บทที่ 6 น้อยใจ
“ลูกฝากของขวัญมาให้เธอ”
ถุงกระดาษสีชมพูดอ่อนพาสเทลที่ปากถุงถูกมัดปิดด้วยเชือกสีดำถักเปียกเส้นพอประมาณเป็นลักษณะรูปโบว์น่ารักถูกนำมาวางบนตักของมีกอด จากถุงเล็กที่อยู่ในมือของพายัพพอได้ย้ายอยู่บนตักเล็กของมีกอดแล้วกับกลายมาเป็นถุงใหญ่โดยปริยาย ด้วยลักษณะทางรูปร่างขนาดตัวที่แตกต่างกันจึงไม่แปลกเท่าไหร่เมื่อจะเป็นแบบนี้
ของฝากบนตักที่ไม่ว่าจะครั้งนี้หรือว่าครั้งไหนๆ จะมีมาเสมอ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นช่วงวันสำคัญหรือว่าวันช่วงเทศกาลเท่านั้น ทุกครั้งที่ได้ยินและได้จับต้องความรู้สึกภูมิใจตีตื้นลึกๆ เข้ามา ช่วงเวลาเลวร้ายพวกนั้นที่ถึงแม้จะเป็นเพียงอดีตก็เข้ามาวนเวียนอีกหลายๆ รอบ พอให้ได้คิดมากจากนั้นก็กลายเป็นความจดจำอย่างไม่ลืมเลือน
“เสี่ยพาไปหาลูกมาเหรอ”
คงเป็นครั้งแรกที่มีกอดกล้าสบสายตาคนตัวสูงใบหน้าหล่อผ่านแว่นตาดำที่อีกฝ่ายสวมใส่อยู่ มีกอดไม่มีทางรู้เลยภายใต้แว่นตาดำก้มต่ำลงมองมาด้วยสายตาแบบไหน แต่สิ่งที่สามารถแสดงเห็นชัดเจนก็คงเป็นความเรียบเฉยเท่านั้นซึ่งอีกฝ่ายก็ทำเหมือนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเมื่อได้อยู่กันลำพังแบบสองคน
คำถามทั้งที่มีคำตอบอยู่ภายในใจแล้วมีกอดก็ยังถามออกไป เสี่ยพาได้เจอลูกอีกแล้วสินะ ประโยคนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ เพราะความอิจฉาเริ่มเข้ามาทำหน้าที่แทน หลายครั้งต่อหลายครั้งที่อีกฝ่ายมีโอกาสกว่า หลายครั้งที่ได้สัมผัสและได้เจอสิ่งที่ลูกทำเป็นอันดับแรก หลายครั้งที่มีกอดพลาดมันไปอย่างน่าเสียดาย
และก็เป็นหลายครั้งที่มีกอดโทษตัวเอง โทษอยู่ซ้ำๆ
“ใช่”
มีแค่นี้จริงๆ สำหรับคำตอบของคนที่ยืนอยู่ ไม่มีอะไรเอ่ยออกมาจากปากอีกฝ่าย ถึงมีกอดจะพยายามเว้นช่วงให้อีกฝ่ายพูดขึ้นมาบ้างก็ตาม
ความหวังจากนัยน์ตากลมที่ถูกส่งออกไปแม้มันจะดูเลือนลางอย่างมากหรือไม่เปอร์เซ็นแห่งความหวังมันแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ
อยากรู้ว่าลูกสบายดีหรือเปล่า
อยากรู้ว่าเขาเอ่ยอะไรฝากมาอีกไหม
อยากรู้ในทุกๆ เรื่องที่คนเป็นแม่ต้องการคนหนึ่ง
ทว่า... มันกับเป็นไปไม่ได้
“เขาเป็นยังไงบ้างคะ”
“หึ...” มีกอดรับรู้ได้ทันทีเมื่อพายัพเบือนใบหน้าออกไปทางอื่นในทันทีที่ได้ยินประโยคนี้เอ่ยขึ้นมา อีกฝ่ายไม่ต้องการได้ยินคำถามแบบนี้ ทำไมมีกอดจะไม่รู้แต่มันก็อดเอ่ยถามออกไปไม่ได้ “อย่ารู้เลย”
“เสี่ยพา...”
ขอเถอะ อย่าใจร้ายเลย
พายัพไม่ต้องการอะไรต่อจากนี้ พายัพอยากให้มันจบจึงได้หันกลับไปมองวิวแม่น้ำสายหลักของกาญจนบุรีแทน ปล่อยให้สายลมตีพัดเข้าใบหน้าท่ามกลางความเงียบงันที่ยังคงทำงานประกอบกับความอึดอัดอีกขั้นหนึ่ง ท่ามกลางความสัมพันธ์พวกนี้ที่เหมือนมีอยู่แต่มันก็แค่เหมือน
ทุกอย่างไม่ยั้งยืน
แม้แต่พายัพและมีกอดก็ตาม
เส้นชะตาขีดเขียนให้มาแบบนี้แล้วจะดันทุรังให้มันไปทำไม ในเมื่อจุดจบมันก็เป็นแบบเดิม หากอีกฝ่ายยังไม่พร้อมเดินไปพร้อมกันก็ไม่มีทางเป็นแบบอื่นได้
“…”
“ขอกอดรับรู้ได้ไหม”
“แล้วยังไงต่อ” คราวนี้ไม่สนใจไม่ได้ คราวนี้ความเฉยชามันใช้ไม่ได้อีกต่อไป พายัพหันกลับมาสบตากับมีกอดแบบตรงๆ ไร้แว่นตาบนใบหน้าที่ถูกถอดออกไปอย่างไม่สนใจไยดี “ขอรับรู้ ขอเจอหน้า ขอให้บอก จะขออะไรอีกในเมื่อตอนนั้นไม่ใช่แบบนี้ เธอต้องการอะไรกันแน่มีกอด”
สำหรับพายัพเป็นไปไม่ได้
“แค่อยากรู้บ้าง กอดต้องการแค่นั้น”
ความยากมันไม่ใช่แค่นี้ไง ดูเหมือนง่ายดายมากใช่ไหมแต่ความจริงไม่ใช่เลยด้วยซ้ำ องค์ประกอบที่ไม่ลงตัวท้ายสุดจุดจบมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี การอ้อนวอนที่บางครั้งน่าเอ็นดูยิ่งกว่าอะไรมันก็เปล่าประโยชน์
ความรักของคนสองคนใช้ไม่ได้กับมีกอด
“เขาสบายดี”
“เสี่ยพาก็ตอบแบบนี้ทุกครั้ง”
