บท
ตั้งค่า

บทที่ 1

บนถนนสายหนึ่งของกรุงเทพมหานคร เมืองฟ้าเมืองอมรของประเทศไทย ถนนสายนี้จะคึกคักในเวลากลางวัน แต่ในยามค่ำคืนกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เพราะเป็นถนนที่ค่อนข้างเปลี่ยว ไม่ค่อยจะมีรถหรือผู้คนผ่านไปมาสักเท่าใดนัก และนี่เองคือสาเหตุที่ทำให้มีการปล้นชิงทรัพย์เกิดขึ้นบ่อยครั้งบนถนนสายนี้ ในค่ำคืนนี้ก็เช่นกัน

ในขณะที่เบซาล อับดุลลาห์ อาเหม็ด นักธุรกิจวัยห้าสิบห้าปีแห่งดินแดนทะเลทรายอันไกลโพ้น ที่เดินทางมาประเทศไทย เพื่อติดต่อการค้า หลังจากที่เจรจาธุรกิจเป็นที่เรียบร้อย เบซาลบอกกับผู้ติดตามว่า เขาต้องการที่จะเดินเล่นรับลมก่อนที่จะกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม โดยไม่ต้องการให้มีผู้ติดตามหรือองครักษ์คนใดตามไป เหตุก็เพราะเขาอยากที่จะระลึกถึงความหลังครั้งเก่า ที่ครั้งหนึ่งเขาได้พบนางในดวงใจอันเป็นที่รักบนถนนสายนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะลาลับจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม แต่นางไม่เคยตายไปจากใจเขา ที่สำคัญนางยังทิ้งสมบัติล้ำค่าซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของนางไว้ให้เขาถึงสองคน

ทันใดนั้นเองก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับเขาโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว มีชายหนุ่มสองคนเดินมุ่งตรงมาที่เขา หนึ่งในสองจับตัวเขาเอาไว้ ในขณะที่ชายอีกคนควักมีดขึ้นมาขู่ ให้เขาเอาของมีค่าออกมา แต่เบซาลไม่เข้าใจสิ่งที่ชายผู้นั้นพูด อาจเป็นเพราะสำเนียงที่แตกต่างไป เขาจึงมิได้ทำตาม ชายผู้นั้นจึงใช้มีดจ้วงแทงที่ท้องของเขาอย่างแรงจนมิดด้าม ก่อนที่จะชักมีดออกมา จากนั้นก็ค้นเอาของมีค่าของเขาไปจนหมดสิ้น

ช่วงจังหวะนั้นเองมีรถยนต์คันหนึ่งแล่นผ่านมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เขาจึงวิ่งลงจากรถมาช่วยแต่ไม่สามารถจับตัวโจรสองคนนั้นไว้ได้ พศินเป็นชายวัยสี่สิบห้าปีตัดสินใจเดินเข้าไปดูผู้เคราะห์ร้ายแทนที่จะวิ่งตามโจรทั้งสองไป เขาพบว่าผู้เคราะห์ร้ายถูกแทงมีบาดแผลฉกรรจ์ เลือดไหลไม่หยุดและหมดสติไปในที่สุด พศินพยายามพยุงตัวชายผู้นั้นเพื่อพาไปที่รถของเขา ที่จอดอยู่ริมฟุตบาทไม่ห่างจากจุดที่เกิดเหตุมากนัก

แต่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็มีชายหนุ่มกลุ่มหนึ่ง สวมสูทสีน้ำเงินเข้มตรงเข้ามารุมชกต่อยเขาโดยไม่มีการพูดจาใดๆ เขารู้แต่ว่ามีชายหนุ่มสองคนพาตัวผู้ชายที่เขาพยายามจะช่วยเหลือขึ้นรถเบนซ์คันหรู และขับออกไปด้วยความรวดเร็ว ส่วนตัวพศินนั้นก็ถูกซ้อมอย่างหนัก พวกนั้นซ้อมเขาราวกับเขาเป็นเพียงกระสอบทรายที่ใช้สำหรับซ้อมมวย แต่ก่อนที่สติของเขาจะดับวูบลง เขาได้ยินเสียงสั่งการจากชายคนหนึ่งจากนั้นก็มีคนลากตัวเขาไปขึ้นรถ พศินรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตนเองนั้นถูดมัดมือ มัดเท้า มัดปากอย่างแน่นหนา และให้เขานอนกลิ้งอยู่ที่พื้นห้อง เขาได้แต่คิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในใจ

‘มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่! หรือว่าคนพวกนี้จะเข้าใจผิดคิดว่าเราเป็นคนร้าย ทั้งที่ความจริงเป็นพลเมืองดี ที่พยายามจะช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายรายนั้นต่างหาก’

พศินเหลือบตามองไปรอบตัว ดูเหมือนจะมีชายในชุดสูทสองคนที่อยู่ภายในห้องนั้นด้วย ท่าทางคงจะเฝ้าเขาเอาไว้ซะมากกว่า แต่ถึงไม่มีคนเฝ้าเขาก็คงไม่มีปัญญาหนีไปไหนได้หรอก เพราะตอนนี้เขารู้สึกเจ็บไปทั่วกายจนแม้แต่จะขยับตัวเพียงน้อยนิดก็ทำได้ยากยิ่ง

‘นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว ซีญ่ากับแม่นมที่ทำหน้าที่ดูแลบุตรสาวเพียงคนเดียวของเขา คงจะพากันเป็นห่วงที่เขากลับบ้านผิดเวลาโดยมิได้แจ้งไว้ล่วงหน้าแต่อย่างใด’

พศินรู้สึกห่วงใยสองคนนั้น เพราะถ้าเขาไม่อยู่บ้านสักคน บ้านหลังนั้นก็มีเพียงแม้นวาดและเด็กผู้หญิงอยู่กันเพียงลำพัง ได้แต่หวังว่าแม้นวาดจะปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อย

ชีคเบซาลเริ่มรู้สึกตัว เมื่อเขาลืมตาก็พบว่าตนเองนั้นนอนอยู่บนเตียงภายในห้องที่ไม่คุ้นเคย เมื่อปรับสายตาได้ก็มองสำรวจไปรอบบริเวณห้องนั้น พบว่ามีขวดน้ำเกลือแขวนอยู่ทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าเขานอนพักรักษาตัวอยู่ภายในโรงพยาบาล

ทันใดนั้นร่างบอบบางในชุดพยาบาลได้เดินเข้ามาในห้องของเขา พร้อมกับองครักษ์คนสนิทของเขา เธอเข้ามาวัดไข้รวมถึงวัดความดัน และสอบถามอาการของเขาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินออกไป เบซาลถามซาลีย์องครักษ์คนสนิทว่าเขามาอยู่ที่แห่งนี้ได้อย่างไร ซาลีย์ตอบคำถามของผู้เป็นนายว่าเขาและผู้ติดตามรู้สึกผิดสังเกตจึงพากันขับรถออกตามหา และพบผู้เป็นนายถูกชายคนหนึ่งทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส เขาจึงรีบพาตัวมาโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุมากนัก ส่วนคนที่เหลือก็จัดการกับชายนิรนามคนดังกล่าว และตอนนี้ก็ถูกควบคุมตัวอยู่ภายในห้องพักของพวกเขาที่โรงแรม

จากลักษณะท่าทางของชายนิรนามที่คนสนิทเล่าให้ฟัง ผู้ชายคนนั้นน่าจะเป็นคนที่พยายามช่วยเหลือเขามากกว่า เบซาลได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้คนของเขาฟังว่า ที่จริงแล้วชายคนที่ถูกควบคุมตัวอยู่นั้นเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตของเขาจากโจรโฉดสองคน จากนั้นก็มีคำสั่งให้ปล่อยตัวพศินและพาเขามารักษาอาการบาดเจ็บจากการถูกซ้อม ก่อนที่จะพาตัวมาพบเขาที่โรงพยาบาล ซาลีย์รีบจัดการทำตามคำสั่งของนาย เขาโทรศัพท์ติดต่อกับคนที่ทำหน้าที่ควบคุมตัวชายผู้นั้น และถ่ายทอดคำสั่งของนายอย่างละเอียดถี่ถ้วน

ในบ่ายวันเดียวกันนั้นเองที่พศินถูกพาตัวเข้ามาในห้องพักวีไอพี ซึ่งเป็นห้องชุดสุดหรูของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เขาถูกพาตัวมาเพื่อพบใครบางคนซึ่งดูเหมือนว่าคนผู้นั้นจะมีความสำคัญอย่างมาก และน่าจะเป็นคนที่มีอำนาจและมีอิทธิพลมากพอควร เพราะสังเกตจากที่เขามีผู้ติดตามเกือบสิบคนที่คอยทำหน้าที่องครักษ์ ทุกคนล้วนแล้วแต่สวมใส่สูทหรูหรามีราคาทั้งสิ้น ซึ่งพศินมารู้ทีหลังว่าบุคคลที่เขาช่วยชีวิตไว้ในค่ำคืนที่แล้วนั้นเป็นถึงชีคคนสำคัญที่ปกครองอาณาจักรอาซาฮัส ที่เขาเองก็เพิ่งจะเคยได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก

ภาพที่พศินเห็นตอนที่เขาถูกพาตัวเข้ามาที่ห้องนี้ ก็คือหนุ่มใหญ่คนที่เขาพยายามช่วยเหลือเมื่อคืนวานนอนอยู่บนเตียง เบซาลกล่าวขอโทษพศินในสิ่งที่ลูกน้องของเขาเข้าใจผิด และได้รุมทำร้ายผู้มีบุญคุณช่วยเหลือเขา พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายสำหรับความช่วยเหลือ พศินไม่ได้ติดใจเอาความเพราะเห็นว่าเป็นความเข้าใจผิด และบอกกับชีคเบซาลว่าไม่ต้องคิดมาก เขาช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ชีคเบซาลยื่นข้อเสนอที่จะมอบทรัพย์สินเงินทองจำนวนมากให้กับพศิน เพื่อเป็นการตอบแทนที่พศินได้ช่วยเหลือชีวิตของเขาเอาไว้ แต่พศินปฏิเสธที่จะรับสิ่งของที่ชีคเบซาลมอบให้ อีกทั้งยังบอกว่าเขาไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทนอะไร และสิ่งที่เขาทำก็ไม่ได้ถือเป็นบุญคุณ ใครก็ตามที่เห็นเหตุการณ์เมื่อคืนก็คงต้องทำในสิ่งที่เขาทำเช่นกัน ในตอนนี้เขาอยากกลับบ้านที่สุด เพราะเป็นห่วงบุตรสาวที่อยู่กับคนดูแลซึ่งเป็นผู้หญิงเพียงลำพัง

ชีคเบซาลสั่งให้ซาลีย์ขับรถไปส่งพศินที่บ้าน และไปจัดการเอารถของพศินที่จอดอยู่ในที่เกิดเหตุกลับไปส่งที่บ้านด้วย ซาลีย์เดินนำพศินออกไปจากห้อง และพาเขามาส่งที่บ้านตามคำสั่งของนาย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel