บทที่ 7 คำถาม
“เสี่ยพาก็ตอบแบบนี้ทุกครั้ง”
“เพราะงั้นเธอควรหยุด”
เพราะอยากตอบโดยขอไปทีต่างหาก เพราะความโกรธมันยังไม่จางหายและก็เพราะอดีตที่ทำให้เจ็บปวดทำทุกอย่างแย่ลงไปอีก ความจริงจังที่ส่งผ่านมายังสายตาเข้มครั้งนี้ทำให้มีกอดเป็นฝ่ายหลบสายตาลงและยอมรับมันอย่างจำยอม ยังไงอีกฝ่ายก็คงไม่บอกหรือว่าทำตามสิ่งที่เรียกร้องออกไป
สำหรับเสี่ยพาจบก็คือจบ
ไม่มีอะไรยืดเยื้อให้เสียเวลาอีกเพราะแม้กระทั่งคำแม้ตัวจะไม่ฟังเลย ความเด็ดขาดที่แฝงไปด้วยความให้โอกาสมันเกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งแรกเท่านั้นไม่ว่าใครก็ตาม แม้กระทั่งมีกอดก็ถูกปัดให้ไปอยู่ในจำพวกนั้นเช่นกัน แบบนี้ในทุกๆ ครั้งที่ต้องเจอหน้าจะไม่ให้รักษาระยะห่างได้ยังไง ในเมื่อฝ่ายนั้นก็ดูท่าจะวางระยะห่างกับมีกอดเอาไว้มากโข
การถูกพูดถึงในแค่เรื่องแง่ไม่ดีกับคนบางคนที่ถึงแม้จะพยายามดีแทบตายมันก็ไม่ได้ผลหรอก ปากหอยปากปูที่คอยสอดแทรกว่าให้คนอื่นๆ นั่นก็เป็นประเด็นหนึ่งที่ท้ายสุดแล้วมีกอดจะเลือกห่างออกมาแทน ไม่ใช่เพราะกลัวแต่เพราะเคยโดนพูดปล่อย
หวังจับคนรวยท้ายสุดเป็นไงเขาเอาแค่ลูก
เขาถีบหัวส่ง สันดานมันชั่ว
ใครจะยอมรับลูกสะใภ้ระดับล่างแบบนังกอด
ครอบครัวนี้มีแค่อีกอดเท่านั้นที่ไม่ได้ดี
อย่างอีกอด ก็เป็นได้เท่านี้แหละ
ขี้ข้าคนที่บ้าน มันน่าสงสารตรงไหนอีกอด
มันก็มีอยู่นี้เท่านั้นเองแล้วยังเป็นทุกอย่างมันเหมือนคนอื่นๆ เล่าต่อกัน มีเหรอครอบครัวจะให้กำลังใจมีแค่ซ้ำเติมเท่านั้นที่ได้รับและเชื่อว่าหากอีกหลายอีกได้เผชิญชะตากรรมเดียวกับมีกอดแล้วคงจะเจอสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่
“ค่ะ” มือเล็กกอบกำถุงสีชมพูบนตักพร้อมกับสะพายกระเป๋าผ้าของตัวเองแล้วหยัดยืนขึ้นเต็มความสูงที่หากเทียบกับคนที่ยืนอยู่แล้วนั้น มีกอดเทียบเท่าอกซึ่งค่อนข้างเตี้ย กว่าจะทำใจฮึบเงยใบหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายก็กินเวลาไปหลายนาที พอมองขึ้นก็เจอกับใบหน้าเข้มคมจับจ้องมองอยู่แล้ว ถุงสีชมพูลายสดใสอีกใบถูกยื่นออกไปวางเก้าอี้ “งั้นกอดฝากขนมพวกนี้ให้ลูกด้วยนะคะ ของชอบเขาเลย”
คนแบบมีกอดก็ทำได้แค่นี้เท่านั้น
ทำได้เท่าที่จะทำให้ลูกได้
ไม่แค่เพียงลูกจะชอบฝากของมาแต่เมื่อไหร่ที่ได้รับมีกอดก็จะฝากของกลับไปให้ลูกเช่นเดียวกัน เมื่อการได้รับก็ต้องมีการให้ตอบและเชื่อว่าอีกฝ่ายก็คงยิ้มไม่ต่างจากคนเป็นแม่ในตอนนี้
“อืม”
ดีหน่อยที่มือใหญ่เข้ามาจับถุงชมพูเข้าในมือหิ้วขึ้น ถึงแม้มันจะไม่เข้ากับบุคลิกอีกฝ่ายเลยก็ตามแต่ คงทำเพื่อลูกเหมือนกับที่มีกอดทำ
“กอด... เอ่อ กลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
“เดี๋ยว”
“คะ?”
“ยื่นมือมาหน่อย”
“…”
“ก็บอกให้ยื่นมือมา”
เพราะความเชื่องช้าของมีกอดที่ยังประมวลผลไม่ได้ไม่ทันเท่าความรวดเร็วของพายัพที่ในตอนนี้คว้าข้อมือเล็กขึ้นพร้อมกับใส่อะไรบางอย่างลงไปกับรอยช้ำสีม่วงรอยนั้น มือใหญ่บรรจงทาเจลสีขาวใสลงบนผิวขาวละเอียด ด้วยความที่สีผิวขาวทำให้เห็นรอยชัดขึ้นเด่นซึ่งตัดจากสีผิวของคนกระทำแบบพายัพอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่ว่าพายัพไม่ขาวนะเพียงแค่ขาวไม่เท่าอีกฝ่ายแค่นั้น
“ขอบคุณค่ะ”
มือเล็กยกขึ้นไหว้ซึ่งพายัพชินแล้วกับการที่อีกฝ่ายได้ทำแบบนี้ เหมือนเป็นความเคยชินแต่ก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจไม่ใช่แกล้งทำ สำหรับพายัพแล้วมีกอดดูง่ายกกว่าใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่อีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรก็ตามเพียงแค่ว่าบางอย่างมันก็ให้ได้เท่านั้น
“แล้วเข้าโรงบาลทำไม”
“…”
มันเหมือนคาใจอีกฝ่ายเอามากๆ กับคำพูดขององุ่นที่เอ่ยขึ้นมาทั้งที่มันไม่ใช่ความจริง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรับรู้หรือเปล่าแล้วถ้าหากรับรู้ทำไมถึงถามขึ้นอีก
“ถามก็ตอบ”
