บทที่ 4 ตกลงกันหน่อย
“ฉันว่าเรามาตกลงอะไรกันสักหน่อยไหม?” ฐากูรมองเธอไม่ผิด หญิงสาวแสดงให้เขาเห็นหมดสิ้นว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับเขา แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจคือ... มันเริ่มตั้งแต่ตอนไหน เพราะเธอไม่อยู่ในความทรงจำแม้เศษเสี้ยวของเขาเลย
“ค่ะ” อัญธิยารู้ว่าเขาจะพูดเช่นไร... เธอเตรียมใจมาแล้ว เตรียมมานานมากด้วย
“เราอายุห่างกันมาก... มันมีอะไรหลายอย่างที่เธออาจจะไม่เข้าใจฉัน” เขาสุภาพกับเธอมาก... แต่แววตาของเขากลับไม่ได้สุภาพเช่นนั้น มันดุดันจนเธอนึกกลัว
“เชิญพูดต่อเลยค่ะ ตั๋นจะเป็นผู้ฟังที่ดี” กลีบปากบางยกยิ้มสำนึกได้ว่าสิ่งที่ได้มาตอนนี้มันดีที่สุดแล้ว
“ฉันต้องแต่งงานกับเธอ... เพราะพ่อขอให้ฉันแต่ง” แววตาดำขลับไหววูบ แต่ริมฝีปากก็ยังคงยกยิ้มราวกับว่าคำพูดของเขาไม่กระเทือนใจเธอแม้แต่น้อย
“ฉันไม่ได้อยากจะแต่งงาน... กับคนที่อายุห่างฉันจนเป็นรุ่นหลานแบบนี้ แต่ฉันปฏิเสธพ่อไม่ได้” แม้จะไม่อยากพูดทำร้ายจิตใจเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เมื่อเห็นแววตาของเธอแล้ว เขาคิดว่าเขาต้องพูด ก่อนที่ทุกอย่างมันจะถลำลึกไปมากกว่านี้...
“ค่ะ” นั่นคือคำตอบของเธองั้นหรือ??
“โบตั๋น... ฉันเป็นผู้ชาย ฉันมีความต้องการ มีผู้หญิงติดพัน ฉันติดการไปเที่ยวและต้องดื่มตลอด ฉันเปิดไนต์คลับ ฉันกลับดึก เธอต้องเรียน ตื่นเช้า เข้านอนไว มีชีวิตที่สดใส และฉันไม่ได้ดีแบบที่พ่อของฉันบอกเธอหรอกนะ” อัญธิยาพยักหน้ารับ... เธอรู้ทุกข้อที่เขาพูดมาดีเลย เพราะคุณลุงบอกเธอทั้งหมด แต่เขากลับคิดว่าพ่อเขาไม่บอกอะไรเธอ
“การที่เธอย้ายมาอยู่ภายใต้การดูแลของฉัน... ห้องเดียวกันกับฉัน มันหมายถึงว่าเธอเป็นภรรยาของฉันในทางนิตินัยแล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น เธอจะผูกติดกับฉันไปตลอดชีวิต เธออยากมีสามีที่แก่กว่าเธอมากขนาดนี้เหรอ?” เงียบคือคำตอบ ฐากูรสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่... เขาคุกรุ่นแล้ว
“คุณคิดไปไกลขนาดนั้นแล้วหรือคะ...” อัญธิยาไม่คิดว่านี่คือการปกป้องเกียรติเธอ แต่คิดว่าที่เขาพูดเช่นนี้คือเขารังเกียจเธอ
“หากในระหว่างที่เรากำลังศึกษาดูใจกัน เราไปกันไม่รอดต้องเลิกกัน คนที่เสียหายมันคือเธอ... โบตั๋น ไม่ว่าจะรูปแบบไหนเธอเสียหายทั้งนั้น”
“ค่ะ”
“เธอเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหมเนี่ยโบตั๋น” ฐากูรขมวดคิ้วเมื่อเธอเอาแต่ขานรับ และมองหน้าเขานิ่ง ชายหนุ่มสุดจะหงุดหงิดที่เธอดื้อรั้นและไม่ฟังกันเลย... ทั้งที่เขาหวังดี
“คุณคิดว่าดิฉันเด็กขนาดไหนกันคะถึงมาพูดจาแบบนี้ใส่กัน” น้ำเสียงอ่อนหวานแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย ใบหน้านวลเชิดขึ้น
อย่างถือดี สรรพนามแทนตัวเองก็เปลี่ยนไปเป็น เธอ-ฉัน เสียแล้ว
“แม้โลกของฉันมันจะไม่ได้กว้างเท่าโลกของคุณ แต่ช่วยมั่นใจหน่อยได้ไหมคะ ว่าฉันจะเอาตัวรอดได้ด้วยตัวเอง” ฐากูรมองหน้าหญิงสาวนิ่ง
“ไม่ต้องมาบอกว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับการแต่งงานในครั้งนี้... เพราะคุณรู้สึกอย่างไร ฉันไม่ได้ต้องการอยากจะรู้สิ่งที่อยู่ในใจคุณ”
“..........” มือหนาควงแก้วไวน์และจ้องมองเธอ... นี่สินะ อัญธิยาตัวจริง ต้องเป็นแบบนี้สิถึงจะถูก... ไม่ใช่เด็กหน่อมแน้ม หวาดกลัวเขาขนาดนั้น
“สิ่งที่ฉันต้องเจอหลังจากย้ายเข้าไปอยู่บ้านเดียวกับคุณแล้ว หรือเราจะยกเลิกงานแต่งงานกลางคัน ก็ให้มันเป็นหน้าที่ของกันและกันเถอะค่ะ ดูแลรับผิดชอบชีวิตตัวเอง”
“ยังไงดีล่ะ?” ริมฝีปากหนายกยิ้มมุมปากเพียงนิด อยากจะรู้ว่าเธอจะทำอย่างไร... เด็กอวดดี
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้... ฉันจะไม่โทษว่ามันเป็นความผิดคุณ เพราะชีวิตฉัน ๆ เลือกเอง”
