บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 เลือกไม่ได้

“แกรู้ดีว่าต้องทำยังไง”

“หึ...”

เสียงนั้น...

เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น...

แล้วมันก็เป็นเสียงเหมือนผิดหวังขึ้นมาแทบซ้ำๆ ในเมื่อไม่มีทางเลือกมีกอดจึงคว้าโทรศัพท์จากมือแม่แล้วไม่สบสายตาใครทั้งนั้น

ได้ความจากปลายสายที่กำลังติดต่อผ่านมาเมื่อกี้ว่ารอ คงใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงอย่างแน่นอน เพียงเท่านี้ทุกอย่างมันก็เหมือนจบลงทว่าไม่ใช่เลย เพราะสิ่งที่ดวงตาสามคู่กำลังเบิกกว้างกับการกระทำบ้าๆ ที่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะทำมัน จากเท้าที่เหยียบกลางลำคอเปลี่ยนเป็นขึ้นมาเหยียบศีรษะ

“จะตกใจกันทำไมครับ ในเมื่อคุณนายพลับพลึงก็คุ้นเคยยิ่งกว่านี้”

“แกนี่มันนรก”

“นรกตกแล้วลงไปเจอคุณนายอยู่แล้ว”

“เดี๋ยวแกจะได้ตกนรกจริงๆ”

แต่เมื่อถึงเวลาทุกอย่างมันไม่เป็นดั่งที่คิดเท่าไหร่นัก เมื่อนายตำรวจยศใหญ่ที่มีอำนาจและอิทธิพลในแถบนี้เข้ามากลายเป็นอีกบุคคลหนึ่งซึ่งมาพร้อมกับลูกน้อง ทุกอย่างที่เหมือนว่าคุณนายพลับพลึงคิดว่าตัวเองเหนือกว่ามันก็เปลี่ยนไป จากที่พายัพจะถูกรวบจับกลายเป็นว่าเจ้าบ่าวหมาดๆ ได้ถูกรวบไปแทนด้วยความโวยวาย

ตามมาด้วยความหงุดหงิดของคุณนายพลับพลึงที่เดินแยกจากไปอีกด้านเพื่อคุยกับนายตำรวจคนสนิทของตัวเอง เหลือเพียงแค่มีกอดกับเศษซากของที่กระจายเต็มพื้นพร้อมกับบุคคลคนหนึ่งเพราะมีขวัญก็ตามสามีไป ความอึดอัดโลดแล่นเข้ามาในอีกครั้ง แล้วมันยิ่งแผ่กระจายขึ้นมาให้รู้สึกเรื่อยๆ เมื่อลูกน้องที่มาด้วยของเขาต่างแยกออกไปราวกับรู้งาน

ความเงียบสนิทที่แม้หายใจยังได้ยินเสียงด้วยซ้ำ ยังจดจำสายตาและความเฉยชาที่ได้รับไม่เคยลืมเลือนถึงแม้มันจะไม่มีค่าอะไรกับเขาเลย อึดใจสุดท้ายมีกอดเลือกเงยใบหน้าขึ้นสู้มองไปยังชายสูงโปร่งตรงหน้าที่ไม่ค่อยได้เจอเท่าไหร่นักเพราะเอาแต่หลบหน้าและแอบมองไกลๆ

สภาพทุกอย่างบนตัวเขามันยังเหมือนเดิมไปเปลี่ยนแปลงไปเลย แถมยังดูดีภูมิฐานขึ้นมาโข แต่มันก็ต้องเป็นแบบนั้นในเมื่อบุคคลตรงหน้าเป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง เด่นดังที่สุดในกาญจนบุรี มีแต่ผู้คนอยากคบค้าสมาคมด้วยทั้งนั้นจะเรียกได้ว่าคอนเนคชั่นมีเป็นแถบก็ไม่แปลก

และสิ่งที่น่าตลกมากที่สุดก็คงเป็นตอนนี้ที่สายตาคมจดจ้องมองกลับมาด้วยความว่างเปล่าพร้อมกับลมหายใจที่มีกอดรับรู้ว่าอีกฝ่ายไม่อยากเห็นหน้าตัวเองอีกแล้ว การหลบสายตาและหลีกออกไปมันน่าจะเป็นผลดีกว่าทว่าพอกำลังเคลื่อนขยับตัวประโยคหนึ่งก็ถูกเอ่ยขึ้นมา

“ก็ยังเหมือนเดิม”

“…”

อ่า... มีกอดไม่อยากฟังเลย

“ยังเห็นแก่ตัวไม่เปลี่ยน”

ปล่อยทิ้งประโยคนั้นแล้วจากไปพร้อมกับความชาหนึบที่สร้างความปวดใจให้อีกครั้ง ความปวดใจที่ไม่มีวันหายมีแต่จะเติมขึ้นเรื่อยๆ จากอดีตมาจนจวบปัจจุบัน

แผลเก่าที่ถูกซ้ำเติมเข้ามาเรื่อยๆ มันจะหายได้ยังไง

จนเวลาผ่านมาเกือบอาทิตย์หนึ่ง ทุกอย่างที่ต้องดำเนินการใช้ชีวิตต่อไปมันก็ปกติแทบหมดยกเว้นแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันแต่งงานของมีขวัญเท่านั้นที่ยังไม่จบลง ในวันนั้นหลากหลายสายตาที่อยู่และเอาไปเล่าเรื่องราวต่อๆ กัน ซึ่งแน่นอนต่างคนต่างวิธีการเล่าแบบปากต่อปากทำให้เนื้อความผิดเพี้ยนไปจากเดิมอยู่มาก

ไม่ใช่มากสิแต่มันเป็นการผิดเพี้ยนที่หลุดจากเดิมมากที่สุดของที่สุดเลยก็ว่าได้ เดิมทีความรุนแรงมันมีอยู่แล้วกับยิ่งเพิ่มความรุนแรงเข้าไปด้วยอีก สำหรับบางคนที่ไม่ได้อยู่ด้วยในวันเกิดเหตุทว่ากับเป็นผู้เล่าเหตุการณ์ได้เสมือนจริง อีกอย่างด้วยความเป็นพื้นที่ชนบท หลายผู้คน หลายครอบครัว หลายปากเสียงและด้วยที่ที่ทำงานมีไม่มากนัก การรวมกลุ่มเพื่อเล่าในที่ทำงานจึงโดดเด่นออกมา

การเล่าเรื่องและการเติมสีตีไข่เข้าไปทำให้เรื่องราวในวันนั้นปะทุขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้มีกอดถอนหายใจยาวกับผลของมันเพราะออกไปทางไหนก็พบกับคำถามจากบุคคลอื่นหรือแม้แต่อยู่บ้านก็พบกับคำถามมาจากเพื่อนบ้านเช่นกัน

ขนาดรับรู้ก็ยังมีคำถามมากมาย

“หนักใจอะไรขนาดนั้นกอด”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel