4
ธนิสราตื่นเช้าอย่างเคยลงจากห้องนอนซึ่งอยู่ชั้นสาม เดินใจลอยแปลกใจมากเห็นป้านุรดีเดินออกมาจากห้องบิดาซึ่งอยู่ปีกขวาชั้นสอง ป้านุรดีเดินใบหน้าราบเรียบมาใกล้กันก็ทักทาย
“คุณป้าตื่นเช้าเหมือนกันนะคะ”
“จ๊ะ มาดูพ่อเราเสียหน่อยเห็นบ่นๆ ช่วงนี้ไม่เจริญอาหารว่าจะเข้าครัวเองจ๊ะ ” ป้าตอบ เธอพยักหน้าอย่างงงๆ “ออเหรอค่ะ”
“ไปนะหลาน” นุรดีขอตัว
ทิ้งไว้ให้ธนิสรามองไปยังโถงทางเดินที่ป้าเดินมาเมื่อครู่ อยากก้าวเดินไปทางนั้นบ้างแต่เท้าแข็งเหมือนใครมาฉุดไว้ จำเป็นต้องก้าวเดินตามที่เท้าสั่ง สุดท้ายตามป้าคนสวยลงด้านล่าง
สาวน้อยไม่อยากทานอาหารเมื่อไปชะโงกดูในห้องครัวเห็นสองแม่ลูกกำลังหัวเราะชวนกันทำกับข้าว ยอมรับว่ารู้สึกเศร้าและอิจฉากับภาพเหล่านั้น จึงเรียกเด็กรับใช้ให้เอามื้อเช้าไปให้ในที่ของเธอ ที่นั่นคือห้องนอนของแม่ซึ่งใครๆ ก็หวาดกลัวไม่อยากเฉียดใกล้ เพราะแม่ได้ทำลายชีวิตตนเองที่นั่น
เข้าในห้องกว้างเฟอร์นิเจอร์ยังจัดวางเหมือนวันวานไม่เปลี่ยน เดินไปยังรูปถ่ายแม่ที่หน้าตาสวยเรียบเหมือนความทรงจำที่ยังแจ่มชัด คิดถึงการวางตัวที่แสนเรียบร้อยเสมอของแม่ ท่านแตกต่างแทบตรงกันข้ามกับป้านุรดีที่สวยราวนางพญา
แต่นั่นแหละจะเหมือนกันได้อย่างไร ป้านุรดีเป็นเพียงพี่สาวบุญธรรมของแม่เท่านั้น ธนิสราวางรูปถ่ายในมือลง
ทุกวันนี้ ผ่านมาแปดปีเธอไม่เคยเชื่อว่าแม่จะคบชู้กับการ์ดที่ใกล้ชิด ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อ
แม่จ๋า สราไม่เชื่อใครทั้งนั้น สราจะทำตัวให้ดี ไม่ให้ใครต่อว่าแม่ได้นะจ๊ะ…สาวน้อยรำพึงรำพันคนเดียว
“คุณสรา…มาแล้วค่ะ” เสียงเด็กร้องเรียก มือเล็กวางรูปไว้บนโต๊ะเดินไปเปิดประตูรับอาหาร เด็กรีบไปทันทีเมื่อเธอได้อาหาร ร่างอวบพาตนเองไปนั่งฝืนทานอาหารเช้าเงียบๆ
นั่งทานได้ไม่นานมีเสียงเรียก
“คุณหนูผมอริย์ธัชครับ” ธนิสราสะดุ้ง ไม่อยากออกไปเผชิญหน้าแต่เธอก็จำลุกขึ้นไปหาต้นเสียง
“ว่ายังไงคะ”
“เจ้าสัวให้มาเชิญไปร่วมโต๊ะครับ”
“ช่วยเรียนคุณพ่อว่าสราอิ่มแล้วค่ะ” เธอวานเขา ไม่อยากสบตาคมสักเท่าไหร่เมื่อภาพตนเองปล้ำจูบเขาแต่โดนปฏิเสธเมื่อคืนยังแจ่มชัดเหลือเกิน
“เอาตามนี้นะครับ” ร่างใหญ่หันหลังเดินจากไปทำเหมือนเมื่อคืนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น เธอหันกลับมาด้วยความน้อยใจสับสน
รู้ดีไม่ไปร่วมโต๊ะส่วนหนึ่งเพราะแค่ไม่อยากนั่งมองสี่คนพูดคุยกันอย่างมีความสุขมากกว่า
สองปีที่จากไปเธอกลายเป็นส่วนเกินมากกว่าเดิม คนที่เธอรักใกล้ชิดกำลังจะกลายมาเป็นครอบครัว เป็นที่รักของญาติสนิทตลอดไป…ธนิสราแปลกใจนักที่ป้านุรดีซึ่งไม่ค่อยชอบอริย์ธัชในตอนแรกกลับกลายเป็นสนับสนุนเขาเสียมากมาย
วันนั้นทั้งวันเธอก็คอยหลบทุกคน ดีใจเป็นครั้งแรกที่คฤหาสน์ที่อยู่มาตั้งแต่เด็กกว้างขวางใหญ่โตสามารถหลบเร้นซ่อนตัวจากทุกคนได้
ถึงแม้จะแอบมองคุณธัชที่รักเล่นน้ำในสระกับญาติผู้พี่แต่สิ่งนั้นก็เป็นเพียงความเจ็บที่เธออยากกระทำเอง เพื่อเตือนตนเองให้คอยถอยห่างตัดใจจากผู้ชายคนนี้ให้ได้เสียที
เขารักกันมากเธอหรือจะไปแทรกกลางได้ และมันเป็นสิ่งที่ผิดศีลธรรม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก “คุณหนูเรียบร้อยไหมค่ะ” เสียงถามของเด็กทำให้ธนิสราจำลุกขึ้นไปเปิดประตู เดินไปยังลิฟต์เพื่อลงด้านล่าง เสียงเพลงแว่วมาเมื่อออกจากลิฟต์ สาวน้อยเดินไปยังบริเวณสระน้ำกว้างที่อยู่ตรงกลางคฤหาสน์รูปตัวเอล ที่นั่นมีคนสี่คนนั่งพูดคุยกันอยู่
หนึ่งสัปดาห์แล้วที่ญาติผู้พี่และป้ามาพักด้วยกัน เธอเดินในบ้านนับก้าวได้ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่คนทั้งสองจะกับขึ้นฝั่ง
“บางทีอาจยังไม่กลับถ้าไม่รีบไปจัดการเรื่องงานแต่งจ๊ะ” ชนารดีที่กำลังจะมีเรื่องมงคลในชีวิตบอกเมื่อวานตอนนั่งพูดคุยกัน เธอได้แต่ฝืนยิ้มบอกว่าเข้าใจดี
“หลานมานั่งสิจ๊ะ” นุรดีลุกขึ้นต้อนรับจูงแขนไปนั่ง ธนิสรายิ้มให้ป้า พยายามไม่มองบิดาและอริย์ธัชที่พูดคุยกันอยู่ เธอจำใจหันไปชวนคุยกับชนารดีเสียส่วนใหญ่
“สราจะเปิดเทอมเมื่อไหร่” บิดาถามขึ้นจึงหันไปมองท่าน
“อีกประมาณหนึ่งเดือนค่ะ”
“ก็ดี จะได้อยู่ช่วยงานพี่เขา รู้แล้วนี่ใช่ไมว่าชนารดีจะแต่งงานอีกสองสัปดาห์”
“ค่ะ” เธอตอบ สนใจอาหารบนโต๊ะ ทั้งที่ในใจแอบน้อยใจที่บิดาไม่ได้ถามไถ่การเล่าเรียนเธอสักคำ มื้ออาหารที่ควรมีแต่ความสุขในครอบครัวคงมีเพียงเธอที่เศร้า
หลังจากนั้นเสียงของอริย์ธัชเท่านั้นที่เข้าหูของเธอ เขาพูดหัวเราะให้เห็นหลายครั้งเมื่ออยู่กับบิดาและญาติสาว เธอได้แต่เก็บภาพนั้นไว้ในส่วนลึกของหัวใจ
เวลาบอกว่าสี่ทุ่มบิดานั่งดื่มกับอริย์ธัชตามประสาคนที่ไว้ใจ สนิท เพียงครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นก็แยกย้าย
“ขอตัวนะพี่รดี” ธนิสราขอตัวบ้างเมื่อร่างสูงของอริย์ธัชผละจากบิดามาหาคนรักที่นั่งคุยกับเธอริมสระน้ำ
“ฝันดีจ๊ะ” พี่สาวโบกมือลาไม่คิดรั้งไว้ซึ่งเธอก็เข้าใจ สาวน้อยเดินกลับห้องนอนไม่หันมองด้านหลังอีกเลย
บิดาออกตัวแรงขนาดนี้เธอไม่มีเวลายื้ออะไรให้หัวใจตนเองแล้ว คงปล่อยให้คนเขารักกันได้สมดังใจที่ปรารถนา
ได้แต่หวังว่าสักวันเธอจะลืมผู้ชายที่เป็นรักแรกได้…
ต้องอยู่กับความเสียใจสาวน้อยเปลี่ยนทิศทางไปห้องด้านล่าง หวังจะหลบเลียแผลหัวใจ แต่ก้าวเดินไปได้ไม่กี่ก้าวต้องตกใจเห็นบิดาโอบคุณป้าคนสวยเข้าในห้องที่อยู่ใกล้ๆ กัน
นี่มันอะไร! เธอเข่าอ่อน หัวใจเหมือนจะหยุดเต้นกับภาพที่เห็น ประตูบานใหญ่ปิดลงก็เรียกสติรีบเข้าห้องมารดา หวังว่าระเบียงห้องที่ติดกันจะทำให้ได้ยินอะไรบ้าง ภาวนาให้ได้รู้ว่าแค่เป็นการเข้าใจผิดไปของสายตาเท่านั้น
สองมือเปิดระเบียงค่อยๆ โดยไม่เปิดไฟในห้อง
ครู่ต่อมาเธอได้รู้เรื่องราวที่ทำให้หัวใจเต้น เต้นขึ้นเรื่อยๆ และน้ำตาไหลรินออกมาโดยไม่รู้ตัว…
บิดามีสัมพันธ์กับคุณป้ามานานแล้วฟังจากการพูดคุย อะไรไม่สำคัญเท่า มารดารู้เรื่องนี้
“เลิกคิดเถอะน่าผมมานอนด้วยเพราะไม่มีคุณแล้วนอนไม่หลับอย่าห่วงเลยห้องข้างๆ ปิดตายมานานไม่มีใครอยู่ ใช่ความผิดคุณหรือไงที่ต้องอยู่แบบนี้เป็นเพราะพ่อแม่คุณอยากให้ผมแต่งกับนุรสา นั่นต้องโทษผู้ใหญ่ที่ไม่รับฟังเรา ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายและจำไว้หากคุณยังพูดมากผมจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก”
แบบนี้ เรื่องราวเป็นแบบนี้ แม่เธอตรอมใจตายมากกว่าก่อนจะทำลายชีวิตตนเอง
ธนิสรายกสองมืออุดหู “ไม่ ไม่จริง…คุณพ่อกับคุณป้าไม่จริง…”
“ฮือ…ฮือ…ฮือ…” ในความมืดของห้องที่กระชากวิญญาณแม่ให้ปลิดปลิวจากร่าง สาวน้อยร้องไห้จนไม่มีน้ำตา
แม่จ๋า แม่ต้องเจ็บแค่ไหนตอนมีชีวิตหนูรู้แล้ว…
ภาพแม่ร้องไห้ เหม่อลอย…นับครั้งไม่ถ้วนอยู่ในความทรงจำ
แอบรักคนคนหนึ่งว่าเจ็บแล้ว การที่ต้องโดนสามีและพี่สาวที่รักทำร้ายหัวใจมันจะทรมานขนาดไหน ขนาดไหนกันนะแม่จ๋า…แม่นุสของลูก…
