บทที่1
ภายใต้ความโศกเศร้าในงานศพของเจ้าสัว ‘บิณณ์’ เจ้าของฟาร์มมุกขนาดใหญ่ที่เพิ่งจะเสียไปด้วยโรคชรานั้นสร้างความเสียใจแก่ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ‘ไอรดา’ ลูกสาวคนเล็กที่กระทั่งตอนนี้ก็ยังเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดหย่อน ต่างจากใครอีกคนที่เอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมแม้แต่จะแสดงอาการใดๆ ออกมาให้ใครได้เห็นเลยตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมา
และคงไม่มีใครรู้ว่าภายในใจของเขาในตอนนี้นั้นมันกำลังร้องไห้อย่างหนักหน่วงให้กับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งในชีวิต ไม่มีใครรู้นอกจากตัวของชายหนุ่มเองเท่านั้นที่รู้ถึงความเจ็บปวดของตัวเอง เจ็บที่ต้องสูญเสียคนที่รักไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จบ
“แล้วนี่เธอจะร้องห่มร้องไห้ไปอีกนานไหม พ่อตัวเองรึก็ไม่ใช่จะร้องเอาอะไรนักหนา!” เสียงตวาดที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำเอาไหล่มนสะดุ้งเล็กน้อยก่อนใบหน้าอ่อนหวานที่กำลังยืนจ้องมองเมนเผาศพอยู่จะค่อยๆ หันกลับไปมองเจ้าของเสียงที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยพูดกับเธอดีๆ เลยสักวันอย่างเชื่องช้า
“พี่พี...” เสียงหวานร้องเรียกคนข้างกายขึ้นเบาๆ เพราะกลัวว่าจะถูกอีกฝ่ายตวาดเข้าอีกรอบ
“แล้วนี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาเรียกฉันว่าพี่ เธอไม่ใช่น้องฉัน!” ไอรดา หญิงสาววัยยี่สิบห้าได้แต่จ้องมองพี่ชายที่ไม่เคยมองเธอในฐานะน้องสาวของเขาเลยสักครั้งตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน เธอเพิ่งจะเข้าใจถึงความเกลียดชังที่เขามีเอาก็ตอนที่โตขึ้นและได้รู้ความจริงที่น่าเศร้าเกียวกับแม่ของเธอจากปากของเจ้าสัวบัณณ์
แม่ของเธอคือภรรยาลับๆ ของพ่อเขา ส่วนเธอนั้นเป็นแค่ลูกติดมาเท่านั้น และเพราะเหตุนี้เองเลยทำให้ภรรยาอีกคนซึ่งก็คือคุณแม่ของชลพีตรอมใจและจากไปด้วยความทรมาน ทิ้งไว้แต่ลูกชายที่ภายในใจนั้นเต็มไปด้วยความแค้นที่เขาตราหนากันเอาไว้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่าจะลงทุกๆ ความเกลียดชังทั้งหมดที่เขามีกับเธอทั้งหมด เธอที่เป็นลูกของผู้หญิงที่เป็นสาเหตุทำให้แม่ของเขาต้องตรอมใจตาย จึงไม่แปลกอะไรที่เขาจะเกลียดกัน
“ไอขอโทษค่ะคุณพี ทีหลังไอจะระวังให้มากกว่านี้ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่ถึงอย่างไรก็ยังอดรู้สึกเศร้าใจไม่ได้อยู่กับการสูญเสียที่ไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อนว่าวันนี้จะมาถึงเร็วเพียงนี้ วันที่นายหัวบิณณ์บุคคลที่มีบุญคุณต่อชีวิตของเธอมากมายอย่างเหลือล้นต้องมาด้วนจากกันไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
คนที่คอยปกป้องในยามที่เธอถูกลูกชายแท้ๆ ของท่านรังแกเอาไม่เว้นแต่วัน แต่ต่อจากวันนี้ไปคงไม่มีอีกแล้ว คงเหลือเพียงแค่เธอกับซาตานใจร้ายที่ไร้หัวใจตรงหน้าคนนี้เท่านั้น!
“หมดธุระก็กลับกันได้แล้ว” ชลพีเอ่ยขึ้นหลังจากที่พิธีการชาปนกิจบิดาเสร็จสิ้นลง ชายหนุ่มลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเอ่ยปากสั่งและทำท่าจะเดินไปขึ้นรถที่จอดรอพร้อมทุกเมื่อทุกเวลา หากแต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวออกไปไหนเสียงหวานๆ ของคนเบื้องหลังกลับดังประท้วงขึ้นเข้าซะก่อน...“เราจะกลับเกาะกันเลยเหรอคะคุณพี แต่ว่าไอ....” อยากจะอยู่เคารพศพของคุณท่านอีกสักหน่อย ไอรดาได้แต่ย้ำคำพูดที่เหลือภายในใจเพราะไม่มีความกล้ามากพอที่จะเปล่งเสียงบอกเขาไปว่าเธออยากจะอยู่เพื่อลาพ่อของเขาจนถึงวินาทีสุดท้าย เพราะนั่นมันคงเป็นสิ่งเดียวที่เธอจะทำให้ท่านได้ในตอนนี้
“หรืออยากจะอยู่ที่นี่ต่อก็เรื่องของเธอ! แต่หลังจากนั้นก็หาทางกลับเกาะเองก็แล้วกัน” คนใจดำสวนขึ้นก่อนจะเดินตรงไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว นั่นเลยทำให้ไอรดาต้องรีบวิ่งตามเขาไปขึ้นรถอย่างคนไม่มีทางเลือก ไม่นานรถคันหรูที่ติดฟิล์มดำทั้งคันก็เคลื่อนตัวออกไปจากวัด ทิ้งให้หน้าที่อื่นๆ ถูกดำเนินการต่อไปจากลูกน้องชายหญิงที่เขาสั่งเกณณ์ลงมาจากเกาะแสงจันทร์
การเดินทางที่แสนยาวนานสิ้นสุดลงทันทีที่เรือลำใหญ่จอดลงเทียบท่าหน้าบ้านหลังใหญ่บนเกาะตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้านายที่ตอนนี้ได้ขึ้นแท่นมาเป็นเจ้าของเกาะและทรัพย์สมบัติทั้งหมดจากผู้เป็นพ่อแต่เพียงผู้เดียว ชลพีก้าวเดินต่อไปเบื้องหน้าไม่สนร่างของหญิงสาวอีกคนที่ได้แต่จ้องมองเขาที่ดูเหมือนจะไม่ได้ทุกข์ร้อนหรือแสดงความเสียใจอะไรสักนิดให้ได้เห็น
คนๆ นี้เขามีหัวใจเหมือนคนปกติทั่วไปไหมนะ
ไอรดาเฝ้าถามคำถามนี้กับตัวเองบ่อยๆ เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่วันแรกที่เจอกันจนถึงวันนี้เขาร้ายกาจกับเธอสารพัด และเธอเองก็ยังไม่เคยเห็นเขาแสดงท่าทีอย่างอื่นให้ได้เห็นเลยนอกจากความดุร้าย ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับใคร และมันจะแปลกตรงไหนกันเล่าหากเธอจะสงสัยว่าตกลงแล้วเขามีหัวใจรึเปล่า
เมี้ยวว....
