บท
ตั้งค่า

พันธะมังกร เหนือชะตาฟ้า บทที่ 2

ความรู้สึกแรกที่กลับคืนมาคือความเจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วทุกอณูเซลล์ มันไม่ใช่ความเจ็บแหลมคมจากการตกกระแทกที่เขาคาดไว้ แต่เป็นความปวดเมื่อยที่แผ่ซ่านไปทั้งร่าง เหมือนคนป่วยหนักที่นอนติดเตียงมานานนับเดือน ลมหายใจติดขัดในลำคอราวกับมีบางสิ่งกีดขวาง เขาพยายามหายใจเข้าลึกๆ แต่ปอดเหมือนถูกบีบรัด ร่างกายรู้สึกหนักอึ้งราวกับถูกตรึงไว้กับพื้น

เปลือกตาที่หนักอึ้งราวกับมีเหล็กถ่วง ค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างยากลำบาก แสงสลัวที่ลอดผ่านเข้ามาทำให้ดวงตาพร่ามัวไปชั่วขณะ ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะค่อยๆ ปรับความคมชัดขึ้นทีละน้อย เพดานไม้สีคล้ำเก่าคร่ำคร่า มีใยแมงมุมเกาะอยู่ตามขื่อคานอย่างไม่เกรงใจ... นี่ไม่ใช่เพดานยิปซัมบอร์ดสีขาวสะอาดตาในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล และยิ่งไม่ใช่ฝ้าเพดานฉาบเรียบในอพาร์ตเมนต์หรูของเขาอย่างแน่นอน เขาเงยหน้ามองรอบๆ อย่างช้าๆ ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาคมคายบัดนี้อยู่ในร่างที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง

ไป๋มู่เหยียนขมวดคิ้วแน่น ความคิดในหัวยังคงสับสนอลหม่าน เขาพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่แทบไม่มีเหลืออยู่เพื่อยันกายลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ทำได้เพียงแค่ขยับตัวเล็กน้อยเท่านั้น การเคลื่อนไหวเพียงนิดเดียวก่อให้เกิดเสียงเตียงไม้เก่าๆ ลั่นเอี๊ยดอ๊าด และนั่นทำให้เขาได้สำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวได้ชัดเจนขึ้น เขาอยู่ในห้องไม้เล็กๆ ห้องหนึ่งที่น่าจะเรียกว่า "กระท่อม" ถึงจะถูก ผนังทำจากไม้แผ่นที่ไม่ค่อยจะสนิทกันนัก มีร่องรอยของดินเหนียวอุดไว้ตามช่องว่างอย่างลวกๆ เฟอร์นิเจอร์ในห้องแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีอะไรเลย นอกจากเตียงไม้แข็งกระด้างที่เขานอนอยู่ โต๊ะเตี้ยๆ ข้างเตียงซึ่งมีถ้วยดินเผาบิ่นๆ วางอยู่หนึ่งใบ และตู้ไม้เก่าซอมซ่อที่ตั้งชิดผนังอีกฟากหนึ่งของห้อง เขายื่นมือไปแตะผนังไม้ รู้สึกถึงความหยาบกร้านและกลิ่นอับชื้นที่แทรกซึมเข้ามา

แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวมาจากช่องหน้าต่างที่ไม่ได้กรุกระจกใส แต่ใช้กระดาษสาสีเหลืองนวลแปะไว้แทน แสงแดดยามบ่ายที่ลอดผ่านกระดาษสาเข้ามานั้นอ่อนจางและนุ่มนวล แต่ก็ขับเน้นให้บรรยากาศโดยรอบดูยากจนข้นแค้นและห่างไกลจากความเจริญอย่างที่สุด เขามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นต้นไม้เขียวชอุ่มและเสียงนกร้องไกลๆ ซึ่งแตกต่างจากเสียงรถราของเมืองใหญ่ที่เขาคุ้นเคย

กลิ่นสมุนไพรแห้งผสมกับกลิ่นอับชื้นของไม้เก่าลอยอบอวลอยู่ในอากาศ เป็นกลิ่นที่เขาคุ้นเคยจากร้านยาจีนโบราณแถวบ้านคุณปู่ตอนเด็กๆ มันเป็นกลิ่นของดิน...ของชีวิต...ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับกลิ่นยาฆ่าเชื้ออันเย็นชาและกลิ่นแอลกอฮอล์ที่เขาคุ้นเคยมาทั้งชีวิตในโรงพยาบาล กลิ่นเหล่านั้นคือกลิ่นของความเจ็บป่วยและความโดดเดี่ยว แต่กลิ่นนี้...กลับทำให้เขารู้สึกสงบใจอย่างน่าประหลาด เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามปรับตัวกับกลิ่นที่ทำให้เขานึกถึงวัยเด็กที่ไร้กังวล

"ที่นี่...มัน...ที่ไหนกัน..." เสียงที่เปล่งออกมานั้นแหบพร่าและแผ่วเบาจนน่าตกใจ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้มู่เหยียนตื่นตระหนกที่สุด สิ่งที่ทำให้เลือดในกายของเขาแทบจะแข็งตัวก็คือ...มันไม่ใช่เสียงทุ้มนุ่มที่เขาคุ้นเคยมาตลอดชีวิต แต่เป็นเสียงของเด็กหนุ่มที่ยังไม่แตกพานด้วยซ้ำไป! เขายกมือขึ้นมาปิดปาก สัมผัสได้ถึงริมฝีปากที่บางและผิวที่เนียนละเอียดกว่าที่เคย

ความตื่นตระหนกแล่นปราดเข้าจู่โจมอย่างรุนแรง เขารีบก้มลงมองร่างกายของตัวเองในทันที...และแล้วหัวใจของเขาก็แทบจะหยุดเต้น แขนสองข้างที่ยกขึ้นมาดูนั้นเรียวเล็ก ผิวขาวซีดจนเห็นเส้นเลือดสีเขียวจางๆ ฝ่ามือบางและนิ้วเรียวยาวสวยงาม แต่มันเล็กและบอบบางเกินไป...นี่มันไม่ใช่มือของศัลยแพทย์ ไม่ใช่มือของไป๋มู่เหยียน! เขาลองขยับขา รู้สึกได้ถึงความอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ผ้าห่มเนื้อหยาบที่คลุมกายอยู่เลื่อนหลุดลง เผยให้เห็นช่วงลำตัวที่ผอมบางและท่อนขาที่ไร้ซึ่งมัดกล้ามเนื้อของคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ นี่มัน...ร่างกายของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง! เขาสัมผัสหน้าอกตัวเอง รู้สึกถึงกระดูกซี่โครงที่โผล่ชัดเจน และหัวใจที่เต้นแรงราวกับจะทะลักออกมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel