บทที่ 4
หาเรื่อง
“ยายสมองปลาทู” องศาสนุกที่ได้ทะเลาะกับเด็ก
“นายว่าใคร”
“เอ้า... จะว่าใครได้ล่ะ ก็ต้องว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี่นะสิ คราวก่อนฉันเห็นน่ะ ใช้หนังสติ๊กยิงแกล้งคน”
“อะ!” ชญานีถึงกับอ้าปากกว้าง นึกได้ทันทีว่าคนที่ส่งคลิปอันนั้นไปให้คุณพ่อคงจะเป็นเขา
“อ๋อ... เจอตัวคนสาระแนแล้ว ส่งงคลิปไปให้คุณพ่อ จนฉันโดนฟาด แล้วถูกขังอีกเจ็ดวัน” ยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าเขาเสียเลย
“มันยังน้อยไปนะแม่คุณ ดีที่นีน่า เธอไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เย็บ แต่ถ้าโดนลูกกะตามีหวังต้องตาบอด เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง และนิสัยไม่ดี ชอบไปทำร้ายคนอื่นแบบนั้น หากเจ้าตัวของเขาเอาเรื่อง แม่หนูน้อยนี่แหละต้องเข้าไปนอนในคุกในตาราง ที่พี่เตือนนี่ เพราะอยากเห็นแม่หนูเป็นคนดีน่ะนะ อีกอย่างอายุยังน้อย กลับตัวกลับใจได้ก็ยังทัน” เขาว่าเธอออกมาเป็นชุด
“นี่นาย นายมีสิทธิ์อะไรมาสอนเขา” ใบหน้างอน ปากบนเชิดจนจะชิดกับปลายจมูกอยู่แล้ว
องศามองหน้าเธอด้วยความเอ็นดู
“หนูน่ะยังเรียนมอต้นอยู่เลย ยังเป็นไม้อ่อนที่ดัดได้ และจากที่ฉันได้คุยกับนีน่า เธอเป็นคนเรียบร้อยและน่ารักมาก นิสัยต่างกับแม่หนูสุดขั้วเลยนะ ไม่แปลกถ้าคุณกรพ่อของแม่หนูจะรักและเอ็นดูนีน่า” องศาแกล้งยั่วต่อ
“อั้ย! อย่าพูดแบบนี้นะ ฉันเกลียดยายนีน่า และแม่ของมันด้วย อีกอย่าง ไอ้ลุงหน้าเหี่ยวอย่างนาย อย่ามายุ่ง และที่จะบอก ฉันไม่ได้อยู่มอต้นย่ะ ฉันจบมอหกแล้ว”
ตีหน้าออกมาด้วยความโกรธ จ้องตากับองศาแบบไม่พอใจ ที่เขาพูดออกมาอย่างนั้น
“พ่อฉันไม่ได้รักและไม่ได้เอ็นดูยายนั้น” โกรธเป็นฟื้นเป็นไฟ เล่นเอาองศาตกใจไปอีก
“นี่เธอ... ไปหาหมอให้รักษาอาการทางจิต ที่ชอบคิดริษยาคนอื่นด้วยนะ มีครบทั้งรูปสมบัติ แต่ยังขาดคุณสมบัติของการเป็นคนดีและน่ารัก”
ชญานียิ่งโกรธหนัก เมื่อเขาพูดมาถึงตรงนี้ สองมือกำหมัดแน่น ไม่รู้จะเอาคำไหนมาต่อปากต่อคำกับเขา ผู้ชายคนนี้เป็นคนแรกที่พูดแทงใจดำที่สุด
องศายกขวานในมือขึ้นมา ก่อนจะชี้กลับไปที่ตรงเขาทำงาน
“ฉันไม่ได้ตัดต้นไม้ แต่กำลังจะทำม้านั่งเอาไว้นั่งเล่น กลับบ้านไปไป๊ ชิว... อยู่ให้น่ารัก ทำตัวใหม่ อย่าเรียกร้องความสนใจจากพ่อด้วยวิธีการผิด ๆ สุดท้ายคนที่จะเสียใจก็คือหนู” เขาเตือนเธออีกครั้ง
“ไอ้บ้า” ตะโกนขึ้นดัง และกระทืบเท้า หมุนตัวกลับไปทางเดิม ไปหาจักรยานของตัวเอง ชญานีโกรธเขาที่ว่าเธอ จนร้องไห้ออกมา
คุณชวกรก็ได้เล่าเรื่องราวของลูกสาวให้เขาฟังคร่าว ๆ และกำลังหาวิธีการจัดการลูกสาวอยู่
‘ขอโทษ ถ้าพี่ไม่พูดแบบนี้ หนูก็อาจจะคิดไม่ได้’ องศามองตามอย่างเป็นห่วง พูดไปแล้ว เพิ่งมาคิดได้ว่า เขาว่าเด็กคนนั้นแรงเกินไป
“เฮ้อ...” เขาถอนหายใจออกมา และมองตามชญานีด้วยความรู้สึกแปลก ๆ เด็กสาวคนนี้น่าสงสาร เขาเห็นภาพตัวเองในอดีตที่ไม่มีแม่เหมือนกัน
สิบนาทีต่อมา
ชญานีนั่งอยู่ริมลำห้วยที่อยู่ด้านหลังที่ดินของพ่อของเธอ ใช้ไม้วาดใบหน้าขององศา พร้อมกับจิ้มไม้นั้นลงไปที่ใบหน้าของเขา
“หึ กล้าดียังไงมาสั่งสอนเขา ไอ้หน้าหล่อ ฮือ... ฉันจะโกรธนาย ฉันจะเกลียดนาย คนอะไรนิสัยไม่ดี ไปเข้าข้างยายนั้น คอยดูแล้วกัน ฉันมีโอกาสเมื่อไรจะเอาคืน”
“จะเอ๋”
“ว้าย! ตกใจหมดเลย” หันมาทำตาดุใส่ฟานกับซานโต้ที่มาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียง
“แหม... พี่ยี่หวาทำเป็นขวัญอ่อนไปได้ ผมสองคนตามหาพี่ตั้งนาน”
“แล้วไง” อารมณ์บ่จอย ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาปอย ๆ
“พี่ร้องไห้หรือครับ” ซานโต้ถาม
“เปล่า ผงมันเข้าตา”
“แหม... ผงคงจะปลิวมาเป็นกำ ๆ” ฟานโต้
“ไอ้...” เงื้อไม้ในมือขึ้นมาหมายจะโยนใส่ทั้งคู่ แต่ก็ไม่ทำ เด็กชายสองคนรีบกระโดดหลบ
“เฮ้อ...” ถอนหายใจเสียงดัง ใบหน้าไร้ความสุข
“เป็นอะไรไปอีกพี่” ฟานนั่งลงใกล้ ถามด้วยความเป็นห่วง
“เบื่อ หน่าย และก็เซ็ง มีคนปากไม่ดีมาว่าฉัน”
“แหม... พี่ปากไม่ดีไปว่าเขาก่อนมั้ง”
“เอ๊ะ! ไอ้ฟาน มึงนี่มันก็ปากดีเหมือนกันนะ”
“แฮ่ ๆ” หัวเราะแห้ง แล้วรีบหลบปลายมือของชญานีที่ทำท่าเงื้อ
“ช่างเถอะ แล้วนี่จะไปไหนกันหรือ”
“ตกปลาไง ฉันทำเบ็ดมาเผื่อพี่ด้วย”
“มีเหยื่อแล้วหรือ”
“ก็นี่ไง” ซานโต้ยกถังน้อยที่มีไส้เดือนอยู่ข้างในนั้นหลายตัวให้ชญานีดู
“ว้าว ๆ มา ๆ ไหนคันเบ็ดของพี่”
“นี่ครับ” ซานโต้ยื่นให้
ชญานีรับมาถือ พร้อมกับจัดการหยิบไส้เดือนมาตัดด้วยเล็บ แล้วคล้องไปในตะขอเบ็ด เสร็จแล้วก็ขยับไปใกล้ตลิ่งอีก พร้อมกับเหวี่ยงเบ็ดลงไป
จ๋อม... ไม่ทันไรปลาก็เข้ามาตอดแล้ว
“วันนี้ พี่มือขึ้นแน่ ๆ” ดีอกดีใจ
“ถ้าพี่ตกได้ปลาน่ะนะ เราก็ย่างกินกันตรงนี้เลย ฉันเอาไฟแช็กมาด้วย”
“ดี ๆ” ชญานีจ้องไปที่เหยื่อที่ปลากำลังเข้ามาตอด พร้อมกับหันมายกนิ้วปิดปาก แล้วทำเสียงชู่ ๆ บอกให้สองเด็กเบาเสียง ปลาติดเหยื่อ ชญานีเหวี่ยงตวัดเบ็ดขึ้นมา พร้อมกับปลาตัวโต
“เย้ ๆ ได้ปลาแล้ว”
“ฉันก่อไฟย่างปลาดีกว่า”
“เฮ้ย! ให้มันได้มากกว่านี้อีกสิ”
“ไม่เป็นไร ก่อไฟเอาไว้ก่อน ฉันไปหากิ่งไม้ก่อนนะ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้” ชญานีคล้อยตาม ฟานวิ่งไปหาของตามที่บอก แล้วทั้งสามคนก็เล่นสนุกกัน จนชญานีลืมความทุกข์ใจที่เพิ่งเผชิญมา ผ่านวันร้าย ๆ ที่ขุ่นใจไปอีกวัน
ผ่านไปหลายชั่วโมง ทั้งสามคนนั่งล้อมวงกันอยู่ นั่งแทะปลาที่เพิ่งจับมาได้ ย่างไฟกำลังดี กินกันอย่างเอร็ดอร่อย
“ถ้าพี่ไปเรียนต่างประเทศเราก็ไม่ได้มานั่งกินกันแบบนี้เนอะ”
“พี่จะคิดถึงผมสองคนไหมครับ”
“คิดถึงสิ เพื่อนแท้ของพี่ ก็มีแกสองคนนี่แหละ แต่ว่า ไม่เห็นมหา’ลัยที่โน้นตอบรับมาที” นั่งคิด เพราะเธอทำเรื่องนี้ลำพัง ยังไม่ได้ปรึกษาพ่อ แค่ได้คุยกับป้าจรีพรพี่สาวแท้ ๆ ของแม่เท่านั้น
ชญานีคิดว่า จะไปให้พ้นจากหน้าสองแม่ลูกนั้นได้ เธอต้องไปจากเมืองไทย เด็กสาวหาข้อมูล และยื่นเรื่องไปเรียนต่อที่ไต้หวันโดยมีป้าคอยช่วยเหลือ ตอนนี้แค่รอคอยการตอบกัน ชญานีภาวนาทุกวัน ให้มหา’ลัยที่นั่นตอบรับเธอเสียที
