์พร้อมทั้งบอกว่า
“ลุงเบซาลได้ส่งรูปลูกชายของเขามาให้ซีญ่าดู” แต่ศิญากรณ์ไม่สนใจไม่แม้แต่จะเหลือบสายตาไปมองด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายยิ่งนักที่เธอไม่ได้เห็นภาพชายหนุ่มรูปงามราวกับเทพบุตร เพราะมัวแต่พูดเน้นย้ำอย่างชัดเจนว่าจะไม่ยอมแต่งงานกับบุตรชายของลุงเบซาลอย่างเด็ดขาด
“ซีญ่าไม่แต่งนะคะพ่อ...ยังไงก็ไม่แต่ง...คงต้องรบกวนพ่อตอบปฏิเสธคำขอของลุงเบซาล”
แต่เมื่อบิดายังคงนิ่งเงียบก็ทำให้หญิงสาวร้อนใจ เหตุเพราะไม่สามารถคาดเดาความคิดของผู้เป็นบิดาได้ว่าท่านกำลังคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ คงจะต้องใช้วิธีออดอ้อนบิดา คิดได้เช่นนั้นศิญากรณ์ก็เดินไปนั่งโซฟาตัวเดียวกับบิดาพร้อมกับกอดเขาไว้ ปากก็พูดออดอ้อนอ่อนหวาน
“พ่อคงจะไม่บังคับจิตใจซีญ่าใช่ไหมคะ ซีญ่าเพิ่งจะเรียนจบมหาวิทยาลัย และยังใช้ชีวิตโสดไม่คุ้มค่า ซีญ่าจึงยังไม่อยากที่จะแต่งงานในตอนนี้” พศินยกมือลูบหัวลูกสาวด้วยความรักใคร่
“พ่อรับปากว่าพ่อจะไม่บังคับจิตใจซีญ่า และจะรอจนกว่าลูกจะพร้อม”
“พ่อคงต้องรออีกนานเลยละค่ะ เพราะซีญ่าตั้งใจเอาไว้ว่าจะอยู่เป็นเพื่อนพ่อแบบนี้ไปอีกนานแสนนาน ที่สำคัญซีญ่าจะแต่งงานกับคนที่ซีญ่ารักเท่านั้น”
“พ่อจะคุยเรื่องนี้กับลุงเบซาลของลูกเอง”
“ดีค่ะพ่อ...ลุงเบซาลจะได้เตรียมมองหาผู้หญิงคนอื่นมาแทนที่ซีญ่า”
“แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่พ่ออยากจะขอร้องลูก”
“เรื่องอะไรคะ!? ถ้าไม่ใช่เรื่องแต่งงานแล้วละก็ ซีญ่าพร้อมที่จะทำตามคำขอของพ่อค่ะ”
“หลังจากที่พ่อเคยปฏิเสธที่จะไปท่องเที่ยวพักผ่อนที่อาซาฮัสมาแล้วหลายครั้ง ในครั้งนี้พ่อได้ตอบรับคำเชิญชวนของชีคเบซาลที่จะไปพักผ่อนที่นั่น และพ่ออยากให้ซีญ่าเดินทางไปเป็นเพื่อนพ่อ ถือเป็นการพักผ่อนไปในตัว เรื่องแค่นี้ซีญ่าทำให้พ่อได้ใช่ไหม” ศิญากรณ์ถึงกับอึ้งไปเมื่อได้ยินคำขอของบิดา แต่สุดท้ายก็ตกลงรับปากที่จะทำตามคำขอของท่าน
“ตกลงค่ะซีญ่าจะเดินทางไปที่อาซาฮัสกับพ่อ จะได้ถือโอกาสนี้ไปเยี่ยมลุงเบซาลด้วย แต่หวังว่าซีญ่าคงจะไม่ต้องเจอเขาหรอกนะคะ” ถึงแม้ไม่เอ่ย ชื่อแต่พศินรู้ดีว่าลูกสาวหมายถึงใคร เขายิ้มให้เธอก่อนจะพูดให้ความมั่นใจเกี่ยวกับเรื่องที่ลูกสาวกำลังวิตกกังวล
“ถ้าลูกหมายถึงฮัสซันแล้วละก็สบายใจได้ เพราะช่วงที่เราจะเดินทางไปที่อาซาฮัส เป็นช่วงที่ฮัสซันต้องเดินทางไปติดต่อธุรกิจที่ลอนดอนพอดี”
“เราจะต้องเดินทางเมื่อไรคะ”
“อีกสองอาทิตย์ และเราจะพักอยู่ที่นั่นประมาณหนึ่งเดือน ซีญ่าเตรียมตัวทันใช่ไหมลูก”
“ไม่มีปัญหาค่ะแต่ทำไมเราจะต้องอยู่ที่นั่นนานขนาดนั้นคะ”
“ชีคเบซาลอยากจะให้เราไปท่องเที่ยวให้ทั่วอาซาฮัส วันที่เราออกเดินทางจะมีคนสนิทของเขามารับ และพาเราเดินทางไปที่นั่น พวกเขาจะคอยอำนวยความสะดวกทุกอย่างให้เรา”
“พ่อจะเดินทางวันไหนก็บอกนะคะซีญ่าจะได้เตรียมตัว ถ้าไม่มีอะไรแล้วซีญ่าขอตัวก่อนนะคะ” พูดจบก็เดินจากไปทิ้งให้พศินอยู่เพียงลำพังในห้องนั่งเล่น
