บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้วในชีวิต ไม่มีใครอีกแล้ว ชีวิตเธอพังหมดแล้ว ไม่เหลืออะไรเลย...

“ฮือ...ฮือออ...อึก...ฮือ...”

“น้ำขิง! น้ำขิง!”

ชม้อยรีบเข้าไปประคองหญิงสาวที่เป็นลมหมดสติไว้ในอ้อมแขน ก่อนที่ทุกคนจะเข้ามาช่วยกันพัดวีระบายความร้อนให้หล่อนอยู่สักพัก รถพยาบาลก็ตามเข้ามารับตัวเพียงดาวขึ้นรถแล้วขับออกไป โดยมีชม้อยและนายตำรวจหนึ่งคนติดตามไปด้วยอย่างใกล้ชิด

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เพียงดาวช็อกหมดสติไปหลายชั่วโมงกว่าจะรู้สึกตัวก็เกือบเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว ซึ่งทันทีที่ลืมตาขึ้นมาก็ต้องหลับตาลงไปทันที เมื่อดวงตาไม่สามารถปรับกับแสงที่สว่างจ้าของหลอดไฟได้ อีกทั้งสมองของเธอยังหนักอึ้งราวกับมีก้อนหินขนาดยักษ์มาถ่วงไว้ สาเหตุอาจเป็นเพราะฝันร้ายเมื่อกี้ที่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งอก ก่อนจะลามไปทั่วทั้งตัวราวกับพิษร้ายที่แทรกซึมไปตามกระแสเลือดอย่างรวดเร็ว

แต่เมื่อปรับสายตาได้สิ่งที่คิดว่าเป็นแค่ความฝันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด นายตำรวจหนุ่มที่นั่งเฝ้าอยู่ที่มุมห้องกับป้าชม้อยที่นั่งน้ำตาคลออยู่ตรงนั้น ตอกย้ำให้เธอรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝันอย่างที่เธออยากให้เป็น

“เป็นยังไงบ้างลูก”

“ป้าม้อย มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมคะ หนูแค่ฝันไปใช่ไหม ใช่ไหมคะป้า” เพียงดาวถามหญิงวัยกลางคนด้วยความหวัง ทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีวันเป็นจริง

“ป้าจะดูแลหนูเองนะน้ำขิง”

มือหยาบกร้านสั่นเทาลูบผมนุ่มสลวยของเพียงดาวแผ่วเบา เธอไม่อยากบอกหญิงสาวว่าเป็นแค่ความฝัน เพราะคำหลอกลวงนั้นไม่ได้ช่วยให้คนตรงหน้าดีขึ้นกว่าเดิม จะยิ่งเจ็บเมื่อต้องกลับไปพบกับความจริงที่บ้านแต่จะให้เธอพูดความจริงกับเพียงดาวตอนนี้ก็ดูเหมือนจะใจร้ายกับหญิงสาวเกินไป เธอจึงเลือกที่เอ่ยเลี่ยงให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าถึงยังไงก็ไม่สามารถหนีความจริงไปได้

“ผมขออนุญาตสอบปากคำพวกคุณหน่อยได้ไหมครับ” นายตำรวจหนุ่มที่นั่งเฝ้าดูอาการมาตั้งแต่ที่เกิดเหตุ ลุกจากเก้าอี้เข้าไปหาหญิงสาวทั้งสองเพื่อทำตามหน้าที่

ชม้อยพยักหน้า ขณะที่เพียงดาวหลับตาปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมา แล้วทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดเท่านั้น

ชม้อยเริ่มต้นเล่าตั้งแต่วินาทีที่ได้ยินเสียงรถยนต์นับสิบคันวิ่งมาด้วยเร็ว ก่อนจะจอดสนิทที่หน้าบ้านไม้ของครอบครัวเพียงดาวจนถึงตอนที่ตำรวจมาถึง ชม้อยบอกกับนายตำรวจหนุ่มว่าเธอกลัวและชาวบ้านทุกคนก็กลัว ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยหรือแม้แต่จะเปิดประตูบ้านออกมาดู เพราะสิ่งที่ได้ยินลอยมาตามลมนั้นมีแต่ความน่ากลัวอย่างที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้ตัวเองจะได้กับเจอตัวและใกล้ชิดถึงขนาดนี้

ส่วนเพียงดาวกว่าจะเล่าเรื่องของตัวเองได้ก็นานหลายนาที เพราะเธอต้องกลั้นใจคิดถึงภาพที่ติดตามาจนถึงตอนนี้และคงติดตาไปตลอดชีวิตเพื่อเล่าให้กับนายตำรวจหนุ่มฟัง ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากจะทำมันแต่ก็ต้องจำใจทำ เพื่อตำรวจจะได้จับตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้

เมื่อนายตำรวจหนุ่มได้ข้อมูลที่ต้องการเรียบร้อยแล้วจึงขอตัวออกจากห้อง เหลือเพียงดาวและชม้อยสองคนนั่งมองหน้ากันไปมาอย่างเศร้าใจ ไม่มีใครเปลี่ยนอดีตให้คืนกลับมาได้มีแต่ต้องทำใจและเดินหน้าต่อไปเท่านั้น ซึ่งมีแต่เวลาเท่านั้นที่ให้คำตอบได้ว่าจะนานเท่าไหร่

“หนูอยากกลับบ้านค่ะป้าม้อย”

“ไหวหรือเปล่า ป้าว่าอยู่ที่นี่ให้หมอดูอาการสักคืนดีไหม”

“หนูไม่ได้เป็นอะไรขอกลับดีกว่าค่ะ ได้ไหมคะคุณหมอ” ประโยคหลังเพียงดาวหันไปถามคุณหมอ

“ถ้าไม่ปวดหัว หรือมีอาการหน้ามืดก็กลับบ้านได้ค่ะ”

“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”

คุณหมออนุญาตให้เพียงดาวกลับบ้านได้ แต่บ้านของเธอตอนนี้ไม่ใช่บ้านที่เหมือนเดิมอีกต่อแล้ว เพราะที่นั่นไม่เหลือใครที่เธอรักอีกแล้วเหลือแต่ร่องรอยความเจ็บปวดความเสียใจ ที่สำคัญคือตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานก็ยังอยู่ที่นั่นเธอคงไม่ได้เข้าไปพักผ่อนในบ้านตัวเองแน่

“ไปอยู่กับป้า” ชม้อยบอกกับหญิงสาวเมื่อทั้งคู่กลับมายืนหน้าประตูรั้วบ้านที่ถูกปิดล้อมไว้หมดแล้ว และเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจเต็มไปหมด

เพียงดาวพยักหน้า ป้าชม้อยเป็นที่พึ่งเดียวและที่พึ่งสุดท้ายของเธอในเวลานี้ เธอไม่รู้จะทำยังไงต่อไปถ้าไม่มีผู้หญิงคนนี้คอยอยู่เคียงข้าง อาจจะเป็นบ้าหรือคิดฆ่าตัวตายตามกันแม่กับน้องสาวไปแล้ว หากไม่มีมืออุ่นๆ คู่นี้คอยให้กำลังใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel